หานซั่วรู้ดีว่าอารามแห่งน้ำแข็งมีรากฐานหยั่งลึกในจักรวรรดิคาซีมากเพียงใด ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้โซฟีโดยไม่จำเป็น แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นถึงอัศวินศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าต้องมาเกี่ยวข้องกับหานซั่วแล้ว ความเป็นไปได้ที่ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีก็มีน้อยเหลือเกิน
แต่สิ่งเดียวที่นอกเหนือความคาดหมายของหานซั่ว ก็คือการที่โซฟีไล่ตามเขาท่ามกลางสายตาของผู้คน ทันทีเห็นเธอขี่ม้าเปกาซัสพุ่งเข้ามาหา หานซั่วก็ไม่รู้เลยว่าควรจะหัวเราะหรือร้องให้ดี
“เฮ้! นั่นท่านโซฟีนี่นา!”
ผู้คนมักชื่นชอบเสียงดังและความตื่นเต้น พวกเขารีบเงยหน้ามองขึ้นไปตามเสียง และเห็นโซฟีผู้งดงามขี่ม้าเปกาซัสบินโฉบอยู่ด้านบน เสียงเซ็งแซ่จึงดังกระหึ่มขึ้นตามมา
ทุกคนต่างมองตามทิศทางโซฟีที่กำลังบินไป ทำให้หานซั่วที่กำลังรีบหนีออกจากตรงนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายตกเป็นเป้าสายตาทันที ใบหน้าประหลาดใจระคนดีใจของโซฟีแสดงออกอย่างชัดเจนว่าหานซั่วไม่ได้วิ่งหนีเธอเพราะไปทำความผิดอะไรมา แต่ภาพที่ทุกคนเห็น คือหานซั่ว ที่แต่งตัวอย่างดีและกำลังหนีเธอด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น ในขณะที่โซฟีเองก็กำลังไล่ตามอย่างมีความสุข ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างมีจินตนาการเตลิดไปไกล และบางคน อาจจะเข้าใจผิดไปแล้วก็เป็นได้
หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ จะเป็นคนที่โซฟีผู้งดงามหลงรักจริง ๆ?
ชั่วครู่หนึ่ง ภาพที่ปรากฏก่อให้เกิดความคาดคะเนมากมายผุดขึ้นในใจฝูงชน จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองบราก ผู้ที่เป็นถึงโอรสของเจ้าชาย กำลังแสดงท่าทีไม่พอใจอยู่ตรงที่เดิม ดูเหมือนว่าบรรดาสามัญชนจะมีความสุขในความโชคร้ายของบรากอยู่ไม่น้อย พวกเขาเริ่มซุบซิบคุยกัน ขณะที่จ้องมองกันไปมาด้วยสายตาที่สื่อความหมายบางอย่าง
“ฮ่า! น่าสนใจจริง ๆ ดูเหมือนว่าท่านโซฟีจะพบหวานใจเข้าแล้ว”
“นั่นสิ ท่าทางเจ้าบรากนั่นจะกลายเป็นฝ่ายถูกเมินซะด้วย ข้าได้ยินมาตั้งนานแล้วว่ามันเป็นแค่รักข้างเดียว เขาบังคับให้ตาเฒ่าซูโลยอมเห็นด้วยกับการแต่งงาน แถมใช้อิทธิพลของพ่อตัวเองข่มขู่ ท่าทางข่าวลือนั่นจะเป็นจริงแฮะ”
“ใช่แล้วล่ะ ชนชั้นสูงที่เป็นมิตรและเป็นกันเองอย่างท่านโซฟีน่ะ คือผู้สูงศักดิ์ที่แท้จริง ถึงครอบครัวของบรากจะร่ำรวยมั่งคั่ง แต่เขาฝักใฝ่อยู่กับแสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์มากเกินไป ไม่เหมาะกับท่านโซฟีเลยสักนิด”
บทสนทนาเหล่านั้นก็แพร่สะพัดออกไปในหมู่ผู้คนที่แน่นขนัดอยู่บนถนนที่จอแจ บรรดาคนที่รู้สึกสนุกกับความโชคร้ายของบราก ก็ค่อย ๆ หันมองบรากที่อยู่บนรถม้าหรูหราด้วยสายตาเย้ยหยัน
“บ้าจริง! ไอ้เจ้าบ้านั่นมันเป็นใครมาจากไหนน่ะ? โซฟีเป็นผู้หญิงที่สูงส่งขนาดนั้น แล้วเธอจะไปเกลือกกลั้วกับไพร่ชั้นต่ำพวกนั้นได้ยังไง!?”
บรากที่อยู่ในรถม้ามองเห็นหลังของหานซั่วจากระยะไกล และหูของเขาก็บังเอิญได้ยินสิ่งผู้คนพูดถึงกัน ยิ่งทำให้เขาเกรี้ยวกราดมากขึ้นอีก
“นายท่าน ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั่นมาก่อนเลย ข้าคิดว่านี่คงเป็นแค่ข้ออ้างที่ท่านโซฟีจะหลบออกไปเฉย ๆ นายท่าน เธอไม่ได้ต้องการที่จะไปงานประมูล เพราะงั้นก็เลยสร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเอง!”
อัศวินที่อยู่ด้านข้างรถม้าพูดขึ้นเบา ๆ
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
ทันใดนั้น เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นตกใจก็ดังมาแต่ไกล
“บินไปแล้ว! เขาบินไปแล้ว! บ้าจริง! เร็วชะมัด!”
บรากตกใจและมองออกไปในทันที เขาเห็นร่างกายที่โดดเด่นของหานซั่วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทิ้งไว้เพียงเส้นแสงวาบหนึ่งขณะบินออกไปอย่างรวดเร็ว โซฟีตามเขาไปติด ๆ บนม้าเปกาซัสสีขาวบริสุทธิ์ของเธอ เงาของเธอกลายเป็นจุดสีขาว จนกระทั่งค่อย ๆ ลับตาไปในที่สุด
“ทีนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย! เขาคงเป็นจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ บางทีอาจจะเป็นจอมขมังเวทย์เลยก็ได้! ไม่แปลกใจเลยที่ท่านโซฟีทำแบบนั้น ฮ่า! ต้องเป็นนักเวทย์หนุ่มที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเท่านั้นล่ะ ถึงจะคู่ควรกับท่านโซฟี”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นพ่อหนุ่มมากความสามารถ และถ่อมตัวมาก ๆ เลยด้วย โอ้… จริงสิ เขาจะต้องเป็นพวกชนชั้นสูงที่น่ายกย่องเหมือนกับท่านโซฟีแน่ ๆ เขาเพิ่งซื้อก้อนหินจากข้าไปเมื่อกี้นี่เอง ฮ่าฮ่า ต้องเป็นคนแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะสมกับท่านโซฟี”
บรากที่นั่งอยู่ในรถม้า ในตอนแรก เขามีเพียงความโกรธเคืองในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเห็นหานซั่วพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า บรากก็เริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นมาจริง ๆ เขาพูดกับอัศวินด้านข้างด้วยเสียงจริงจัง
“ธูแรม ไปสืบมาให้ได้ว่าเจ้าหมอนั่นมันเป็นใคร!”
“ขอรับ นายท่าน!”
ธูแรมรู้ดีว่าคนที่สามารถเหาะได้หมายความว่าอย่างไร ในฐานะข้ารับใช้ เขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไรต่อไปเมื่อมีบุคคลเช่นนี้โผล่มาและอาจเป็นภัยต่อบราก
ภายในใจ ราวกับหานซั่วทั้งร้องไห้และหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะที่เขาเร่งความเร็วโดยใช้เวทย์เหินหาว เขาไม่ต้องการให้โซฟีไล่ตามเขาทันจนทำให้ตัวเธอเองต้องเจอกับปัญหา และไม่เพียงแต่ตัวเธอที่จะต้องมาเสี่ยง แต่เป็นไปได้ว่าครอบครัวทั้งครอบครัวของเธออาจจะถูกฆ่าเพราะเขาเลยก็ว่าได้ ใครจะไปคาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะดื้อดึงถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าหานซั่วจงใจหลบเลี่ยงเธอ เธอกลับไล่ตามเขามาเสียอย่างนั้น หานซั่วไม่ได้คาดหวังเหตุการณ์เช่นนี้ไว้เลย
ในขณะที่คนหนึ่งวิ่งหนี และอีกคนก็ไล่ตาม ไม่นานนัก เมื่อทั้งคู่มาถึงบริเวณเปลี่ยวร้าง และเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ทีแรกนั้น หานซั่วตั้งใจจะใช้เวทย์ปีศาจอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้สลัดโซฟีให้หลุด แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนที่คั่นด้วยเสียงหอบหายใจ
“หาน! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
หานซั่วนิ่งอึ้งไปทันที และเห็นว่าเขาคงไม่มีทางสลัดเธอได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะอธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เธอฟังแทน หลังจากหันมองซ้ายขวา เขาก็พุ่งตัวผ่านเข้าไปในถนนรกร้างด้วยความเร็วปานกลาง หลังจากนั้น เขาก็นำโซฟี ซึ่งตามมาติด ๆ ไปยังจัตุรัสกว้างและเงียบเชียบแห่งหนึ่ง
หานซั่วหยุดยืนอยู่บนขั้นบันไดหนึ่งของจัตุรัส หันหลังกลับไปมองโซฟีที่ไล่ตามเขามาโดยตลอด ก่อนจะฝืนยิ้มและพูดขึ้น
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“เจ้า… เจ้าหลบหน้าข้าทำไมกัน?”
เปกาซัสของโซฟีลงแตะพื้นอย่างแผ่วเบา เธอมองหานซั่วด้วยความสับสนงุนงง เสียงของเธอเจือไปด้วยความเศร้า
“ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเจ้าน่ะสิ เจ้ามีความสุขดีในจักรวรรดิคาซีนี่อยู่แล้ว แต่ถ้าเจ้ามายุ่งเกี่ยวกับข้า เจ้าและครอบครัวจะเดือดร้อนเอาได้นะ”
เพราะกลัวว่าโซฟีจะไล่ตามเขาต่อ หานซั่วจึงอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อหานซั่วอธิบายจบ เธอไม่ได้ซ่อนความตระหนกตกใจเอาไว้เลย สีหน้าท่าทีบนใบหน้างดงามของเธอเปลี่ยนไปในทันที หลังจากมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เธอก็ถามหานซั่วอย่างระมัดระวังด้วยเสียงที่เบามาก ๆ
“เจ้าไปทำอะไรเลวร้ายมาเหรอ? แล้วเจ้ากำลังเจอกับปัญหาอยู่รึเปล่า?”
หานซั่วพยักหน้า และยอมรับอย่างหมดใจ
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
“ใช่แล้วล่ะ เลวร้ายมาก ๆ เลยด้วย”
“เล่าให้ข้าฟังสิ พ่อข้ามีอิทธิพลในจักวรรดิคาซีพอสมควรเลยนะ บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ก็ได้!”
โซฟีนั้นมีจิตใจดี ไม่เพียงแต่เธอจะอยู่เพื่อพูดคุยกับหานซั่ว เธอกลับพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเขาอย่างเต็มที่
“ลืมมันซะเถอะ ถึงเป็นพ่อเจ้าก็ช่วยข้าไม่ได้หรอก”
หานซั่วปฏิเสธเสียงราบเรียบ จากนั้นก็มองไปที่โซฟีด้วยท่าทีนิ่งเฉย และพูดต่อ
“ข้าจะอยู่ที่จักรวรรดิคาซีสักพัก เจ้าต้องไม่ติดต่อกับข้าเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ทำเหมือนกับเจ้าไม่รู้จักข้าไปเลยก็แล้วกัน”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า!”
โซฟียังไม่ยอมเข้าใจได้ง่าย ๆ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมองโลกในแง่ดีสุด ๆ
“ในป่าทมิฬเมื่อตอนนั้นน่ะ เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ไม่ว่ายังไง เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี และในเมื่อตอนนี้เจ้ากำลังมีปัญหา ข้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเจ้าได้ยังไงล่ะ? และอีกอย่าง ข้าสัญญากับเจ้าเอาไว้แล้วด้วย ว่าถ้าเจ้ามาที่จักรวรรดิคาซี ข้าจะดูแลต้อนเจ้าอย่างดี”
“ข้าไม่ได้กำลังเดือดร้อนสักหน่อย เจ้าต่างหากล่ะ ที่จะเดือดร้อนถ้ายังดื้อดึงอยู่อย่างนี้”
หานซั่วอธิบาย ยิ่งโซฟีมีท่าทีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากดึงเธอเข้ามาเกี่ยวด้วยเลยจริง ๆ
แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะค่อนข้างหัวแข็งและดื้อรั้นมากทีเดียว ก่อนที่โซฟีตอบหานซั่วอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าต้องเจอปัญหาใหญ่แค่ไหนกันเชียว? ใจเย็นน่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้าได้หรอก ฮิฮิ นี่เป็นโอกาสหายากที่เจ้าจะมาถึงจักรวรรดิคาซี เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไง ข้า ในฐานะเจ้าบ้าน ก็ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า”
“คุณผู้หญิง คนที่ข้าไปมีเรื่องด้วยน่ะ คือพวกอารามแห่งน้ำแข็ง เจ้าคิดว่าจะรับมือพวกนั้นไหวเหรอ?”
เมื่อหานซั่วเห็นว่าโซฟียังคงดื้อดึง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเปิดเผยความจริงว่าศัตรูของเขา คืออารามแห่งน้ำแข็ง
—– จบตอนที่ 487 Part 1 —–