Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 476

ตอนที่ 476

ขณะมองไปยังหญิงร่างท้วมที่กำลังเต้นรำไปมาอย่างมีความสุข หานซั่วก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

ในสายตาของเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถหาอะไรที่เชื่อมโยงกันระหว่างผู้หญิงวัยกลางคนร่างอวบอ้วนและมีผิวสีชมพูผ่องใสผู้นี้ กับจ้าวอัคคีร่างมหึมาเมื่อครู่ได้เลย แต่เป็นเพราะได้เห็นกระบวนการกลายร่างทั้งหมดกับตา หานซั่วจึงรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือจ้าวอัคคีนั่นเอง

และเป็นเรื่องปกติที่สัตว์วิเศษระดับสุดยอดจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เช่นเผ่าพันธุ์อันทรงพลังอย่างมังกร พวกเขาก็มีความสามารถนั้นตั้งแต่อยู่ในร่างระดับ 1 แต่อย่างไรก็ตาม สัตว์วิเศษระดับสุดยอดก็จะถูกแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ อีกหลายประเภทตามแต่ข้อจำกัดทางโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละเผ่าพันธุ์ และการที่จะสามารถกลายร่างได้ บางประเภทก็จำเป็นต้องพัฒนาร่างในระดับที่สูงที่สุดเสียก่อน

จ้าวอัคคีเองก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษประเภทนั้น เพราะร่างของเธอประกอบไปด้วยหินหลอมเหลวและหินภูเขาไฟมากมายแทนที่จะเป็นเลือดเนื้อและกระดูก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่สัตว์วิเศษทั่วไปจะพึงมี เช่นนั้นแล้ว การที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เผ่าพันธุ์นี้จึงจำเป็นต้องอยู่ในระดับที่สูงอย่างมาก

ทันทีที่จ้าวอัคคีกลายร่างเป็นมนุษย์ผู้หญิงร่างท้วม หานซั่วก็รู้ว่าเธอได้บรรลุขีดจำกัดและพัฒนาร่างเข้าสู่ระดับที่ 5 และกลายเป็น จักรพรรดิอัคคี ได้ในที่สุด ซึ่งจักรพรรดิอัคคีในระดับ 5 นั้นเทียบเท่าได้กับครึ่งเทพของเหล่ามนุษย์ ผู้ทรงพลังอำนาจที่ทำให้ใครก็ตามในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำต้องพรั่นพรึงเพียงได้เอ่ยนามของผู้นั้นขึ้นมา

หลังจากที่จักรพรรดิอัคคีได้กลายร่างอย่างเสร็จสมบูรณ์ ดูเหมือนเธอจะยินดีปรีดากับความสามารถที่เธอเพิ่งได้รับเป็นอย่างมาก เธอลูบคลำร่างของตนเองไปมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“เจ้าตัวแสบ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าแท้ ๆ เลยเชียว!”

จักรพรรดิอัคคีหัวเราะคิกคักและชี้ไปที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในแดนอัคคีสัมบูรณ์ ก่อนจะทำให้ลาวาเคลื่อนตัวเป็นวังวนและยกเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดให้มาอยู่ตรงหน้า เธอก็ดึงมันเข้ามากอดไว้แน่นและหัวเราะด้วยความเบิกบานใจ เธอเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ และเต้นรำกับเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดราวกับว่ามันคือตุ๊กตาของเล่น

หานซั่วได้แต่ตกตะลึงทำตัวไม่ถูกอยู่อย่างนั้น พลางจ้องมองขณะที่จักรพรรดิอัคคีกำลังจับเจ้าผีดิบธาตไฟเหวี่ยงไปมาด้วยสายตาเลื่อนลอย

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

นานพอควรเลยทีเดียว ที่จักรพรรดิอัคคีดูเหมือนจะเล่นสนุกจนสาแก่ใจแล้ว ในที่สุด เธอก็วางเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดลง และพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะ

“เอาแต่หาเรื่องมาให้ข้าตลอดเลยนะ แต่โชคดีจริง ๆ เพราะปัญหาคราวนี้ ข้าถึงได้หลุดจากพันธนาการนานนับพันปี และบรรลุสู่ระดับ 5 ได้เสียที!”

แม้ไม่ได้อาศัยพลังของหญิงอ้วนหรือในชื่อของจักรพรรดิอัคคี เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดก็สามารถยืนอยู่บนแม็กม่าหรือหินหลอมเหลวของแดนอัคคีสัมบูรณ์ได้อย่างสบาย ๆ มันทำมือทำไม้ขณะใช้พลังวิญญาณเพื่อสื่อสารกับจักรพรรดิอัคคี

“ท่านแม่ ยอดไปเลย! ตอนนี้ท่านดูดีเหมือนข้าแล้ว!”

ท่านแม่รึ? หานซั่วผงะไปทันทีพร้อมกับอ้าปากค้าง เขาจ้องมองไปยังเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดที่กำลังคุยอยู่กับหญิงอ้วน ครู่หนึ่ง หานซั่วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา

เมื่อแรกครั้งที่เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดถูกหล่อหลอมขึ้นในแดนอัคคีสัมบูรณ์ หานซั่วก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจักรพรรดิอัคคีนั้นปฏิบัติกับเจ้าผีดิบธาตุไฟเหมือนลูกของตนเอง และเพราะพลังงานธาตุไฟที่คุกรุ่น เจ้าผีดิบธาตุไฟจึงคิดว่าจักรพรรดิอัคคีก็เป็นแม่ของตัวเองด้วยเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น หานซั่วก็ยังไม่ได้คิดว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟเป็นลูก ส่วนตัวมันเองก็ยังไม่เคยเรียกหานซั่วว่าพ่อ แต่เมื่อไม่นานมานี้ หานซั่วกลับเริ่มมองว่าเหล่าผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทุกตนก็เหมือนกับลูกของเขาจริง ๆ โดยที่ไม่รู้ตัว แม้แต่เริ่มรู้สึกชินกับการถูกพวกผีดิบเรียกเขาว่าท่านพ่อแล้วด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าผีดิบธาตุไฟเรียกจักรพรรดิอัคคีว่าท่านแม่ และเรียกหานซั่วว่าท่านพ่อ เมื่อเขามองไปยังหญิงวัยกลางคนอวบอ้วนที่อยู่เบื้องหน้า เขาก็รู้สึกขนลุกจนบรรยายไม่ถูก

หนังศีรษะของหานซั่วรู้สึกชาไปทันที ขณะที่ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ เขาก็ได้ยินว่าเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดเรียกจักรพรรดิอัคคีว่า “ท่านแม่” และเอ่ยถึงหานซั่วโดยเรียก “ท่านพ่อ” จริง ๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงภาพฉากอันน่าสะพรึงกลัวที่ปรากฏขึ้นในหัว

น… น่าขนลุกชะมัด! ราวกับว่าหานซั่วนึกถึงภาพอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาจึงบิดเบี้ยวไปทันที

“นี่ เจ้าหนุ่มตรงนั้นน่ะ เจ้าเป็นพ่อของลูกชายข้ารึ?”

ขณะที่ความคิดของหานซั่วกำลังเตลิดไปเรื่อย หญิงวัยกลางคนร่างอวบอ้วนคนนั้นก็ร้องตะโกนถามหานซั่ว

เจ้าเป็นพ่อของลูกชายข้ารึ? ประโยคนี้ทำให้หานซั่วรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่น้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มประหลาดที่ดูเหมือนจะร้องไห้เต็มทีออกมา และรีบตอบกลับไป

“ม… ไม่ได้เกิดจากข้ากับท่านก็แล้วกัน!”

เมื่อหานซั่วพูดจบ เขาก็นึกอยากตบหน้าตัวเองขึ้นมา ยิ่งเขารู้สึกตระหนกมากเท่าใด เขาก็ยิ่งเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่น่าอายเช่นนี้มาก่อนในช่วงระยะเวลาหลายปี

“ไร้สาระน่า ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้วสิว่าเจ้ากับข้าไม่ได้ให้กำเนิดเขาด้วยกัน!”

จักรพรรดิอัคคีดุหานซั่วด้วยท่าทีไร้กังวล เธอดูเป็นผู้หญิงปากร้ายที่ไม่รู้จักละอายต่อสิ่งใด ก่อนจะพูดต่อ

“อีกอย่าง ข้าเองก็ตั้งครรภ์ไม่ได้ด้วย! แต่เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่าเจ้าเองก็ไม่มีน้ำยาเสียแล้วหรอกนะ ว่ามั้ย?”

“ท่านพ่อ! ท่านแม่ของข้าสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว เธออยากจะออกไปจากที่นี่เพื่อไปเผชิญโลกภายนอกน่ะ!”

เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดส่งกระแสจิตมายังหานซั่ว แต่เมื่อมันสัมผัสได้ว่าจิตใจของหานซั่วกำลังว้าวุ่นสับสน มันจึงร้องถามด้วยความเป็นห่วง

“ท่านพ่อ เป็นอะไรไป? ทำไมท่านถึงดูกระวนกระวายแบบนี้ล่ะ?”

“ป… เปล่าหรอก ไม่มีอะไร!”

หานซั่วตอบอย่างเร่งรีบ

“ตั้งแต่ที่ข้ารู้จักสถานที่อันยอดเยี่ยมแห่งนี้ ข้าก็อาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอดเพื่อดูดซับพลังงานสำหรับการพัฒนาร่าง วันเวลาผ่านมานานแสนนานจนข้าเองก็นับไม่หวาดไม่ไหว และตอนนี้ ในที่สุดข้าก็สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ช่างเป็นเวลาที่พอเหมาะพอเจาะที่จะออกไปผจญภัยในโลกภายนอกเสียจริง ๆ”

หญิงอ้วนพูดแทรกขึ้นมาขณะจ้องมองไปยังหานซั่ว

“เอ่อ… ก็ดีแล้วนี่ โลกมนุษย์น่ะมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากจริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์ของท่านในตอนนี้ พวกคนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีวันดูถูกท่านในฐานะอมนุษย์อย่างแน่นอน และด้วยพลังระดับท่าน ท่านก็คงท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ได้ในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำเลยล่ะ”

หานซั่วตอบจักรพรรดิอัคคี

ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็ชะงักไป เมื่อความคิดเรื่องที่ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิอัคคีนั้นเทียบเท่ากับครึ่งเทพวาบขึ้นมาในหัว ความตระหนกที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เจ้าผีดิบธาตุไฟเรียกพวกเขาว่าท่านพ่อท่านแม่อีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องที่จักรพรรดิอัคคีผู้ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าครึ่งเทพผู้นี้ไม่ได้เป็นศัตรูกับเขาเพราะเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดต่างหาก ซึ่งถ้าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของจักรพรรดิอัคคีมาสนับสนุนตัวเขาเองได้ ก็จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้เขามากขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่เขาพูดจบประโยค ก่อนที่จักรพรรดิอัคคีจะทันได้ตอบกลับมา หานซั่วก็รีบเชิญชวนเธอทันที

“ข้าคุ้นเคยกับโลกมนุษย์เป็นอย่างดี ทำไมท่านไม่ลองมาเยือนจักรวรรดิแลนซล็อตของเรา และเที่ยวชมความแตกต่างระหว่างโลกของมนุษย์และโลกของสิ่งมีชีวิตวิเศษดูสักหน่อยล่ะ?”

“โอ้ ได้แน่นอน ข้าเองก็ไม่ได้มีจุดหมายที่ไหนเป็นพิเศษอยู่แล้ว ข้าก็แค่วางแผนว่าจะเที่ยวเตร่ไปเรื่อยตามแต่สถานการณ์จะพาไปก็เท่านั้นเอง”

หญิงอ้วนตอบรับคำเชิญของหานซั่วทันทีจนเขาเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็คว้าตัวเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดเอาไว้และหันมาพูดกับหานซั่ว

“ขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ”

“ตกลง!”

หานซั่วตอบ ก่อนจะหันมองไปยังเหล่ามังกรดำที่กำลังจ้องมองไปยังจักรพรรดิอัคคีที่อยู่เบื้องล่างพวกเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง และพูด

“ไปกันเถอะ ขึ้นไปเหนือรอยแยกให้ได้ก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยเรื่องทุกอย่างกันทีหลัง”

“ไบรอัน… กิลเบิร์ต… เจ้าเด็กโง่นั่น… ตายแล้วจริง ๆ รึ?”

หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสเริ่มฟื้นกำลังขึ้นมาทีละน้อยหลังจากที่ออกมาจากกรงขังได้ ในฐานะสัตว์วิเศษที่พัฒนาร่างมาถึงระดับ 4 เขาจึงสามารถปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่ร้อนระอุถึงเพียงนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากสีหน้า เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเจ็บปวดกับความทรมานที่หนักหนาเหลือเกิน

เมื่อเอ่ยถึงกิลเบิร์ต หานซั่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาในหัวใจ แต่ก็นับว่าต่างจากก่อนหน้านี้ เพราะเขาพบวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ได้แล้ว ความเศร้านั้นจึงทุเลาลงไปมาก หานซั่วฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก และพูดปลอบโยนกิลเกส

“วางใจเถอะ ถึงแม้ว่ากิลเบิร์ตจะตายไป แต่ข้าก็เก็บวิญญาณของเขาไว้แล้ว ขอเวลาข้าสักหน่อย ข้าจะทำให้เขาได้เกิดใหม่และมายืนอยู่ต่อหน้าท่านอีกครั้งให้ได้”

หลังจากนิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง บางอย่างก็วาบขึ้นมาในดวงตาของหานซั่ว และเขาก็พูดเสริมต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“และไม่ว่ายังไง การเสียสละของกิลเบิร์ตจะไม่มีวันสูญเปล่า เพราะข้าจะทำให้อารามแห่งน้ำแข็งต้องชดใช้นับร้อยเท่ากับสิ่งที่พวกมันทำลงไป!”

“จ… จริงรึ? เจ้าสามารถชุบชีวิตกิลเบิร์ตได้จริง ๆ รึ?”

หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสพูดด้วยเสียงสั่นเครือขณะจ้องมองหานซั่วอย่างไม่เชื่อสายตา

หานซั่วพยักหน้า แต่ก่อนที่เขาจะพูดยืนยันอีกครั้ง เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน เพราะไม่ว่าจะด้วยเวทย์ปีศาจหรือเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย การชุบชีวิตกิลเบิร์ตที่เพิ่งตายไปก็ไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้เสียทีเดียว เมื่อนึกขึ้นมาได้ เขาก็รู้สึกโศกเศร้าอีกครั้งและถอนใจ

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

“ข้าให้คำมั่นได้ว่ากิลเบิร์ตจะกลับมามีชีวิตได้อีก แต่ไม่ว่ายังไง คงต้องมีความเปลี่ยนแปลงกับร่างใหม่ของเขาอยู่บ้าง”

กิลเกสเองก็ไม่ใช่ตัวตนที่ธรรมดา เขาย่อมต้องเข้าใจสิ่งที่หานซั่วต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี เขาจึงถอนหายใจและตอบกลับไป

“ตราบใดที่ชุบชีวิตเขาได้ เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ”

“รีบไปกันเถอะ รีบไปกันเถอะ สำหรับคนที่ไม่ได้มีอายุอานามมาหลายพันปี พวกเจ้านี่พูดมากยืดยาวอย่างกับผู้หญิงแน่ะ”

ขณะที่หานซั่วและกิลเกสกำลังถอนใจด้วยความโศกเศร้า จักรพรรดิอัคคีจึงอดไม่ได้ที่จะเร่งเร้าพวกเขา เพราะเธอไม่เคยขึ้นไปบนอาณาจักรแห่งความลึกล้ำในฐานะมนุษย์มาก่อน ในตอนนี้ เมื่อเธอสามารถพัฒนาร่างสู่ระดับที่ 5 จนเป็นจักรพรรดิอัคคีได้ด้วยความยากลำบากแสนสาหัส เธอจึงมีความอดทนที่ไม่สูงนัก

พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรกันอีกต่อไป หานซั่วพยักหน้าให้กิลเกส ก่อนจะเหาะทะยานขึ้นไปยังรอยแยกของลาวา พวกเขาทะยอยกันออกมาทีละคน ๆ จนกระทั่งอพยพได้ทั้งหมด

เมื่อออกมาได้แล้ว หานซั่วก็มองไปยังกลุ่มของผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ชั่วครู่หนึ่ง เขาก็นึกไม่ออกว่าจะพาพวกเขาไปอยู่ที่ไหนดี

“พวกเราจะล้างแค้นให้กิลเบิร์ต นับจากวันนี้ต่อไป อารามแห่งน้ำแข็งคือศัตรูตลอดกาลของพวกเราเผ่ามังกรดำ!”

มังกรดำคนหนึ่งที่ดูแข็งแรงกำยำและหยาบคายร้องขึ้นมาด้วยความกราดเกรี้ยว เมื่อเขาเห็นศพของกิลเบิร์ตที่อยู่บริเวณรอยแยกและจมอยู่ในกองเลือดของตนเอง

ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด แม็กม่าหรือหินหลอมเหลวของแดนอัคคีสัมบูรณ์ก็ได้ปะทุขึ้นมาและพุ่งออกไปทุกทิศทางราวกับภูเขาไฟเล็ก ๆ ที่เกิดระเบิดขึ้นบริเวณรอยแยก ซึ่งในระหว่างนั้น แม็กม่าที่เปี่ยมไปด้วยธาตุไฟปริมาณมหาศาลก็ไหลท่วมร่างของกิลเบิร์ต ทำให้ร่างที่ไร้ชีวิตของเขาถูกเผาไหม้และหลอมละลายจนกลายเป็นเศษซากที่น่าสังเวช เนื้อหนังของเขาหลุดลอกออก เหลือเพียงซากโครงกระดูกขนาดมหึมา ผลึกมนตรา และลูกตามังกร 2 ลูกเท่านั้น

เมื่อมองไปยังซากโครงกระดูกของกิลเบิร์ต แม้ว่าจะมีวิธีชุบชีวิตกิลเบิร์ตได้แล้วก็ตาม แต่หานซั่วก็ไม่สามารถควบคุมความกราดเกรี้ยวของตนเองไว้ได้ ก่อนจะกู่ร้องตะโกนขึ้นก้องฟ้า

“ใช่แล้ว พวกเราต้องแก้แค้นให้ได้!”

ตอนนั้นเอง หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสก็บินไปยังซากที่เหลืออยู่ของกิลเบิร์ต และค่อย ๆ เก็บเอาผลึกมนตราและลูกตามังกรทั้ง 2 ลูกของเขากลับมาด้วยความระมัดระวังและทะนุถนอมมันราบกับสมบัติมีค่า

หลังจากที่ร้องตะโกนอย่างบันดาลโทสะออกไปแล้ว หานซั่วก็อัญเชิญเจ้าผีดิบธาตุดินออกมา และด้วยพรสวรรค์ของมัน ซากโครงกระดูกขนาดมหึมาของกิลเบิร์ตก็ถูกฝังลึกลงไปใต้ดิน เพื่อที่ว่า ในอนาคตสักวันหนึ่ง มันจะสามารถนำกลับมาประกอบเป็นร่างใหม่ให้กับกิลเบิร์ตได้อีกครั้ง

“ข้าอยากไปเที่ยวที่สังคมโลกมนุษย์แล้วนะ!”

จักรพรรดิอัคคีพูดอย่างหนักแน่นพลางจ้องมองไปยังหานซั่ว

ก่อนที่หานซั่วจะทันได้ตอบตกลง จิตของเขาก็สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมาจากหุบเขาทารัค เขาตกตะลึงไปในทันทีและรู้สึกตัวในที่สุด เพราะตอนที่เขาปลดปล่อยจิตออกมาอย่างเต็มที่เพื่อโจมตีอารามแห่งน้ำแข็งก่อนหน้านี้ กลับทำให้ราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณพบร่องรอยของเขาจนได้

เมื่อมั่นใจเช่นนั้น หานซั่วก็รีบอำพรางจิตของตนเองทันที

ทันใดนั้นเอง ความคิดบางอย่างก็วาบขึ้นมาในหัวของหานซั่วพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย ไม่นานนัก มุมปากของหานซั่วก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอย่างที่สุด เมื่อเขาพบวิธีที่จะจัดการกับอารามแห่งน้ำแข็งเข้าแล้ว

“นี่ เจ้าหนุ่ม ไหนเจ้าบอกว่าจะพาข้าไปเที่ยวชมโลกมนุษย์ยังไงล่ะ?”

หญิงอ้วนรีบเร่งเร้าหานซั่วอีกครั้งอย่างอดรนทนไม่ได้

“เอลิซาเบธ!”

หานซั่วร้องเรียกขึ้นเบา ๆ

“เจ้าค่ะ นายท่าน มีอะไรให้ข้ารับใช้?”

ร่างกายของเอลิซาเบธฟื้นกำลังดีแล้ว หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน ร่างกายของเอลิซาเบธตอนนี้เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนอื่น ๆ และในเมื่อไม่มีโครีย์และพวกมาคอยรบกวน ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ค่อย ๆ ดูดซับพลังเหล่านั้นได้อย่างช้า ๆ

ดังคำกล่าวที่ว่า “ความเจ็บที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน” ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่หญิงอ้วนจะพัฒนาร่างจากจ้าวอัคคี และกลายเป็นจักรพรรดิอัคคีได้ในที่สุด ส่วนเอลิซาเบธ ก็ได้รับผลประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เมื่อร่างกายของเธอได้ดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเข้าไปอย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของเธอก็จะบรรลุสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน

“พาเธอเที่ยวชมให้รอบจักรวรรดิแลนซล็อต เอ่อ แล้วถ้าเธอเกิดเบื่อขึ้นมา ก็พาเธอไปที่นครเบรทเทลนะ เข้าใจรึเปล่า?”

หานซั่วสั่งเอลิซาเบธพร้อมกับหรี่ตา

เอลิซาเบธเข้าใจความต้องการของหานซั่วเป็นอย่างดี เธอก้มศีรษะอย่างเคารพ และตอบกลับไป

“วางใจเถอะ นายท่าน ข้าจะทำให้เธอรู้สึกสำราญใจอย่างเต็มที่เลย”

“เอาล่ะ เอาล่ะ รีบไปกันเถอะ”

หญิงอ้วนพูดอย่างหมดความอดทน เพราะอยากจะจากไปเสียทีและพาเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดไปด้วย

“เดี๋ยวก่อน!”

เมื่อหานซั่วเห็นว่าจักรพรรดิอัคคีคว้ามือของเจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดเอาไว้และไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย เขาก็รีบร้องตะโกนขึ้นมาทันที

“เขาไปกับท่านไม่ได้นะ!”

“ทำไมล่ะ? นี่ลูกข้า ทำไมเขาจะไปกับข้าไม่ได้?”

หญิงอ้วนดูไม่พอใจและคำรามออกมา ขณะที่ดวงตาก็จ้องเขม็งมายังหานซั่ว

“เขาก็เป็นลูกของข้าเหมือนกัน!”

หานซั่วรีบตอบทันที

ทั้งกิลเกสและเหล่ามังกรดำทั้งเผ่า รวมทั้งเอลิซาเบธ ต่างมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อได้ยินหานซั่วพูดเช่นนั้นออกมา

หานซั่วรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาและพูด

“ให้เขาติดตามข้าเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”

ท่าทางการพูดนั้น ฟังดูราวกับคู่รักที่หย่าร้างกัน แล้วโต้เถียงกันเพื่อแย่งชิงสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกก็ไม่ปาน

จักรพรรดิอัคคีบันดาลโทสะ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา เจ้าผีดิบธาตุไฟก็กระตุกมุมเสื้อของเธอ และส่งกระแสจิตเพื่อสื่อสาร

อารมณ์บนสีหน้าของเธอนั้นเดือดพล่าน แต่ไม่นานนัก เธอก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ก่อนจะหันมาจ้องมองหานซั่วและพูด

“ดูแลลูกข้าให้ดี ๆ ล่ะ!”

ว่าแล้วเธอก็หันไปคว้าตัวเอลิซาเบธและเหาะทะยานออกไปจากป่าทมิฬ

**************************************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท