ในตอนนั้น เหล่ายอดฝีมือของอารามแห่งน้ำแข็งที่อยู่ไกลออกไปก็โถมการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งความหนาวและความเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นอีกถึง 3 เท่า และแผ่กระจายออกมาจากกรงหยกเยือกแข็ง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิร้อนระอุของแดนอัคคีสัมบูรณ์ มันก็ก่อให้เกิดกลุ่มควันหนาซึ่งปกคลุมกิลเกสและคนอื่น ๆ
ความหนาวเย็นสุดขั้วถาโถมอย่างรุนแรงเข้าสู่ร่างกายของเอลิซาเบธผ่านมือทั้ง 2 ข้างของเธอราวกับน้ำที่ล้นทะลักออกมาจากเขื่อน หานซั่วชะงักไปทันที และรีบรวบรวมสมาธิ เพื่อส่งแก่นมนตราของเขาที่ยังเหลืออยู่ให้หลั่งไหลไปที่มือทั้งสองของเธอ
“โอ๊ยยย…. เจ็บเหลือเกิน!”
เอลิซาเบธกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมานราวกับหมูที่กำลังจะถูกเชือด ลำแสงสีแดง สีขาว และสีเขียว แผ่ออกมาจากมือทั้งสองของเธอ ในตอนนั้น ครู่หนึ่งจะเป็นพลังแห่งความหนาวเย็น และอีกครู่หนึ่งกลับกลายพลังที่ร้อนระอุ เมื่อพลังทั้งที่อยู่คนละขั้วปะทะกัน เธอจึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ก่อนหน้านี้ ขณะที่ร่างของเอลิซาเบธถูกแช่แข็งด้วยความเย็น ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้มากมายจนเกินรับได้ถึงเพียงนี้ เนื่องจากความเย็นยะเยือกทำให้ร่างกายของเธอชาไปหมด แต่ในตอนนี้ เมื่อน้ำแข็งละลายไปแล้ว ความเจ็บปวดจึงเพิ่มมากขึ้นและทรมานมากขึ้น
ในตอนนั้น หานซั่วไม่สามารถช่วยเอลิซาเบธได้เลย ขณะที่เขาใช้แก่นมนตราเพื่อสร้างเปลวไฟขึ้นที่มือทั้ง 2 ของเอลิซาเบธอย่างต่อเนื่อง จิตของสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เบาบางจากกรงหยกเยือกแข็ง เมื่อเขาเพ่งพินิจดูดี ๆ จิตของหานซั่วดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกล ราวกับเป็นการเชื่อมโยงกันอย่างปาฏิหารย์ระหว่างกรงหยกเยือกแข็งและบ่อเกิดแห่งพลังที่อยู่ห่างออกไป
ทันใดนั้นเอง ทุกอย่างก็กระจ่างชัดสำหรับหานซั่วในทันที เพราะตัวตนที่จิตของเขาสัมผัสได้จากกรงหยกเยือกแข็ง ก็คือร่องรอยวิญญาณของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพรรคพวก ซึ่งหากพวกเขาต้องการส่งผ่านพลังมาทางกรงหยกเยือกแข็งด้วยวิธีการอันลี้ลับเช่นนี้ พลังจิตของพวกเขาก็จำต้องอยู่ในเงื่อนไขการใช้ที่สูงมากทีเดียว เช่นนั้นแล้ว จากการเชื่อมต่อที่ลี้ลับนี้ จิตที่แข็งแกร่งของหานซั่วจึงสัมผัสถึงพวกเขาได้แม้จะเบาบางมากก็ตาม
ในขณะที่หานซั่วกำลังทำความเข้าใจกับความคิดเหล่านั้น กรงหยกเยือกแข็งก็ระเบิดพลังแห่งความหนาวเย็นออกมาอีกนับ 10 เท่า กลุ่มควันหนาปกคลุมไปทั่วแดนอัคคีสัมบูรณ์ แม้แต่เปลวไฟที่จ้าวอัคคีสร้างขึ้นก็พลันแข็งตัวอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าจ้าวอัคคีเองก็ไม่เคยพบปัญหาหนักเช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา ทำให้ทั่วทั้งรอยแยก รวมทั้งแดนอัคคีสัมบูรณ์ ก็ล้วนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเพราะเสียงคำรามของเธอที่ดังกึกก้อง
ทันใดนั้นเอง ลาวาเหลวในแดนอัคคีสัมบูรณ์ก็เดือดปุดจนก่อให้เกิดฟอง ราวกับเป็นการโจมตีโต้กลับของจ้าวอัคคีผู้กราดเกรี้ยว เมื่อพลังงานธาตุไฟที่หล่อเลี้ยงแดนอัคคีสัมบูรณ์มานับหมื่น ๆ ปี ได้หลั่งไหลมารวมตัวกันเป็นสาย ผ่านเปลวไฟที่พุ่งออกมาจากปากของจ้าวอัคคีและตรงไปยังกรงหยกเยือกแข็ง
ส่วนเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดก็พุ่งตัวเข้าไปยังแดนอัคคีสัมบูรณ์ ดอกบัวอัคคีในมือของมันพลันรวบรวมพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในแดนอัคคีสมบูรณ์เอาไว้ แม้ดอกบัวอัคคีไม่ได้ปลดปล่อยเปลวไฟออกมาเองอีกแล้ว แต่ด้วยฝีมือของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด ดอกบัวอัคคีก็คุกรุ่นไปด้วยพลังงานธาตุไฟที่ไม่มีวันหมดสิ้น ขณะที่มันพุ่งเข้าโจมตีเข้ากรงหยกเยือกแข็ง
“ท่านพ่อ ระวังนะ!”
เจ้าผีดิบธาตุไฟส่งกระแสจิตตามมาในทันที
หานซั่วตระหนักดีว่าการต่อสู้ได้มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เขาจึงรวบรวมสมาธิอย่างเต็มที่ แม้แต่จิตที่แข็งแกร่งซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างดีเพื่อให้รอดพ้นจากราชา 6 เขาแห่งเผ่าวิญญาณ ก็ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อล็อคเป้าเหล่าวิญญาณที่เชื่อมโยงกับกรงหยกเยือกแข็งไว้ให้มั่นโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
“อดทนไว้ อีกเดี๋ยวพวกมันก็เสร็จเราแล้ว!”
ภายในอารามแห่งน้ำแข็งซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็ร้องขึ้นมา
ทุกคนต่างใช้ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ พลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้มาจากศรัทธาอันแก่กล้าที่มีต่อเทพีน้ำแข็งนั้นถาโถมเข้าไปยังกรงหยกเยือกแข็งที่อยู่ห่างไกลออกไป
ครืนนน….
เมื่อดอกบัวอัคคีระเบิดขึ้นบนกรงหยกเยือกแข็ง เสียงอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังก้องให้ได้ยิน เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากดอกบัวอัคคีและลุกไหม้อยู่บนซี่ลูกกรงทั้งหมดนั้น
เหล่ามังกรดำที่อยู่ในกรงหยกเยือกแข็งได้รับผลจากแรงกระแทกเข้าอย่างจัง หญิงสาวคนหนึ่งถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปาก ดูเหมือนเธอจะได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดอย่างฉับพลันเมื่อครู่
เมื่อจ้าวอัคคีปลดปล่อยพลังออกมาด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เธอมี ทำให้เปลวเพลิงรุนแรงที่ทะลักออกมานั้นดูราวกับเป็นพลังงานอันไร้ที่สิ้นสุด แม้แต่กลุ่มควันโขมงก็แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทางมากขึ้นอีก
“พวกมันแข็งแกร่งเกินไป! ท่านโครีย์ ข้าต้านไว้ไม่ไหวแล้ว!”
จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งประจบสอพลอโครีย์พูดขึ้นด้วยความหวาดผวา
ด้วยความร่วมมือของเจ้าผีดิบธาตุไฟและจ้าวอัคคีที่ใช้พลังงานซึ่งคุกรุ่นอยู่ในแดนอัคคีสัมบูรณ์มานับล้าน ๆ ปี ในที่สุด พวกเขาก็สามารถบดขยี้พวกอารามแห่งน้ำแข็งได้สำเร็จ เมื่อกรงหยกเยือกแข็งค่อย ๆ เริ่มละลายภายใต้เปลวไฟอันร้อนแรงนั้น
ด้วยมือทั้ง 2 ข้างของเอลิซาเบธที่เป็นสื่อกลาง หานซั่วก็สามารถเห็นว่าน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพรรคพวกของเขาไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป จิตของหานซั่วถึงกับสัมผัสได้ว่า บางคนในนั้นที่เคยปลดปล่อยพลังผ่านมาทางกรงหยกเยือกแข็งมาโดยตลอด กลับค่อย ๆ จางหายไปทีละคน ๆ
ในตอนนั้นเอง ที่หานซั่วผู้ซึ่งเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมก็เริ่มเคลื่อนไหว ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังพยายามต้านทานการโต้กลับของเปลวไฟอย่างสุดแรงเกิด พลังจิตทั้งหมดของหานซั่ว รวมทั้งจิตของเขา ก็ถูกปลดปล่อยออกไปกระหน่ำโจมตีวิญญาณของคนส่วนหนึ่งในนั้นราวกับดาบที่แหลมคม
อั่ก…!!!!
เหล่ายอดฝีมือของอารามแห่งน้ำแข็ง รวมทั้งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ต่างกระอักเลือดออกมาจากปาก พวกเขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณของพวกเขาถูกทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ และได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงไม่หลงเหลือพลังเพื่อต้านทานได้อีก กรงหยกเยือกแข็งแตกออกด้วยเสียงกระเทาะดังลั่น และไม่มีพลังความหนาวเย็นใด ๆ ที่หลงเหลืออยู่ในแดนอัคคีสัมบูรณ์ด้วยเช่นกัน
มือทั้ง 2 ข้างของเอลิซาเบธเป็นอิสระในที่สุด หานซั่วคว้าตัวเธอไว้ก่อนเธอจะร่วงหล่นลงไป ส่วนเผ่ามังกรดำทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระจากการจองจำ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่พวกเขาก็ยังสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ด้วยความพยายามอันน้อยนิด จึงไม่มีใครร่วงหล่นลงไปสู่แดนอัคคีสัมบูรณ์เบื้องล่าง
ห่างออกไปนับพันไมล์ ณ อารามแห่งน้ำแข็ง…
โครีย์และพรรคพวกที่เคยถูกแช่แข็งราวกับรูปปั้นน้ำแข็งนั้น จู่ ๆ น้ำแข็งก็ระเบิดแตกออก และพวกเขาก็พุ่งตัวออกมา ร่างของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์กระเด็นไปไกล พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว
อารามแห่งน้ำแข็งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี กลับถูกจู่โจมด้วยอากาศร้อนที่แผ่ปกคลุม ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อลังการและถูกสร้างขึ้นด้วยคริสตัลน้ำแข็งแปรสภาพกลายเป็นน้ำที่ไร้ชีวิตชีวา
เหล่าสาวกที่ฝึกฝนการต่อสู้และเวทมนตร์ธาตุน้ำอยู่ภายในอารามแห่งน้ำแข็งต่างรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาต่างจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ ริ้วรอยที่บูดบึ้งปรากฏบนสีหน้าของพวกเขาขณะที่พยายามตามหาที่มาของความร้อนนั้นด้วยความตื่นตระหนก ไม่นานนัก พวกเขาก็พบว่าอารามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพีน้ำแข็งของพวกเขากำลังละลายลงอย่างช้า ๆ
ในช่วงสหัสวรรษที่ผ่านมา เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับเหล่าสาวกอารมแห่งน้ำแข็งแล้ว ปรากฏการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการที่เหล่าอสูรปีศาจผุดที่ขึ้นมาจากประตูของขุมนรกเสียอีก พวกเขาทั้งตื่นตระหนก หวาดกลัว และไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
หรือว่า… เทพีน้ำแข็งจะทอดทิ้งพวกเขาเสียแล้ว?
ในขณะที่อารามแห่งน้ำแข็งเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนานนับพันปี หานซั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อมองไปยังจ้าวอัคคีที่อยู่แดนอัคคีสัมบูรณ์เบื้องล่างด้วยสีหน้าที่ไม่อาจจินตนาการได้
สิ่งที่เขาเห็น คือจ้าวอัคคีที่ร่างกายขนาดมหึมาเต็มไปด้วยลาวาเหลว เหล็ก และก้อนหิน กำลังกลายร่างไปอย่างน่าตกตะลึง ก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่าที่มีสีแดงราวกับเหล็กกล้ากำลังหลอมละลายไปพร้อมกับเสียงคำรามดึงกึกก้องของจ้าวอัคคี และพลังงานมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเธอ
ร่างมหึมาของจ้าวอัคคีส่ายไปมา และค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ลาวาเหลวจากทั่วทั้งแดนอัคคีสัมบูรณ์หลั่งไหลเขาสู่ตัวเธออย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะหล่อเลี้ยงเธอด้วยพลังงานปริมาณมหาศาลที่หล่อเลี้ยงอยู่ภายในแดนอัคคีสัมบูรณ์มาตั้งแต่แรกถือกำเนิด
ต่อหน้าต่อตาหานซั่ว จ้าวอัคคีขยายร่างขึ้นจนมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และเกือบจะอัดแน่นเต็มแดนอัคคีสัมบูรณ์ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก้อนหินบนตัวของเธอก็เริ่มสั่นไหวอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลาวาเหลวหลั่งไหลออกมา ร่างของเธอก็ค่อย ๆ หดเล็กลงทีละน้อย ๆ
หานซั่วจ้องมองไปยังจ้าวอัคคีโดยไม่กระพริบตา เขาสัมผัสได้ว่ายิ่งร่างของเธอเล็กลง พลังในตัวเธอกลับมากขึ้น หลังจากนั้น ลำแสงสีแดงเพลิงก็ระเบิดออกมาจากร่างของเธอ ราวกับพระอาทิตย์ย่อส่วน ลำแสงนั้นเจิดจ้าอย่างยิ่งจนราวกับทำให้เปลือกตาที่หลับอยู่นั้นโปร่งแสงไปชั่วขณะ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข้าพัฒนาร่างได้แล้ว! ในที่สุดก็พัฒนาร่างได้เสียที!”
ภายใต้สายตาที่เฝ้ามองอย่างจดจ่อของหานซั่ว จ้าวอัคคีที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีแดง ก็ระเบิดเสียงหัวเราะร่วนออกมายกใหญ่ เมื่อแสงจ้าสีแดงนั้นค่อย ๆ จางหายไป ก็เผยให้เห็นหญิงอวบอ้วนวัยกลางคนที่มีผิวสีแดงอยู่เบื้องหน้าหานซั่ว
*****************************