ณ นครซีโร จักรวรรดิคาซี
นครซีโร คือเมืองหลวงของจักรวรรดิคาซีที่มีจำนวนประชากรนับล้านคน เป็นเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีทั้งภูมิทัศน์ที่สวยงาม และวัฒนธรรมมากมายอันเป็นเอกลักษณ์ของจักรวรรดิคาซี ในเวลาเดียวกัน ที่นี่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปจิตวิญญาณของการต่อสู้อันเลื่องชื่อ
ทุก ๆ 3 ปี จะมีการประมูลครั้งใหญ่จัดขึ้นที่ใจกลางนครซีโร ซึ่งจะเป็นที่ ๆ ใครก็สามารถหาซื้อทรัพย์สมบัติมีค่าที่ได้หายากยิ่ง และทุกครั้ง งานนี้จะดึงดูดความสนใจของบรรดาชนชั้นสูงและขุนนาง หรือแม้แต่พวกคนร่ำรวยจากจักรวรรดิข้างเคียงก็มักจะดั้นด้นเดินทางไกลมาเพื่อร่วมการประมูลเสมอ
ระหว่างงานประมูลที่จัดขึ้นครั้งก่อน ๆ ในนครซีโร ไม่เพียงแต่ทรัพย์สมบัติมีค่าทุกชนิดจะถูกนำออกมาประมูล แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็มีปรากฏขึ้นถึง 2 ครั้ง ‘ดาบดาราพราย’ ที่ตอนนี้ฟีบี้เป็นเจ้าของหลังจากทีได้มาจากเซลท์ ก็เคยปรากฏขึ้นที่งานนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็ถูกนำมาขายต่อหลายครั้งก่อนที่เขาจะได้มันไป
นับว่าเป็นงานเทศกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว และนอกเหนือจากการประมูลแล้ว ยังมีของแปลก ๆ มากมายหลายชนิดมาวางขาย ใครก็ตามที่รู้คุณค่าของสิ่งเหล่านั้นย่อมได้ของที่พวกเขาปรารถนาติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอย่างแน่นอน
ทุกครั้งที่งานประมูลครั้งใหญ่นี้ถูกจัดขึ้น จะเป็นการดึงดูดทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ตลอดจนทุกเผ่าพันธุ์โดยปราศจากข้อยกเว้นใด ๆ แม้แต่หานซั่วเองยังได้ยินถึงเทศกาลนี้จากในนครเยือกแข็ง เขาจึงใช้เงิน 3,000 เหรียญทองผ่านวิธีผิดกฎหมายบางอย่าง เพื่อลักลอบใช้วงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายในการเดินทางมายังนครซีโร
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
หานซั่วที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและยังไม่ฟื้นตัวเต็มร้อย ไม่เพียงแต่เขาจะต้องการหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในการหล่อหลอมร่างใหม่ของกิลเบิร์ต เขายังจำเป็นต้องสอบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบันในจักรวรรดิแลนซล็อตอีกด้วย นี่เองจึงเป็นเหตุผลหลักที่เขาเดินทางมายังนครซีโรอันเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิคาซี
เมื่อเทียบกับนครซีโรแล้ว นครเยือกแข็งนั้นมีขนาดเทียบเท่าได้กับเมืองเล็ก ๆ ตามชายแดนของจักรวรรดิคาซีเท่านั้น ฐานที่มั่นขององครักษ์ชุดดำจึงยังไม่ถูกตั้งขึ้นที่นี่ เช่นนั้นแล้ว การที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับจักรวรรดิแลนซล็อต หานซั่วก็ต้องเดินทางไปยังเมืองหลักสักแห่งของจักรวรรดิ ซึ่งก็นครซีโรนั่นเอง
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ทันทีที่หานซั่วมาถึงนครซีโร เขาก็รีบติดต่อกับสมาชิกองครักษ์ชุดดำที่ประจำอยู่ในนครซีโรทันที และจากการสื่อสาร เขาก็รับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของจักรวรรดิแลนซล็อตที่ต้องการ
เป็นอย่างที่แจ็คเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในนครเบรทเทลเป็นไปได้ดีแม้จะไม่มีเขาอยู่ และในระหว่างนี้เอง กองทัพของนครเบรทเทลภายใต้การบัญชาของดอร์คัส บวกกับหน่วยรบหัวกะทิที่จักรพรรดิลอว์เรนซ์ส่งมาเป็นกำลังหนุน ก็กำลังเดินหน้ารุกรานแคว้นทั้งเจ็ดอย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยพรสวรรค์อันเก่งกาจของดอร์คัส ผสานกับแรงหนุนเต็มกำลังของจักรวรรดิ จึงกลายเป็นการรวมพลังกันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงร่วมเดือนกว่า ภายใต้การนำทัพอย่างกล้าหาญของดอร์คัส และการร่วมมืออย่างลับ ๆ ของสองในแคว้นทั้งเจ็ด พวกเขาก็สามารถยึดครองแคว้นเบฟเวนเดนได้อย่างง่ายดาย จากนั้น เมื่อมีแคว้นเบฟเวนเดนเป็นฐานทัพ พวกเขาก็โค่นการรวมกองทัพระหว่างแคว้นบอนตันและแคว้นเอ็ทมันได้เป็นอันสำเร็จ
เพราะแคว้นเบฟเวนเดนตั้งอยู่ห่างไกลจากนครเบรทเทล และดอร์คัสเองก็ไม่ได้เปิดเผยสัญญาณใด ๆ ก่อนการต่อสู้ แคว้นเบฟเวนเดนจึงชะล่าใจและไม่คาดคิดว่าจักรวรรดิแลนซล็อตจะโจมตีแคว้นที่ห่างไกลก่อนแทนที่จะเลือกแคว้นที่อยู่ใกล้ ๆ และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็กลายเป็นฝ่ายที่ถูกยึดครองก่อนเป็นลำดับแรก ด้วยความที่ไม่ทันระวังตัวและไม่ได้จัดเตรียมมาตรการป้องกันใด ๆ ที่แน่นหนาพอ เพียง 1 สัปดาห์ กองทัพของแคว้นเบฟเวนเดนก็ถูกกวาดล้าง และดยุค อเล็ก อัมบริดจ์ ก็ถูกสังหารไปพร้อมกัน
สำหรับแคว้นบอนตันและแคว้นเอ็ทมันที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง ทันทีที่ทราบข่าว พวกเขาก็รีบจับมือเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมกันต่อต้านทันที แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับตั้งแต่การจู่โจมครั้งแรก และตอนนี้ ทั้ง 2 แคว้นที่พยายามป้องกันประตูเมืองของตนเองไว้อย่างสุดกำลัง พวกเขาก็เริ่มติดต่อกับแคว้นอื่น ๆ ที่เหลือด้วยทุกวิถีทาง ด้วยหวังว่าจะร่วมมือกันต่อต้านการรุกรานอันโหดร้ายป่าเถื่อนของจักรวรรดิแลนซล็อตในครั้งนี้ได้
ในขณะที่อีก 4 แคว้นที่เหลือ ก็มีแคว้นเฮลอนของ เฮเลน ทีน่า และแคว้นบูเล็ทของ เบิร์ต ซิลี ที่เป็นพันธมิตรกับหานซั่วอยู่แล้ว หลังจากที่ เนเฮ็ม เบจ ถูกหานซั่วฆ่าตาย แคว้นบิสลีก็ตกอยู่ในความโกลาหลและได้รับความเสียหายจากการโจมตีอันหนักหน่วงของ เบิร์ต ซิลี พวกเขาจึงไม่หลงเหลือมาตรการป้องกันใด ๆ ที่น่าเป็นกังวลอีกแล้ว
แคว้นสุดท้ายที่เหลืออยู่จึงมีเพียงแคว้นนาร์เซนของ เบเนดิกต์ แซ็ควิลล์ ที่นับว่าเป็นแคว้นที่มีกำลังทหารในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมี เฮเลน ทีน่า และ เบิร์ต ซิลี คอยกำกับอยู่ในเงามืด หานซั่วก็ค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าครั้งนี้ เบเนดิกต์ แซ็ควิลล์ จะต้องหนีไม่พ้นชะตากรรมในครั้งนี้อย่างแน่นอน
หลังจากที่หานซั่วรู้ถึงสถานการณ์และความคืบหน้าในการรุกรานแคว้นทั้งเจ็ด เขาก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก เมื่อมีแรงสนับสนุนจากจักรวรรดิแลนซล็อตอย่างเต็มกำลัง ไร้ซึ่งการขัดขวางของปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์ม และความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ของแคว้นเฮลอนและแคว้นบูเล็ท ครั้งนี้ แคว้นทั้งเจ็ดก็ไม่เหลือหนทางใดให้หนีรอดอีกต่อไปแล้ว
ทุก ๆ อย่างภายในนครเบรทเทลยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นขุมกำลังทั้งด้านสรรพาวุธและเสบียงอาหารเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับเครื่องจักรสงครามของดอร์คัสได้เป็นอย่างดี เมื่อใดก็ตามที่ดอร์คัสมีชัยเหนือศัตรู เขาก็จะใช้ประโยชน์จากอิทธิพลในนครเบรทเทลเพื่อยึดครองทรัพยากรและระบอบปกครองของแคว้นนั้นไว้ทั้งหมด และค่อย ๆ ฉวยโอกาสจากสถานการณ์บริหารเขตปกครองนั้นอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องไปด้วยในตัว
สถานการณ์ทั้งหมดนั้นดำเนินไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก และเป็นสัญญาณที่จักรวรรดิแลนซล็อตได้เริ่มผงาดสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ขณะที่จักรวรรดิแลนซล็อตกำลังรุกรานอย่างไร้กังวล แต่สมาพันธ์พ่อค้าบรุทกลับกำลังปวดหัวเอาการ หลังจากที่จอมขมังเวทย์สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เรย์โนลด์ ผู้พิทักษ์ของสมาพันธ์ได้เสียชีวิตลง การตายของเขาก็นำมาซึ่งการแตกความสามัคคีที่ก่อให้เกิดความเสียหายเกินกว่าจะวัดได้ และที่ทำให้สมาพันธ์ปวดหัวยิ่งไปกว่านั้น คือฝูงสัตว์วิเศษที่ตื่นกระเจิงออกมาจากหุบเขาทารัค ซึ่งสร้างความหายนะแก่บรรดาเมืองที่อยู่รอบ ๆ หุบเขา พวกมันทำลายสิ้นทุกสิ่งอย่างจนราบเป็นหน้ากลอง และจู่โจมใส่มนุษย์ทุกคนที่เห็น
สมาพันธ์พ่อค้าบรุท คือรัฐปกครองอิสระที่เต็มไปด้วยสมาคมพ่อค้าใหญ่ ๆ มากมาย พวกเขาเดินทางท่องไปทั่วทุกเขตแคว้น เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนและดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ทุกรูปแบบ และด้วยช่องทางเหล่านี้เอง ที่ทำให้พวกเขากอบโกยกำไรได้มากมายมหาศาล แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีสัตว์วิเศษแตกตื่นและวิ่งพล่านอยู่ทั่วเมือง บรรดาพ่อค้าเหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบอยู่แต่ในบ้านของตนเอง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับสมาพันธ์พ่อค้าบรุทที่พึ่งการอยู่รอดด้วยการค้าเพียงเท่านั้น
เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าสมาพันธ์พ่อค้าบรุทจะรู้ดีว่าจักรวรรดิแลนซล็อตกำลังรุกรานแคว้นทั้งเจ็ดราวกับไฟป่าที่โหมกระหน่ำและสำราญกับการเก็บรวบรวมผลพลอยได้จากสงครามอย่างเต็มที่ ด้วยปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายใน พวกเขาก็ไม่ว่างพอที่จะมารับมือกับปัญหาอื่น และสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีเพียงการเฝ้ามองอย่างสิ้นหวังขณะที่จักรวรรดิแลนซล็อตแผ่ขยายอาณาเขตให้กว้างไกลขึ้นเรื่อย ๆ
หานซั่วเข้าใจดีว่าปัญหาภายในที่สมาพันธ์พ่อค้าบรุทกำลังเผชิญนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และระหว่างนี้ เผ่าวิญญาณที่อยู่ในหุบเขาทารัคก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้กับนักบุญของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ซึ่งเมื่อใดที่ราชาหกเขาฟื้นตัวเต็มที่ สมาพันธ์พ่อค้าบรุทก็คงจะต้องน้ำตาตกอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะยืนอยู่บนถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน หานซั่วก็หยุดพิจารณาตามร้านรวงต่าง ๆ เพื่อตามหาสินค้าที่เขาจำเป็นต้องใช้
เรียกได้ว่าเทศกาลประมูลครั้งนี้ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริง ๆ เพราะก่อนที่การประมูลจริง ๆ จะเริ่มขึ้น บรรดาวัตถุดิบมากมายหลายชนิดที่ถูกนำมาวางขาย หานซั่วก็หาซื้อได้มาถึง 2 ชิ้นแล้ว
ไม้อาดูร หากพิจารณาดูใกล้ ๆ ไม้นี้จะมีลักษณะลวดลายที่ดูคล้ายกับรอยน้ำตา หากนำไม้มาบดให้ละเอียดจนกลายเป็นผงขี้เลื่อย และนำมาปรุงร่วมกับสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาอีก 2-3 ชนิด เขาก็จะผลิตยาลูกกลอนที่สามารถทำให้จิตใจสงบเยือกเย็นได้เป็นอย่างดี
เวอร์มิคูไลต์ คือแร่ชนิดหนึ่ง หากต้องการหล่อหลอมอาวุธที่มีความยืดหยุ่นแต่ทว่าแข็งแรงทนทาน เวอร์มิคูไลต์คือสิ่งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในการหล่อหลอมร่างกายของกิลเบิร์ตนั้น สิ่งนี้ก็น่าจะให้ผลเช่นเดียวกัน ถ้ากระดูกของกิลเบิร์ตหลอมรวมกับเวอร์มิคูไลต์ได้แล้วล่ะก็ กระดูกของเขาก็จะยิ่งแข็งแรงและทนทานมากขึ้นอีก
ทั้ง 2 อย่างนี้คือสิ่งที่หานซั่วหาซื้อมาได้ในช่วงเช้าวันนั้น และแร่เวอร์มิคูไลต์ก็คือสิ่งที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกิลเบิร์ต
ถ้ากิลเบิร์ตเลือกที่จะเกิดใหม่เป็นมังกรกระดูก หานซั่วก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือลงทุนลงแรงอะไรมากมายนัก เพียงแค่พาวิญญาณของกิลเบิร์ตไปไว้ที่มิติมืด และช่วยเขาสร้างร่างโครงกระดูกขึ้นใหม่เท่านั้นก็เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อกิลเบิร์ตเลือกที่จะเป็นขุนพลปีศาจ หานซั่วก็ต้องลงทุนหนักกว่าเดิมมาก ด้วยมีซากโครงกระดูกเดิมของเขาเป็นพื้นฐาน หานซั่วก็จำเป็นต้องสรรหาวัตถุดิบที่ทั้งมีค่าและหายากมากมายหลายชนิด เพื่อเสริมสร้างร่างกายใหม่ให้กับเขา
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
และเป็นเพราะหานซั่วรู้สึกผิดต่อกิลเบิร์ต เขาจึงมีความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะหล่อหลอมร่างกายใหม่ของกิลเบิร์ตให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด นี่เองจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขามาที่นี่เพื่อตามหาวัตถุดิบประหลาดและหายากเหล่านั้น เขาต้องการสร้างร่างกายที่ไม่เพียงแต่จะมอบพละกำลังและความแข็งแกร่งให้กับกิลเบิร์ต หากแต่เป็นร่างปีศาจที่จะสามารถพัฒนาความสามารถได้อย่างไร้ขีดจำกัด
“หืม? นี่อะไรน่ะ? ขอข้าดูหน่อยได้ไหม?”
ขณะเดินไปตามถนน หานซั่วก็มองไปมาทุกทิศทางเพื่อตามหาวัตถุดิบสำหรับกิลเบิร์ต ในตอนนั้น เขาก็มองเห็นก้อนหินสีดำสนิทไร้ซึ่งความมันเงาก้อนหนึ่ง มันมีขนาดเท่าฝ่ามือ หานซั่วสัมผัสได้จากจิตของเขา ว่ามันแฝงไปด้วยพลังประหลาดบางอย่าง จึงร้องถามขึ้นมา
ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งยืนอยู่ภายในร้านนั้น เธอมองไปยังถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมาด้วยดวงตาเหม่อลอย เมื่อได้ยินคำถามของหานซั่ว เธอจึงหันมามองเขาทันที ด้วยลักษณะภายนอกที่ดูโดดเด่น บวกกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ดูไม่ธรรมดา เพียงมองแค่ปราดเดียว เธอก็บอกได้ทันทีว่าหานซั่วคงร่ำรวยไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเห็นแหวนมิติบนนิ้วของเขา ก็ยิ่งยืนยันฐานะทางการเงินของเขาได้มากขึ้นอีก
“แน่นอน!”
หญิงชราแสยะยิ้มประจบสอพลอทันที ก่อนจะยื่นหินก้อนนั้นให้หานซั่วด้วยความเคารพ
ขณะที่ถือไว้ในมือ แก่นมนตราปีศาจและจิตของเขาก็หลั่งไหลเข้าสู่หินก้อนนั้นในเวลาเดียวกัน หลังจากที่เขาหลับตาและพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงและเป็นประกาย เขามองไปยังหญิงชราพร้อมรอยยิ้มกว้าง และเอ่ยถาม
“ยาย เจ้านี่ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
“นั่นน่ะ ปู่ของข้าได้มาโดยบังเอิญ นี่มันก็นานมากแล้ว ในเมื่อท่านต้องการ งั้นข้าขายให้ 5 เหรียญทองก็แล้วกัน”
หญิงชราตอบหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตุ้บ!
ถุงเงินถุงหนึ่งถูกโยนออกมาจากมือของหานซั่ว ก่อนที่เขาจะตอบอย่างห้วน ๆ
“นี่เงิน 100 เหรียญทอง ข้าขอซื้อไปเลยแล้วกัน!”
“ขอบคุณมาก ขอบคุณ!”
หญิงชรารู้สึกประหลาดใจและดีใจอย่างเหลือล้น ก่อนจะคว้าถุงเงินที่ได้รับมาไว้กับตัว เธอหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่ เธอก็รีบเก็บถุงเงินนั้นกลับไป ปิดร้าน และจากไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเธอไม่รู้เลยว่าหินก้อนนั้นมีประโยชน์อย่างไร ส่วนราคา 5 เหรียญทองก็เป็นเพียงตัวเลขที่เธอสุ่มนึกขึ้นมาเอง ทำให้เงิน 100 เหรียญทองนี้นับเป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับเธอ เพราะกลัวว่าหานซั่วอาจจะเปลี่ยนใจ เธอจึงรีบจากไปทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หานซั่วถือ หินเก็บพลัง ก้อนนั้นไว้ด้วยท่าทีพึงพอใจ ขณะพลิกดูมันไปมาทั่วทั้งก้อน
ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็ชะงักไปทันที พลางมองไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด
สิ่งที่เขาเห็น คือหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่ง เธอมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่แสนอ่อนโยนขณะเมียงมองไปตามร้านรวงต่าง ๆ และที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เป็นเพราะเธอคือ โซฟี หญิงสาวที่เคยเผชิญชะตากรรมร่วมกันกับเขา ณ แดนอัคคีสัมบูรณ์ในป่าทมิฬเมื่อครั้งก่อนนั่นเอง!
*************************