Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 471

ตอนที่ 471

“ถ้าอย่างนั้น ท่านรู้รึเปล่าว่าทำไมสุสานแห่งความตายและคทาหัวกะโหลกถึงหายไปพร้อมกัน?”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของกิลเกส หานซั่วก็ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เหลือได้อย่างง่ายดาย แต่มีเพียงอย่างเดียวที่หานซั่วยังคงไม่เข้าใจ ว่าศาสนจักรแห่งความหายนะทำให้คทาหัวกะโหลกหลุดมือไปได้อย่างไร

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เลยเหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่เหตุการณ์กวาดล้างเหล่านักเวทย์ผู้ใช้ความตายได้เริ่มต้นขึ้น สุสานแห่งความตายก็หายไปพร้อมกับพวกเขา หรือแม้แต่หลังจากตอนที่ศาสนจักรแห่งความหายนะก่อตั้งขึ้น สุสานแห่งความตายก็ยังไม่เคยปรากฏ แต่มาตอนนี้ เมื่อมีท่านเป็นผู้ครอบครองคทาหัวกะโหลก และสามารถเดินทางเข้าออกที่นั่นได้อย่างอิสระ สุสานแห่งความตายถึงได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปหลายพันปี”

หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสส่ายศีรษะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ

หานซั่วถามเกี่ยวกับข้อมูลของศาสนจักรแห่งความหายนะและสุสานแห่งความตายต่อไป แต่ครั้งนี้ กิลเกสก็เหมือนจะตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน สิ่งที่เขารู้จึงมีเพียงเท่านั้น

“โอ้ จริงสิ ว่าแต่พวกท่านยังอยากอยู่ที่นี่ต่อไปรึเปล่า?”

เมื่อหานซั่วไม่สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากกิลเกสได้มากไปกว่านั้นแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะจากไป

“พวกเราคงต้องหารือกันอีกสักหน่อย และอีกอย่าง พวกเราคงต้องฝังศพลูกหลานของพวกเราก่อนด้วย”

เมื่อประเด็นนี้ถูกพูดขึ้นมา สีหน้าของกิลเกสก็เศร้าหมองลงอีกครั้ง

“นายท่าน ข้าก็อยากอยู่ฝังศพท่านพ่อของข้าก่อน นับจากวันนี้ไป ตราบใดที่ข้า กิลเบิร์ตคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ข้าสาบานว่าจะกวาดล้างอารามแห่งน้ำแข็งให้หายไปจากอาณาจักรแห่งความลึกล้ำให้ได้!”

กิลเบิร์ตพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดูเหมือนว่าเขาจะมองอารามแห่งน้ำแข็งในฐานะศัตรูตลอดกาลของเขาไปแล้ว

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

หานซั่วขมวดคิ้วทันที เพราะในทางตรงกันข้าม เขาอยากจะออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด เพราะไม่ว่ายังไง ที่โลกเบื้องบนก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องจัดการ และเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าพวกอารามแห่งน้ำแข็งจะหวนกลับมาอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าหากว่าพวกนั้นกลับมาจริง ๆ และหานซั่วไม่ได้อยู่ที่นั่น เหล่ามังกรดำก็จะไม่มีวันหลบหนีจากโศกนาฏกรรมนั้นได้อีกแล้ว

หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หานซั่วก็พูดขึ้น

“รีบไปจัดการอะไรให้เรียบร้อย แล้วหลังจากนั้น ทุกคนต้องออกไปจากที่นี่ทันที”

หานซั่วอัญเชิญผีดิบธาตุดินชั้นยอด และนักรบผีดิบทั่วไปออกมากลุ่มหนึ่ง หลังจากที่ออกคำสั่งกับเจ้าผีดิบธาตุดินแล้ว เขาก็หันมาพูดกับกิลเบิร์ต

“ให้พวกนี้คอยช่วยเจ้า เริ่มที่การฝังศพพ่อของเจ้าก่อนเลย ข้าจะรออยู่ที่นี่กับเจ้าอีกสัก 2-3 วัน หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เจ้าก็ค่อยช่วยแบกกรงและออกไปจากที่นี่”

“ขอบคุณ นายท่าน!”

กิลเบิร์ตตอบ

เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงอยู่ที่หุบเขาใหญ่นั้นเป็นการชั่วคราว และด้วยคำชี้แนะของผู้เป็นปู่ กิลเบิร์ตก็สามารถฝังร่างของผู้ที่ตายได้ถูกต้องตามธรรมเนียมพิธีของเผ่ามังกรดำ แล้วพวกมังกรดำที่ยังคงถูกขังอยู่ในกรงก็ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องแผนการต่อไปในอนาคต

แม้หานซั่วยังคงอยู่ที่นั่น แต่ก็รักษาระยะห่างระหว่างตนเองและกิลเบิร์ตกับคนอื่น ๆ อยู่พอสมควร เขาก้มหน้าก้มตาศึกษาเกี่ยวกับความลึกลับของเขตแดนเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายที่เขาได้รับมาเมื่อครั้งก่อน หลังจากที่หานซั่วสามารถร่าย อาคมแห่งความอ่อนแอ ได้สำเร็จ เขาจึงเข้าใจวิธีการร่าย อาคมแห่งความหวาดกลัว ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น และในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 2 วัน เขาก็สามารถปลดปล่อยอาคมแห่งความหวาดกลัวได้อย่างช่ำชอง

เพราะทั้งอาคมแห่งความอ่อนแอและอาคมแห่งความหวาดกลัวนั้นมีวิธีการที่เหมือนกันอย่างแท้จริง หานซั่วจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากนักในการศึกษาอาคมอย่างหลัง แต่สำหรับอาคมแห่งอายุแล้ว เขากลับรู้สึกสับสนกว่ามาก ตลอด 3 วัน หานซั่วก็จมจ่อมอยู่กับวิธีการปลดปล่อยอาคมแห่งอายุ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถร่ายอาคมแห่งอายุออกมาได้เลย

หลังจากผ่านไป 5 วัน เมื่อมีเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดคอยช่วย เหล่ามังกรดำผู้วายชนม์ทุกคนก็ถูกฝังอย่างเรียบร้อย และตลอดเวลาที่ผ่านมา กิลเบิร์ตก็สามารถสงบสติอารมณ์และความคิดอันฟุ้งซ่านของตนเองได้ในที่สุด แม้แต่กิลเกสปู่ของเขาก็ยังตัดสินใจที่จะออกไปจากที่นั่นเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะหาวิธีเปิดกรงให้ได้ก่อน เพราะพวกเขาจะปลอดภัยมากกว่าถ้าพวกอารามแห่งน้ำแข็งย้อนกลับมาอีกครั้ง

บางที อาจเป็นเพราะมังกรดำมีน้ำหนักเทียบเท่ากับมนุษย์เมื่ออยู่ในร่างเดียวกัน หรือเป็นเพราะโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกรง ทำให้มังกรดำกิลเบิร์ตเพียงคนเดียวก็สามารถแบกกรงขนาดใหญ่ไว้บนบ่า ซึ่งไม่สมส่วนกับขนาดร่างกายมนุษย์ของเขาเลย เขาเดินตามหลังหานซั่วย้อนขึ้นไปยังชั้นที่ 1 ผ่านเส้นทางเดิมที่พวกเขาเคยใช้

ก่อนที่จะมาถึงชั้นที่ 1 หานซั่วก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของกลุ่มออร่าที่อ่อนแอบางอย่างตรงทางเข้าเหนือพวกเขา หานซั่วตื่นตัวขึ้นมาทันที แต่อย่างไรก็ตาม พวกนั้นก็ไม่ได้มีพลังในระดับที่เป็นอันตรายต่อหานซั่วแต่อย่างใด หานซั่วจึงไม่ได้รู้สึกกังวลมากนัก

เมื่อทั้งหานซั่วและมังกรดำกิลเบิร์ตเดินออกมาจากอุโมงค์ ในที่สุด เขาก็รู้ว่าใครคือผู้ที่รวมตัวกันอยู่บริเวณปากถ้ำ

ดาร์คเอลฟ์หญิงที่มีใบหน้าและเรือนร่างอันแสนเย้ายวนทั้ง 5 คนที่เคยร่วมเสพสมกับหานซั่วได้นำพาดาร์คเอลฟ์กลุ่มหนึ่งมายืนรอตรงบริเวณทางออก เชียลัน ผู้ที่ยืนอย่างสง่างามในบรรดาผู้คนเหล่านั้นเผยรอยยิ้มทันทีเมื่อเห็นหานซั่ว และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนอย่างที่สุด

“ดูสิ! ใช่ท่านจริง ๆ ด้วย! ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากเหลือเกินที่จะได้พบท่านที่นี่ ทำไมท่านถึงไม่ไปเยี่ยมเยียนเผ่าของเราบ้างเลยล่ะ? หรือว่าท่านรังเกียจพวกเราชาวดาร์คเอลฟ์เสียแล้ว?”

ตั้งแต่ตอนที่หานซั่วฆ่าอเดลตายไป ทั้ง 5 คนจึงกลายเป็นผู้สืบทอดในฐานะผู้นำเผ่าดาร์คเอลฟ์คนใหม่ ทีแรกนั้น หานซั่วก็พยายามติดต่อกับโลกใต้พิภพอย่างต่อเนื่อง แต่พักหลัง เมื่อทรังคส์ครอบครองอำนาจในการควบคุมหุบเขาแสงตะวันได้อย่างสมบูรณ์ คนของทรังคส์ก็เริ่มมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับเหล่าดาร์คเอลฟ์มากขึ้นเรื่อย ๆ

โลกใต้พิภพนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยคริสตัลและแร่หายากมากมาย มีแม้กระทั่งขุมทรัพย์พิเศษบางอย่างที่มิอาจหาได้ที่โลกเบื้องบน ในฐานะที่หุบเขาแสงตะวันเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่เชื่อมโยงกับหลากหลายดินแดน สินค้ามากมายที่มีไว้เพื่อตอบสนองความสนุกสนานสำราญใจจึงมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งดาร์คเอลฟ์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่รักการแสวงหาความสุขให้ชีวิตอยู่แล้ว เพราะเหตุนี้เอง ช่วงเวลาหลายปีมานี้ ทรังคส์จึงกอบโกยเหรียญทองจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับโลกใต้พิภพได้มากกว่าที่กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มใดเคยทำได้

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?”

หานซั่วนิ่วหน้าถามดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นด้วยความสงสัย

“ฮะ ๆ ก็ตั้งแต่ที่ท่านเข้ามาในโลกใต้พิภพ ท่านก็เอาแต่รีบบึ่งลงไปชั้นล่างอย่างเดียวเลยนี่นา มีพวกมนุษย์ค้างคาวกับก็อบลินตั้งเยอะแยะที่มองเห็นพวกท่านทั้ง 2 คน และเจ้าพวกโสโครกนั่นก็ยอมเอาข้อมูลเกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาเพื่อแลกกับอาหาร เพราะฉะนั้น พอท่านเข้ามาถึงชั้นที่ 2 ข้าก็เลยรู้ทันทีเลยว่าท่านอยู่ที่ไหน”

เชียลันอธิบาย ไม่นานนัก เธอก็หัวเราะอย่างน่ารักและพูดต่อ

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

“ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้ท่านจะไม่ได้ลงมาที่โลกใต้พิภพเลย และถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากท่าน พวกเราก็คงไม่สามารถหาพวกของเล่นหายากจากทรังคส์ได้เยอะขนาดนี้แน่ ๆ ในเมื่อท่านมาถึงโลกใต้พิภพแล้ว พวกเราในฐานะเจ้าบ้านที่ดีก็ต้องให้การต้อนรับท่านสิ”

“อย่างงี้นี่เอง!”

หานซั่วหัวเราะร่วน ก่อนจะพูดต่ออย่างสุภาพ

“ข้าซาบซึ้งน้ำใจพวกเจ้าจริง ๆ แต่ครั้งนี้ข้าค่อนข้างยุ่งและไม่ค่อยมีเวลามากนัก เอาไว้ครั้งหน้าที่ข้าเดินทางมาที่โลกใต้พิภพอีกครั้งก็แล้วกัน ข้าจะไปเยี่ยมพวกเจ้าแน่ ๆ”

กิลเบิร์ตในร่างมนุษย์กำลังลากกรงขนาดยักษ์มาด้วย ทั้งดูแปลกตาและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าเขากำลังแบกภูเขาทั้งลูกไว้บนบ่า สีหน้าของเขาแสดงความรังเกียจทันทีเมื่อมองเห็นพวกดาร์คเอลฟ์

หากไม่ใช่เพราะเพิ่งสูญเสียบิดาไป ด้วยลักษณะนิสัยหื่นกระหายเดิม ๆ ของเผ่ามังกรดำ เหล่าดาร์คเอลฟ์จะต้องกลายเป็นเหยื่อกามารมณ์ของเขาแน่ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม กิลเบิร์ตก็อารมณ์ไม่สู้ดีนัก และเชียลันพร้อมกับกลุ่มของเธอก็กำลังขัดขวางการปลดพันธนาการให้กับมังกรดำคนอื่น ๆ ที่ถูกขังอยู่ในกรง เขาจึงไม่สามารถทำหน้าตาเป็นมิตรออกมาได้

“นั่นเขาล่ะ มังกรดำคนนั้น!”

ด้านหลังเชียลัน ดาร์คเอลฟ์คนหนึ่งที่เคยเห็นกิลเบิร์ตมาก่อนก็รีบกระซิบบอกเชียลันทันที

เชียลันเหลือบมองกิลเบิร์ตครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันดวงตาเป็นประกายมองไปยังเหล่ามังกรดำหลายคนที่ถูกขังไว้ในกรงอย่างพินิจพิจารณา

ไม่นานนัก ดาร์คเอลฟ์สาวที่ทั้งงดงามและบริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เชียลันก็กระแอมไอขึ้นเบา ๆ เชียลันสะดุ้งทันที จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางดาร์คเอลฟ์ด้วยสายตางุนงง แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนกลับเป็นสีหน้าปกติแทบจะทันที

“เอาล่ะ ในเมื่อมันช่างยากเหลือเกินที่ท่านจะลงมาที่โลกใต้พิภพ งั้นพวกเราก็จะไม่ยอมให้ท่านกลับไปมือเปล่าแน่ ๆ”

เมื่อเชียลันหันมองไปยังดาร์คเอลฟ์สาวคนนั้น เธอดูราวกับว่าได้รับสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะยิ้มกว้างและชี้ไปยังเด็กสาวและพูดกับหานซั่ว

“นี่คือเด็กสาวที่งดงามที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ของเรา ฮิฮิ และเธอยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยนะ! ในฐานะมิตรแท้ของเรา ข้าขอมอบเธอให้เป็นของขวัญ ไม่ว่าท่านจะปฏิบัติกับเธอยังไง จะให้เป็นคนรับใช้หรือทาส ก็ตามแต่ใจท่านปรารถนา แต่ท่านต้องรับของขวัญชิ้นนี้ไว้นะ ไม่เช่นนั้น จะเป็นการดูหมิ่นเกียรติของพวกเราชาวดาร์คเอลฟ์น่าดูเลยทีเดียว!”

นี่คือเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายของหานซั่วอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่เธอหันไปมองเด็กสาวผู้งดงามและผุดผ่องผู้นั้นเพียงครั้งเดียว เธอก็ยืนกรานที่จะมอบเธอให้หานซั่วเสียแล้ว

ขณะที่หานซั่วกำลังตกใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นอย่างพิจารณา ซึ่งแม้จะมองเพียงปราดเดียว เขาก็รู้ว่าเธอนั้นงดงามอย่างยิ่ง เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางเชียลันและดาร์คเอลฟ์ผู้สวยยั่วยวนทั้ง 4 คน ออร่าแห่งความเยาว์วัยและบริสุทธิ์ของเธอที่แผ่ออกมานั้นกลับมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจยิ่งกว่า

ออร่าจากร่างของเธอนั้นดูสะอาดและบริสุทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากดาร์คเอลฟ์ทั่ว ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง และเป็นหลักฐานชัดเจนที่บ่งบอกว่าเธอยังไม่เคยผ่านวัฒนธรรมคาวโลกีย์ของเหล่าดาร์คเอลฟ์มาเลยจริง ๆ เมื่อเธอมองมายังหานซั่วด้วยท่าทีเขินอาย เธอก็ทำให้รู้สึกทั้งหลงรักและเอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก

ขณะที่หานซั่วจ้องมองเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดก็ผุดขึ้นมาในใจ ราวกับว่าเขาเคยรู้จักเด็กสาวคนนี้มานานแล้ว หานซั่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้เคยเจอเธอมาก่อนเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนที่เขาเดินทางมายังโลกใต้พิภพ เขาจึงรู้สึกสับสนงุนงงอย่างที่สุด

การพบกันเพียงครั้งแรก จะให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยขนาดนี้เลยเชียวรึ? หานซั่วคิดกับตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเด็กสาวคนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล

“ท่านต้องยอมรับจริง ๆ นะ ถ้าไม่รับล่ะก็ ท่านจะดูหมิ่นน้ำใจของพวกเราชาวดาร์คเอลฟ์มาก ๆ เลย!”

โดยที่ไม่รู้ว่าปัญหาของเชียลันคืออะไร แต่เธอกลับยืนกรานมอบเด็กสาวให้กับหานซั่ว ราวกับว่าหากเขาไม่รับเด็กสาวคนนี้ไว้ล่ะก็ เขาจะกลายเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์ของเธอทันที

“ตกลง เจ้าน่ะ มากับข้าก็ได้!”

เป็นไงเป็นกัน ก็แค่มีคนรับใช้ที่คฤหาสน์เจ้าเมืองนครเบรทเทลเพิ่มอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง อีกอย่าง เรื่องแค่นี้คงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรกับทรังคส์มากนักหรอก หานซั่วจึงตอบส่ง ๆ ไป

เช่นนั้นแล้ว เชียลันและคนอื่น ๆ จึงไม่ได้ขัดขวางหานซั่วอีกต่อไป หากแต่พูดคุยเล่นอย่างร่าเริง พร้อมกับเดินไปส่งเขาจนถึงทางออก

************************************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท