จักรพรรดิอัคคีจากไปในทันที ทิ้งให้หานซั่วได้แต่นิ่งอึ้งไร้ซึ่งคำพูดไว้เบื้องหลัง ก่อนจะจ้องมองไปยังเจ้าผีดิบธาตุไฟด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่รู้เลยว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟบอกอะไรกับจักรพรรดิอัคคี หานซั่วจึงส่งกระแสจิตถาม
“เจ้าพูดอะไรกับเธอรึ?”
“ไม่มีอะไรมาก ข้าก็บอกแค่ว่า โลกมิติมืดเป็นบ้านที่แท้จริงของข้า และข้ามีเรื่องมากมายที่ต้องทำที่นั่น”
เจ้าผีดิบธาตุไฟตอบด้วยความสัตย์จริง มันย่อมไม่โกหกต่อหานซั่ว
หานซั่วรู้ดีว่าจักรพรรดิอัคคีตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอด แต่เป็นเพราะทั้งสองมีออร่าที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะการดูดกลืนธาตุไฟปริมาณมหาศาลที่อยู่ในแดนอัคคีสัมบูรณ์เข้าไป เธอจึงถือว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟเป็นเหมือนกับลูกชายของเธอเอง บางที คงมีเพียงเจ้าผีดิบธาตุไฟเท่านั้นที่จะสามารถสื่อสารและปลอบประโลมจ้าวอัคคีที่กำลังเดือดดาลให้สงบลงได้
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะส่งเจ้ากลับไปก็แล้วกัน”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักได้ว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟไม่มีอะไรต้องทำในโลกนี้อีก ซึ่งตัวมันเองก็สามารถพัฒนาได้เร็วกว่าหากอยู่ในมิติมืด หานซั่วจึงร่ายเวทย์และส่งเจ้าผีดิบธาตุไฟกลับไป
เมื่อร่ายเวทย์เสร็จสิ้น สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหานซั่วและโลกมิติมืดก็ปรากฏขึ้นมาชัดเจนในระยะเวลาสั้น ๆ หานซั่วสัมผัสได้ถึงสาส์นบางอย่างจากเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจากบริเวณที่เจ้าผีดิบธาตุไฟย่างเท้าลงไปถึง
จากสาส์นที่เขาได้รับ หานซั่วก็ได้รู้ว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกำลังผสานรวมเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดแห่งความตายอยู่ ดูเหมือนว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลายาวนานมากทีเดียว และสาเหตุที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งกระแสจิตมาเตือนเขาก่อนหน้านี้อย่างกระทันหัน ก็เป็นเพราะมันสามารถรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าอันแสนสาหัสของเขา มันจึงหยุดชั่วครู่เพื่อมาบอกหานซั่ว
หานซั่วตอบเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับไป บอกให้มันวางใจขณะที่กำลังผสานรวมเข้ากับพลัง หลังจากนั้น เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันมองไปยังเหล่ามังกรดำ และพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“พวกท่านวางแผนที่จะทำยังไงกันต่อไปล่ะ?”
“หลังจากที่ฟื้นฟูความแข็งแกร่งแล้ว พวกเราเผ่ามังกรดำจะต้องแก้แค้นให้กับคนอื่น ๆ ในเผ่าอย่างแน่นอน!”
กิลเกสยืนยัน ดูเหมือนว่าเขาจะมีความตั้งใจที่แน่วแน่ในการชำระแค้นพวกอารามน้ำแข็งเพื่อกิลเบิร์ต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพรรคพวกแห่งอารามน้ำแข็งกำลังทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง แต่ต่อให้มังกรดำทั้งเผ่ารวมพลังกันสู้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย หานซั่วอยากจะอะไรแนะนำบางอย่าง แต่เมื่อมาคิดดูให้ดีแล้ว คำแนะนำเหล่านั้นอาจจะทำลายขวัญกำลังใจของพวกเขาก็เป็นได้ หานซั่วจึงสงบปากสงบคำเอาไว้
แต่ทว่า กิลเกสผู้ผ่านโลกมามากมายนั้นเข้าใจความวิตกกังวลจากสีหน้าของหานซั่ว ซึ่งดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับลังเลใจ เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อย่าห่วงไปเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราหรอก อีกอย่าง ครั้งนี้เป็นเพราะพวกเราไม่ทันได้ระวังตัวจึงทำให้ถูกจับได้ พวกเราเผ่ามังกรดำมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน จะไม่ยอมให้พวกต่ำทรามที่ไหนมาเหยียดหยามเราต่อไปได้หรอก”
ขณะที่หานซั่วมองไปยังกิลเกส เขาก็รู้สึกว่ากิลเกสยังคงมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่อีกมาก มังกรดำผู้ซึ่งอยู่มานานย่อมมีความสุขุมลุ่มลึกมากกว่าหานซั่วเป็นแน่ เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงพยักหน้าและพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น พวกท่านก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ข้าเองก็หวังว่าจะได้พบกิลเบิร์ตอีกครั้ง”
กิลเกสพูดพร้อมกับสายตาที่มองลึกเข้าไปในดวงตาของหานซั่ว น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความปราถนาและอ้อนวอน
“วันนั้นจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน อย่าห่วงไปเลย โอ้ จริงสิ ครั้งนี้เจ้าพวกอารามแห่งน้ำแข็งได้รับบาดเจ็บสาหัสมากทีเดียว ข้าคิดว่าในช่วงนี้ พวกมันคงจะไม่กล้าโผล่ไปที่หุบเขาของพวกท่านหรอก”
หานซั่วพูด
“ขอบคุณมาก ไบรอัน พวกเราเผ่ามังกรดำ จะเป็นมิตรของท่านไปตลอดกาล”
กิลเกสเอ่ยปากขอบคุณอย่างจริงใจ
“ด้วยความยินดี เอ่อ… ลาก่อนนะครับ”
หานซั่วไม่ได้พูดอะไรกับกิลเกสอีก เขาเพียงแต่ยิ้ม ก่อนจะใช้เวทย์เหินหาวและจากไปในที่สุด
ในดินแดนหิมะ ห่างไกลออกไปทางตอนเหนือของจักรวรรดิคาซีอันเป็นที่ตั้งของเทือกเขาสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดยาว มันเป็นโลกที่ปกคลุมไปด้วยภูมิอากาศที่หนาวเหน็บอย่างรุนแรงตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็จะเห็นแต่สีขาวโพลนของหิมะไกลสุดลูกหูลูกตา
ณ ที่ตั้งบนยอดเขาสูงเสียดฟ้า คือหมู่วิหารอันงดงามตระการตาซึ่งทำด้วยคริสตัลน้ำแข็ง ในขณะที่ภูเขาน้ำแข็งซึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางนั้นทั้งสูงตระหง่านและโดดเด่นเป็นสง่า และศูนย์บัญชาการใหญ่ของอารามน้ำแข็งก็ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกนั้น
สายลมเย็นบาดลึกถึงกระดูก ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ในโลกที่ขาวโพลนและเย็นยะเยือกนี้ เป็นที่อยู่ของเหล่าสาวกของอารามแห่งน้ำแข็งจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนของจักรวรรดิคาซี พวกเขามาที่นี่เพื่อแสดงความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อเทพีแห่งน้ำแข็ง
หลายปีมานี้ บริเวณจุดสูงสุดตรงใจกลางภูเขาเป็นเขตหวงห้ามมาโดยตลอด เว้นแต่ช่วงที่มีเทศกาลพิเศษที่จะอนุญาตเฉพาะเหล่าสาวกของอารามน้ำแข็งที่อยู่ในระดับสูงเท่านั้น ส่วนคนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบย่างเข้าไปบริเวณจุดสูงสุดนั้นโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมา เหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาต้องแหกกฎข้อนี้ เหล่าสาวกจำนวนมากที่อยู่โดยรอบจุดสูงสุดของภูเขาได้เข้าไปยังบริเวณนั้น ด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล พวกเขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองมีเพื่อทำให้อารามน้ำแข็งที่อยู่บนจุดสูงสุดแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง
2 วันก่อนหน้านี้ ในดินแดนหิมะที่มีเพียงสายลมเย็นเยียบพัดผ่าน และบริเวณจุดสูงสุดของภูเขาที่เคยมีอุณหภูมิต่ำที่สุดในบริเวณนั้นมาโดยตลอด จู่ ๆ อารามน้ำแข็งนั้นกลับเริ่มละลายลงอย่างฉับพลัน ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งของอารามแห่งน้ำแข็ง หรือแม้แต่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำสูงสุด ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและจำต้องพักฟื้น ข่าวร้ายแรงนี้แพร่สะพัดออกไปทั่วทุกที่ราวกับไฟป่าที่โหมกระหน่ำ
อาจจะเป็นเพราะเทพีน้ำแข็งโกรธเกรี้ยวในความไร้ความสามารถของพวกเขา? หรือเป็นเพราะมีปีศาจร้ายบุกรุกเข้าไปในอารามน้ำแข็งกันแน่? เหล่าสาวกต่างจินตนาการไปเรื่อยขณะที่พวกเขาหวาดกลัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอารามแห่งน้ำแข็ง โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
จากปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงหลายพันปี ทำให้เกิดผลกระทบด้านลบที่ไม่สามารถคำนวณได้ต่ออารามแห่งน้ำแข็ง ความกลัวเริ่มแผ่กระจายออกไปในหมู่สาวกที่อยู่ในดินแดนหิมะแห่งนี้ แม้แต่สาวกที่อยู่ในเขตอื่น ต่างก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าตกใจที่เกิดขึ้นกับศูนย์บัญชาการใหญ่แห่งอารามน้ำแข็งด้วยเช่นกัน
ห่างไกลออกไปทางตอนเหนือของจักรรรดิคาซี ณ นครน้ำแข็ง
นครน้ำแข็ง เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญที่อยู่รอบ ๆ ดินแดนหิมะในเขตเหนือที่ห่างไกล หากเป็นนักผจญภัยทั่วไปจำต้องใช้เวลานับ 10 วันเพื่อเดินทางจากนครน้ำแข็งไปยังอารามแห่งน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของดินแดนหิมะ
ในวันนี้ หลังจากผ่านการเดินทางอันแสนยาวไกลและเหน็ดเหนื่อย หานซั่วก็มาถึงนครน้ำแข็งในที่สุด และเริ่มวางแผนที่จะตอบโต้อารามแห่งน้ำแข็งแห่งน้ำแข็งทันที
แผนการของหานซั่วนั้นแสนจะเรียบง่าย เช่นเดียวกับตอนที่เขาจัดการกับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง เขาจะเปิดเผยจิตของตนเองอย่างเต็มที่ อันจะเป็นตัวล่อที่นำพาราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณมาที่นี่เพื่อสังหารเขา สิ่งที่แตกต่างไปเพียงอย่างเดียว คือในตอนนี้ หานซั่วใช้ความพยายามเพียงน้อยนิดในการอำพรางจิตของตนเอง ดังนั้น เมื่อราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณมาถึง หานซั่วก็เพียงแค่อำพรางจิต แล้วเขาก็ค่อยหายไปจากการรับรู้ของราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณตามเดิมอีกครั้ง
นอกจากนี้ หานซั่วยังแน่ใจด้วยว่า ในอารามแห่งน้ำแข็ง ไม่มียอดฝีมือระดับเทพอย่างนักบุญแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง มิเช่นนั้นแล้ว ระหว่างการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนผ่านกรงหยกเยือกแข็ง พวกเขาน่าจะถูกแช่แข็งตายไปนานแล้วก่อนที่จะไปถึงแดนอัคคีสัมบูรณ์ด้วยซ้ำ
และด้วยความจริงที่ว่า หิมะสวรรค์ทิอาน่ายังคงจำเป็นต้องลี้ภัยอยู่ในศาสนจักรแห่งแสงสว่างเพื่อหลบหนีจากราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณ หานซั่วจึงรู้ดีว่าว่าไม่มีใครอีกแล้วในอารามน้ำแข็งที่จะสามารถต่อกรกับราชาหกเขาได้ ไม่อย่างนั้น ทิอาน่าคงจะกลับมาที่อารามแห่งน้ำแข็งแทนที่จะไปลี้ภัยที่ศาสนจักรแห่งแสงสว่าง
ด้วยความแข็งแกร่งของราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณ เมื่อมันมาถึงอารามแห่งน้ำแข็ง ในตอนที่หานซั่วได้อำพรางจิตของตนเองเรียบร้อยแล้ว ราชาหกเขาก็คงจะไม่ลังเลใจที่จะพลิกก้อนหินทุกก้อนในภูเขาน้ำแข็งแห่งนี้เพื่อตามหาตัวเขาให้พบ อารามแห่งน้ำแข็งก็เหมือนกับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ที่พวกเขามักจะยึดติดอยู่กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่เสมอ ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน
หานซั่วตั้งหน้าตั้งตารอดูความเสียหายที่ราชาหกเขาจะนำมาสู่อารามแห่งน้ำแข็ง ขณะที่อารามฯ ไม่มีผู้ใดที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชาหกเขาซึ่งมีพลังในระดับเทพเลยสักคนเดียว
หานซั่วปลดปล่อยจิตของเขาอย่างเต็มที่ และทันทีที่ราชาหกเขาสัมผัสถึงหานซั่วได้ แม้หานซั่วจะรู้สึกถึงจิตสังหารอันเย็นเยียบและโหดเหี้ยมไร้ที่สิ้นสุด แต่อย่างไรก็ตาม ราชาหกเขากลับไม่ลงมือในทันที ซึ่งนอกเหนือจากความคาดหมายของหานซั่วอย่างสิ้นเชิง
หานซั่วรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เขาใช้เวลาทั้งเช้าอยู่ที่นครน้ำแข็ง แต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมาของราชาหกเขา แสดงว่าราชาหกเขายังคงอยู่ที่เทือกเขาทารัคตามเดิม
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เหตุการณ์นี้ทำลายแผนการของหานซั่วไปโดยปริยาย เขาสบถด่าออกมาในใจ จิตของเขายังสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่จะฆ่าเขาให้จงได้จากเทือกเขาทารัคที่อยู่ห่างไกลออกไป อย่างไรก็ตาม ราชาหกเขากลับเพิกเฉย ทำให้แผนการของหานซั่วล้มเหลวไม่เป็นท่า
ครั้งสุดท้ายที่หานซั่วหนีออกมาจากเทือกเขาทารัค ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณได้พาพรรคพวกมาด้วยอีก 4 ตน และตามเข้ามาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างแทบจะในทันที และพร้อมสังหารทุกคนที่ขวางทาง ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เมื่อราชาหกเขาสัมผัสถึงจิตของหานซั่วได้อีกครั้ง มันกลับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้หานซั่วรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก
หรือว่าเผ่าวิญญาณจะเปลี่ยนใจแล้ว? หานซั่วตัดความเป็นไปได้นั้นทิ้งไปทันทีที่มันผุดขึ้นมา เพราะจากครั้งแรกที่หานซั่วได้เผชิญหน้ากับเผ่านี้ เขาก็ตระหนักถึงธรรมชาติที่เย็นชาและไร้หัวใจจากดวงตาของพวกมัน นอกจากนี้ ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่ต้องการสังหารหานซั่วของราชาหกเขาก็ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าพวกมันยังไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจที่มีต่อหานซั่ว
จะต้องมีเหตุผลอย่างอื่นแน่ ๆ หานซั่วครุ่นคิดอยู่ในหัว
หรือว่าราชาหกเขาจะได้รับบาดเจ็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างเมื่อคราวก่อน? หานซั่วรู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นมากกว่า เป็นไปได้ว่าราชาหกเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับนักบุญ และตอนนี้อาจจะกำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำอะไรที่คุกคามหานซั่วและปีศาจเฒ่าสตรัทโฮล์มได้ชั่วคราว
เมื่อหานซั่วคิดดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจกับสตรัทโฮล์ม และคิดว่าตราบใดที่สตรัทโฮล์มสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เพื่อผสานวิญญาณของเขาเข้ากับคริสตัลต้นกำเนิดออร่าต่อสู้ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วงการตามล่าของราชาหกเขาไปได้อีกระยะหนึ่ง
ในเมื่อราชาหกเขาไม่ยอมมาที่นี่ตามแผน หานซั่วจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคิดแผนอื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าภูเขาหิมะอยู่แค่เอื้อม หานซั่วจึงเตรียมตัวที่จะไปสำรวจศูนย์บัญชาการของอารามน้ำแข็งสักหน่อย ในเมื่อไม่มียอดฝีมือระดับเทพอยู่ หานซั่วก็เชื่อว่าเขาสามารถเข้าออกอารามน้ำแข็งได้โดยง่ายและไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองมากนัก
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หานซั่วก็เดินทางไปยังดินแดนหิมะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอารามแห่งน้ำแข็ง ด้วยหวังว่าราชาหกเขาอาจจะมาตามหาเขาอีก หานซั่วจึงปลดปล่อยจิตของตนเองออกไปอย่างเต็มที่ เมื่อไม่มีแม้เม็ดทรายเพียงสักเม็ดในเขตแดนเบื้องหน้าที่จะเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้ เขาจึงออกเดินทางไปยังอารามน้ำแข็งทันที
*********************