Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 456

ตอนที่ 456

เมื่อตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามก็แบ่งภาระหน้าที่ของกันและกันในแผนลวงครั้งใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าพวกตนจะมีชีวิตรอด

แม้ว่าหานซั่วจะสูญเสียปีศาจอาคมทั้ง 12 ตนไปแล้ว แต่จิตของเขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เข้ามาในระยะ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทุกซอกทุกมุมอย่างเช่นที่ปีศาจอาคมสามารถทำได้

โชคดียังดี ที่ทั้งทิอาน่าและปีศาจเฒ่าคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนั้นเป็นอย่างดี ดังนั้นหานซั่วจึงติดตามพวกเขาไป

ระหว่างทาง ทิอาน่าและปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มก็หยุดคุยกันถึงเรื่องสำคัญ ทำให้หานซั่วได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าหานซั่วจะไม่บังคับให้พวกเขาพูดออกมาถ้าไม่ต้องการ แม้ว่าในใจของเขากำลังคิดแผนบางอย่างเอาไว้

อาณาจักรแห่งความลึกล้ำนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และประกอบไปด้วยดินแดนหลากหลาย ภูเขาสูง และมหาสมุทรนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีความหลากหลายทางเผ่าพันธุ์อีกมากมาย รวมถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์

ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าในอาณาจักรแห่งนี้ มีเหล่าผู้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง และมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้อยู่มากเพียงใด แต่จากบทสนทนาของทิอาน่าและสตรัทโฮล์มเมื่อครู่ หานซั่วก็เกือบจะแน่ใจได้ว่า แม้แต่คนอย่างทิอาน่าและสตรัทโฮล์มที่มีพลังในระดับครึ่งเทพ ยังไม่นับว่าเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เขาได้ยิน หานซั่วก็เข้าใจได้ว่ามีเพียงสิ่งมีชีวิตจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ ที่มีความแข็งแกร่งอันไร้เธียมทานมากกว่าพวกเขา ยิ่งเขาคิดใคร่ครวญมากเท่าใด เขาก็ยิ่งพบว่ามันมีความสมเหตุสมผลมากทีเดียว เพราะในเมื่อก่อนหน้านี้ เขายังเคยไม่แน่ใจเลยว่าจะมีผู้ที่มีพลังระดับครึ่งเทพอยู่จริง ๆ หานซั่วจึงอดเฉลียวใจไม่ได้เลยว่าพวกเขากำลังเจอกับอะไร

ทั้งศาสนจักรแห่งแสงสว่าง และศาสนจักรแห่งความหายนะ ในฐานะองค์กรทางศาสนาที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากที่สุดในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายอิทธิพลไปทั่วทุกภูมิภาค ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอำนาจมากแค่ไหน การที่พวกเขายังคงสามารถยืนหยัดโดยไม่ล่มสลายเป็นเวลานับพันปี ก็คงไม่มีใครปักใจเชื่อว่าจะไม่มีผู้ที่ทรงพลังสักคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ นี่เองจึงเป็นข้อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผลว่าต้องมีผู้ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากกว่าทิอาน่าและสตรัทโฮล์ม อยู่ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ของทั้ง 2 ศาสนจักรอย่างแน่นอน

สตรัทโฮล์มเริ่มเป็นกังวล

“พี่หญิงทิอาน่า ไม่ว่าข้าจะคิดไปคิดมายังไง ก็ดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ถ้าเราไปถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างในจักรวรรดิโอเดนแล้ว พวกเราคงสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อศาสนจักรที่ประเมินไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งข้าไม่คิดว่าศาสนจักรแห่งแสงสว่างจะยอมปล่อยให้พวกเราลอยนวลไปได้หรอก แบบนั้นแล้ว พวกเราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะ?”

ทั้ง 3 คนใกล้จะเดินทางมาถึงเมืองหนึ่งของสมาพันธ์พ่อค้าบรุทที่มีชื่อว่า นครซาบา และค่อย ๆ ลดความเร็วลง

“เรื่องนั้นเราคงทำอะไรไม่ได้หรอก ศาสนจักรแห่งแสงสว่างอยู่ใกล้กับที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้น ศาสนจักรแห่งแสงสว่างก็มีพันธกิจในการหยิบยื่นความเมตตาต่อทุกสิ่งมีชีวิตที่กำลังเดือดร้อนอยู่แล้ว เพราะงั้นข้าเลยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องให้อภัยเราแน่ ๆ”

ทิอาน่าตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดต่อ

“ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป พวกผู้พิทักษ์ที่ปกป้องศูนย์บัญชาการใหญ่ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างไม่สามารถละทิ้งฐานที่มั่นได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเรารีบออกมาให้เร็วที่สุดทันทีที่เสร็จเรื่อง คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก”

“เอาล่ะ ถ้าท่านพูดแบบนี้ ข้าก็ค่อยโล่งใจหน่อย!”

ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มพยักหน้าด้วยความเข้าใจ บางทีเขาอาจจะโล่งใจที่ศาสนจักรแห่งแสงสว่างที่มีเมตตาคงจะไม่มาล้างแค้นพวกเขา หรือบางที เขาอาจจะวางใจที่พวกผู้พิทักษ์ที่ปกป้องศูนย์บัญชาการใหญ่ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างไม่สามารถละทิ้งศูนย์บัญชาการก็เป็นได้

นครซาบาอยู่ไม่ไกลจากนครทาริคนัก นครทั้ง 2 อยู่ในอำนาจของสมาพันธ์พ่อค้าบรุท ในขณะที่ทั้ง 3 คนรีบไปยังวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายที่อยู่ในนครซาบาอย่างรวดเร็ว หานซั่วก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น

“เราจะทำยังไงดีล่ะ? ในทุก ๆ เมือง ทหารยามที่ดูแลวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายจะห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตใช้งานเลยนี่นา มีแต่บุคคลสำคัญเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้งานวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายได้ ขนาดพวกคนร่ำรวยบางคนยังถูกปฏิเสธเลย”

“ไม่ต้องห่วง!”

ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาถือเหรีญตราบางอย่างอยู่ในมือ ก่อนจะเดินอาด ๆ ไปหาคนที่ดูแลวงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย แสดงตราในมือของเขาให้คนเหล่านั้นดู และพูดขึ้น

“เราจะเดินทางไปนครเธีย!”

โดยปราศจากคำคัดค้านแต่อย่างใด ผู้ที่ควบคุมวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายเริ่มเปิดใช้งานมันด้วยความเคารพ และอนุญาตให้ทั้ง 3 คนเข้าไป หลังจากแสงสว่างวาบสีขาว พวกเขาก็มาปรากฏตัวในสมาพันธ์พ่อค้าบรุทในนครเธีย

ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน และได้เห็นทั้งความรุ่งเรืองและตกต่ำของดินแดนต่าง ๆ มานักต่อนัก จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาจะครอบครองบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระหว่างดินแดนต่าง ๆ หลังจากที่มาถึงนครเธีย ทั้ง 3 คนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และเดินทางต่อด้วยการเหาะไปยังจักรวรรดิโอเดน

นครเธียแห่งสมาพันธ์พ่อค้าบรุทเป็นเมืองที่ใกล้กลับจักรวรรดิโอเดนมากที่สุด แต่เพราะไม่มีวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อภายในดินแดนทั้งสอง เช่นนั้นแล้ว พวกเขาทั้ง 3 คนจึงต้องเดินทางต่อด้วยการเหาะแทน โชคดีที่ผู้ลี้ภัยทั้ง 3 สามารถสลัดการไล่ล่าของราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณได้ชั่วคราวด้วยการใช้วงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย ในตอนนั้น พวกเขาจึงคลายกังวลลงมากกว่าก่อนหน้านี้

ด้วยความแข็งแกร่งระดับครึ่งเทพ ความเร็วในการเหาะของพวกเขาจึงไม่ธรรมดาเลย เพียงไม่ถึงครึ่งวัน พวกเขาก็เดินทางมาถึงจักรวรรดิโอเดน จักรวรรดิที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำแห่งนี้

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

เมื่อมาถึงจักรวรรดิโอเดน ปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มก็หยิบตราอีกอันหนึ่งขึ้นมาซึ่งแสดงตัวตนที่ต่างออกไป และเป็นอีกครั้งที่พวกเขาสามารถใช้งานวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายในจักรวรรดิโอเดนได้อย่างรวดเร็ว หลังจากการเดินทางไกลถึง 3 ครั้ง พวกเขาก็มาถึงเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์บัญชากรใหญ่ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างมากที่สุด

มันคือเมือง ๆ หนึ่งของจักรวรรดิโอเดนที่มีชื่อว่า นครซานโดร หลังจากที่ออกมาจากวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายแล้ว พวกเขาก็เห็นเหล่าอัศวินเทมพลาร์ รวมทั้งเหล่านักบวชของศาสนจักรแห่งแสงสว่างเดินอยู่พลุกพล่านเต็มท้องถนน

ศานจักรแห่งแสงสว่างมีอิทธิพลอย่างมหาศาลในจักรวรรดิโอเดนแห่งนี้ ในฐานะเมืองที่ใกล้ที่สุดกับ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง นครซานโดรจึงถูกปกครองโดยคนของจักรวรรดิโอเดน รวมทั้งเหล่าสาวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง หานซั่วมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว และพบว่าสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนจักรแห่งแสงสว่างสามารถพบเห็นได้ในทุกมุมของนครแห่งนั้น

และแน่นอนว่า ชาวเมืองแทบจะทั้งหมดในนครซานโดรล้วนเป็นสาวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง หลายคนมาจากทั่วทั้งอาณาจักร และเดินทางไกลเพื่อมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนครแห่งนี้ ด้วยเชื่อว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเทพแห่งแสง จะทำให้พวกเขาได้รับฟังคำสอนของเทพแห่งแสงได้ดียิ่งขึ้น

“เอาล่ะ เจ้าตัวประหลาดนั่นคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็วันหนึ่งล่ะ ถึงจะมาที่นี่ได้ ระหว่างนี้พวกเราก็พักกันสักหน่อยเถอะ ข้าได้รับบาดเจ็บหนักเอาการอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีที่เราหนีออกมาได้ทัน ไม่งั้นข้าคงต้องถูกขังอยู่ที่นั่นไปตลอดกาลเสียแล้ว!”

สตรัทโฮล์มพูดกับหานซั่วและทิอาน่าหลังจากเดินออกมาจากวงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

“นั่นสิ เราหาที่พักชั่วคราวกันเถอะ!”

หานซั่วเห็นด้วย จิตของเขาเองก็ได้รับความเสียหายหนักเช่นกัน เผ่าวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวนั่นอาจมาถึงที่ได้ภายใน 1 วัน ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง เมื่อตัวตนของหานซั่วถูกเปิดเผย ศาสนจักรแห่งแสงสว่างคงไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน แต่ยิ่งเขาฟื้นฟูพลังได้มากแค่ไหน ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่เขาจะสามารถหนีรอดออกไปได้เมื่อเวลานั้นมาถึง

ทั้ง 3 คนไม่ได้พูดอะไรกันอีก และหานซั่วก็อำพรางออร่าจากร่างกายของเขา ไม่นานนัก ทั้ง 3 คนก็พบโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และจองห้อง 3 ห้องที่อยู่ติดกัน

ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณได้จดจำวิญญาณของพวกเขาเอาไว้แล้ว หมายความว่าทั้ง 3 คน ลงเรือลำเดียวกัน และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตนนี้ แต่ถึงกระนั้น หานซั่วยังคงรู้สึกหวาดระแวงอยู่ หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องของตนเอง หานซั่วก็สร้างเขตแดนเวทมนตร์ขึ้นมา ซึ่งจะเตือนเขาทันทีหากเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยในบริเวณโดยรอบ

หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว หานซั่วก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มใช้หยดเลือดที่อยู่ภายในตัวอ่อนปีศาจของเขาเพื่อเยียวยาจิตที่ได้รับความเสียหาย

ก่อนหน้านี้ เสียงหึ่งของราชาหกเขาที่ส่งผลต่อโสตประสาท และทำให้เกิดอาการปวดคล้ายกับมีดนับล้านเล่มทิ่มแทงเข้ามาในจิตของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง หากว่าหานซั่วไม่โต้ตอบอย่างทันท่วงทีด้วยการกระจายจิตออกเป็นล้าน ๆ สายเมื่อตอนนั้น เป็นไปได้ว่าจิตของเขาอาจจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงไปแล้วก็เป็นได้

แต่ทว่า ตราบใดที่จิตของเขาไม่ถูกกำจัด เขาก็จะสามารถใช้หยดเลือดที่อยู่ในตัวอ่อนปีศาจให้ปลดปล่อยแก่นมนตราออกมา และรวบรวมจิตที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกันได้อีกครั้ง

ตามความเป็นจริงแล้ว หานซั่วเริ่มทำเช่นนั้นมาตั้งแต่ในระหว่างทางที่พวกเขาเดินทางมายังนครซานโดร และในตอนนี้ ด้วยความตั้งใจเต็มที่ในการเพ่งพินิจไปยังหยดเลือดของเขา อัตราความเร็วในการฟื้นฟูจิตจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

วิญญาณของมนุษย์ ประกอบไปด้วย **ทิพยวิญญาณ 3 ส่วน และ กายวิญญาณ 7 ส่วน ทิพยวิญญาณทั้ง 3 ได้แก่ สวรรค์ โลก และชีวิต ในขณะที่กายวิญญาณทั้ง 7 ได้แก่ อารมณ์ สติปัญญา แรงดลใจ ความแข็งแกร่ง ศูนย์กลาง พลังชีวิต และความกล้าหาญ

** 3 ethereal souls & 7 corporeal spirits

กายวิญญาณทั้ง 7 จะแฝงอยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ทุกคน ตราบใดที่ทิพยวิญญาณทั้ง 3 ยังคงอยู่ …กายวิญญาณทั้ง 7 ก็จะสามารถประกอบเข้ากันได้อีกครั้ง และวิญญาณของคน ๆ นั้นก็จะไม่จางหายไปจากภพระหว่างสวรรค์และโลกอีกต่อไป

เวทย์ปีศาจของหานซั่วทำให้ทิพยวิญญาณทั้ง 3 ได้แก่ สวรรค์ โลก และชีวิต หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และก่อร่างขึ้นเป็นจิต ซึ่งจิตนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถอันน่าทึ่ง มันยังสามารถกระจายออกเป็นล้าน ๆ เส้นแสง เมื่อครั้งที่ถูกราชาหกเขาปลดปล่อยพลังโจมตีวิญญาณ จิตของหานซั่วจึงทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที ดังนั้น เขาจึงสามารถหนีรอดจากหายนะในครั้งนั้นได้

ในขณะที่ทิพยวิญญาณทั้ง 3 ของคนทั่วไป จำเป็นต้องอาศัยกายวิญญาณทั้ง 7 เพื่อมีชีวิตอยู่รอด ซึ่งแปลว่าเมื่อใดที่ร่างกายภาพของเขาถูกทำลาย ทิพยวิญญาณทั้ง 3 ก็จะสูญสลายไปด้วยเช่นกัน แต่จิตของหานซั่วกลับไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงแค่นั้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นเถ้าธุลี รวมทั้งกายวิญญาณทั้ง 7 ก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ จิตของเขาก็จะยังคงหลบหนีออกไปได้ และค้นหาร่างใหม่ทดแทนเพื่อการเกิดใหม่ได้อีกครั้ง แต่ทว่า ในกรณีนั้น เขาจำเป็นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีทีเดียวในการฝึกฝนร่างใหม่เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังความแข็งแกร่งในระดับเดิม

และแม้ว่าจิตจะไม่ถูกทำลายลงภายในร่างกายของเขา เขาก็จำเป็นต้องอาศัยพลังของกายวิญญาณทั้ง 7 เพื่อเยียวยาจิตที่เสียหาย ซึ่งโชคดีสำหรับหานซั่ว ในฐานะผู้ฝึกฝนเวทย์ปีศาจ เขาจึงมีความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งยวดในการควบคุมร่างกาย หานซั่วใช้หยดเลือดของตนเองเพื่อควบคุมแก่นมนตรา และดึงเอากายวิญญาณทั้ง 7 ที่แฝงอยู่ในจักระทั้ง 7 ออกมา แล้วพลังงานจากกายวิญญาณทั้ง 7 ก็จะถูกดูดกลืนเข้าสู่จิต ซึ่งจะฟื้นฟูเยียวยาไปทีละน้อย

กระบวนการเยียวยาจิตด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มที่ของหานซั่วไม่ได้ใช้เวลามากนัก หลังจากที่ตัวอ่อนปีศาจได้กลืนกินหยดเลือดไปกว่า 10 หยด พลังงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยกายวิญญาณทั้ง 7 จึงถูกจิตของเขาดูดซับเอาไว้ และในที่สุด จิตที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักของหานซั่วก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์

หากจิตของผู้ฝึกฝนเวทย์ปีศาจได้รับความเสียหาย ตราบใดที่กายเนื้อและตัวอ่อนปีศาจไม่ถูกทำลายไป มันจึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม หากทั้ง 2 อย่างถูกทำลาย จิตจะไม่ทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาร่างกายใหม่ และใช้เวลาอีกนับ 10 หรือนับ 100 ปี ในการบ่มเพาะตัวอ่อนปีศาจขึ้นภายในร่างใหม่ และมีเพียงเวลานั้น ที่กระบวนการเยียวยาจิตที่เสียหายจะเริ่มต้นได้อีกครั้ง

เมื่อจิตของเขาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หานซั่วก็ตื่นขึ้นจากภาวะเข้าฌาน แล้วจิตอันแข็งแกร่งของเขาก็กระจายตัวออกไปในทันทีเพื่อสำรวจสถานการณ์ทั้งหมดในนครซานโดร

*************************************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท