Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 479

ตอนที่ 479

หานซั่วมองผ่านรอยแยกแคบ ๆ นั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย พลางจับจ้องไปยังกลุ่มคนซึ่งยืนอยู่บนแท่นด้านบนของรูปสลักเทพีน้ำแข็ง และแอบฟังบทสนทนาของพวกนั้นอย่างระมัดระวัง

“เมื่อไหร่แผนการนี้จะเสร็จสิ้นจริง ๆ เสียที นี่มันก็กินเวลามากว่า 100 ปี แล้วนะ”

สาวกของอารามแห่งน้ำแข็งคนหนึ่งพูดขึ้นพลางถอนหายใจ

“ก็ตั้งแต่ที่เราเริ่ม แผนการสร้างเทพ จนมาถึงตอนนี้ อารามของพวกเราก็ทุ่มเทแรงงานและกำลังคนไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แล้วยังจะมาเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ขึ้นอีก แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็ปล่อยปละละเลยไม่ได้หรอก เหตุผลที่พวกเราอารามแห่งน้ำแข็งยังคงถูกกดขี่อยู่ภายใต้ศาสนจักรแห่งแสงสว่างและศาสนจักรแห่งความหายนะ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเรายังไม่มีเทพผู้พิทักษ์ที่แท้จริงเป็นของตนเองในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำน่ะสิ ซึ่งถ้าไม่มี เราก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ใด ๆ ให้โลกเห็น พวกเราถึงหาเหล่าสาวกไม่ได้ไปมากกว่านี้แล้วไงล่ะ ซึ่งถ้าแผนการสร้างเทพนี้สำเร็จล่ะก็ อารามแห่งน้ำแข็งของพวกเราก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ไปตลอดกาล กลายเป็นอารามที่ทั่วทั้งอาณาจักรต้องเชิดชู และไม่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของใครอีกต่อไปแล้ว”

สาวกอีกคนพูดขึ้น และอธิบายด้วยน้ำเสียงเย็นชา

แผนการสร้างเทพ งั้นรึ?

หานซั่วถึงกับชะงักไปเพราะสิ่งที่ได้ยิน

** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **

จนกระทั่งตอนนี้ หานซั่วก็ยอมรับมานานแล้วว่ามีเทพอยู่ในโลกนี้จริง ๆ ทั้ง เทพีโรสผู้ชั่วร้าย ผู้ซึ่งเคยโจมตีจิตของเขาข้ามภพมาก่อนหน้านี้ นักบุญสาว ซึ่งซ่อนตัวลึกเข้าไปภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง และราชาหกเขาแห่งเผ่าวิญญาณ ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ซึ่งตัวตนเหล่านี้เองที่ทำให้หานซั่วเชื่อได้ว่าเทพนั้นมีจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่หานซั่วได้เรียนรู้มา แม้แต่เทพที่อ่อนแอที่สุดก็ต้องฝึกฝนตัวเองนานนับล้านปี ค่อย ๆ สั่งสมความแข็งแกร่งมากขึ้นทีละน้อย จนกลายเป็นความหยั่งรู้ในธาตุต่าง ๆ หรือแม้แต่กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติที่แท้จริงในโลกนี้ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น หากโชคดีพอ พวกเขาก็จะสามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเองจนกลายเป็นเทพในที่สุด

แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่หานซั่วได้ยินคำว่า “การสร้างเทพ” กับหูตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่ยโสโอหัง และน่าตกใจที่สุดที่เขาได้ยินมาในรอบหลายปีมานี้เลยก็ว่าได้ และ ณ จุดนั้น อารามแห่งน้ำแข็งก็ได้ทำลายความเข้าใจชั้นพื้นฐานที่สุดเกี่ยวกับเทพของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

เทพเป็นอะไรที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยเรอะ?

“แผนการนี้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วล่ะ ไม่นานหรอก พวกเราจะได้ทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นกันเสียที กับการพัฒนาร่างของผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นเทพในช่วงเวลาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ช่างเป็นความอุตสาหะที่ยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร! และระหว่างนี้ เราจะต้องไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นเด็ดขาด”

หนึ่งในสาวกเหล่านั้นพูดขึ้นอย่างหนักแน่น น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งจนยากจะอธิบาย

ผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ? หานซั่วรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ค่อนข้างคิดว่าแผนการนี้อาจมีความเป็นไปได้มากทีเดียว

สำหรับผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ จะมีโครงสร้างร่างกายแตกต่างไปจากคนธรรมดา และมักจะมีความสามารถพิเศษบางอย่างอยู่ในตัว พวกเขาอาจมีความแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนาเหมือนกับเจเน็ท หรือเหมือนกับเอลิซาเบธที่สามารถดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ได้

และยังมีผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์อีกจำนวนมาก ที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในโลกนี้ได้โดยง่าย และเมื่อพวกเขาฝึกฝนเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับธาตุนั้น ๆ พวกเขาก็จะมีความก้าวหน้าอันน่าตกตะลึงจนยากที่จะจินตนาการ พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำได้ แต่อาจจะเร็วกว่าถึง 10 หรือ 100 เท่า

หานซั่วรู้สึกอัศจรรย์ใจกับผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก และสับสนงุนงงไม่หายกับความสามารถพิเศษที่ร่างกายนั้นมอบให้ หลังจากได้ฟังบทสนทนาของคนกลุ่มนั้นแล้ว หานซั่วก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

เป็นไปได้หรือว่าคนที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์คือผู้ที่มีเชื้อสายของเทพ?

“พอได้แล้ว เร่งมือเข้าเถอะ ใส่คริสตัลพลังงานนั้นลงไป แล้วรีบไปกันได้แล้ว!”

สาวกคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนและเร่งเร้า

หลังจากที่เขาพูดจบ หานซั่วเริ่มพุ่งความสนใจไปที่แท่นด้านบนรูปสลักมากยิ่งขึ้น เขาเห็นว่าคนพวกนั้นเรียกคริสตัลที่เต็มไปด้วยธาตุน้ำหนาแน่นออกมาจากแหวนมิติ พวกเขาถือมันไว้อย่างระมัดระวังโดยใช้เวทมนตร์ ก่อนจะนำพวกมันใส่เข้าไปในรอยแยกเล็ก ๆ บริเวณศีรษะของรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง

เมื่อคริสตัลที่เต็มไปด้วยธาตุน้ำเข้าสู่ภายในรูปสลัก มันก็หลอมละลายกลายเป็นน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผ่านการผสมผสาน สายใยของธาตุน้ำนั้นก็ค่อย ๆ ไหลไปสู่ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่อยู่บริเวณท้องของรูปสลักทันที

ด้วยเวลาเพียงครู่เดียว ชายกลุ่มนั้นก็ได้ใส่คริสตัลพลังงานลงไปในรูปสลักเทพีน้ำแข็ง พวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์อย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากมั่นใจแล้วว่ารูปสลักเทพีนั้นทำงานได้ตามปกติ พวกเขาก็สั่งการให้ดึงแท่นนั้นกลับเข้าสู่รอยแยกตรงผนังที่เปิดออก และหายไปจากสายตาของหานซั่วในที่สุด

หลังจากที่คนกลุ่มนั้นจากไป หานซั่วก็พุ่งความสนใจทั้งหมดของเขาไปยังรูปสลักเทพีน้ำแข็ง จ้องมองไปยังรูปสลักขนาดมหึมาซึ่งอารามแห่งน้ำแข็งใช้เวลานับร้อยปีในการสร้างขึ้น ภายในใจ เขาก็ร้องอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

หญิงสาวที่มีผิวอันเย็นเยียบและเรียบลื่นราวกับหยกซึ่งอยู่ภายในรูปสลักเทพีน้ำแข็งนั้นไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิต เธอเป็นเหมือนกับภาชนะที่ใช้รองรับพลังงานมหาศาลจากน้ำเย็นที่ผสมผสานกันภายในร่างของเธอ

หลังจากที่ครุ่นคิดพลางจ้องมองไปยังรูปสลักเทพีน้ำแข็งอยู่ครู่หนึ่ง หานซั่วก็ตัดสินใจได้ ว่าเขาต้องทำลายรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง รวมทั้งทุกสิ่งที่อยู่ข้างใน ซึ่งอาจจะมีไว้เพื่อสร้างเทพที่แท้จริง ระหว่างอารามแห่งน้ำแข็งและหานซั่ว มีเพียงความเลวร้ายที่มิอาจประนีประนอมกันได้ และเป็นเพราะอารามแห่งน้ำแข็งในตอนนี้ไร้ซึ่งผู้ที่มีพลังทัดเทียมกับเทพ จึงทำให้หานซั่วมั่นใจว่าจะได้เปรียบในการทำสงครามกับอารามแห่งน้ำแข็ง

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ยอดฝีมือทัดเทียมกับเทพถูกสร้างขึ้น หานซั่วก็เชื่อว่าอารามแห่งน้ำแข็งจะต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง ยอดฝีมือระดับเทพผู้นั้นก็จะคอยขัดขวางเขาอยู่ร่ำไป เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงตัดสินใจที่จะปล่อยน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ไปก่อนในตอนนี้ เพื่อฉวยโอกาสจากการที่แผนการสร้างเทพนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และขจัดศัตรูซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับเขาให้ได้เสียก่อน

บริเวณโดยรอบของรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง มีพลังงานธาตุน้ำอบอวลอยู่หนาแน่น หานซั่วพบเขตแดนเวทย์มนตร์อันแข็งแกร่งและกับดักมากมายถูกวางไว้เมื่อเขาเข้าไปในโถง อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับหานซั่วที่จะเข้าไปภายในอาคารซึ่งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์อยู่โดยใช้ผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด แต่การเข้าไปใกล้รูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งโดยไม่แตะต้องเขตแดนเวทมนตร์หรือกับดักใด ๆ เลยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **

ดวงตาของเขาเป็นประกาย หานซั่วตัดสินใจที่จะฝ่าผ่านเขตแดนเวทมนตร์และกับดักเข้าไป และทำลายรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็งอย่างป่าเถื่อน ในใจของเขาเริ่มพิจารณาแผนการในแต่ละขั้นตอน และชั่งน้ำหนักว่าอะไรจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำลายภัยคุกคามที่อาจเป็นไปได้ในอนาคตนี้ให้สำเร็จ

ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขานึกถึงเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอด ซึ่งได้รับการหล่อหลอมขึ้นมาจากพลังธาตุน้ำ อีกทั้งยังมีความสามารถในการควบคุมน้ำแข็งและน้ำได้ ซึ่งในบริเวณนี้ เขตแดนเวทมนตร์และกับดักที่อยู่รอบ ๆ รูปสลักเทพีน้ำแข็งจะต้องเกิดจากน้ำแข็งและน้ำอย่างแน่นอน และเจ้าผีดิบธาตุน้ำก็อาจจะเข้าไปถึงรูปสลักได้โดยที่ไม่ทำให้ใครรู้ตัว

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของหานซั่ว เขาก็รีบลงมือในทันที หลังจากร่ายเวทย์อัญเชิญ เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเขา เจ้าผีดิบธาตุโลหะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ว่างพอให้เจ้าผีดิบธาตุน้ำได้ยืนอยู่เคียงข้างหานซั่ว

“เจ้าพอมีวิธีไหนที่จะพาข้าเข้าไปถึงรูปสลักเทพีนั่นโดยที่ไม่ทำให้ใครรู้ได้รึเปล่า?”

หานซั่วส่งกระแสจิตถาม

เจ้าผีดิบธาตุน้ำไม่ได้ตอบในทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าผีดิบธาตุน้ำยังคงไม่สื่อสารอะไรกลับมา ซึ่งทำให้หานซั่วประหลาดใจไม่น้อย

ในบรรดาผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ตน เจ้าผีดิบธาตุน้ำนั้นเกิดขึ้นมาทีหลังสุด และไม่มีขุมพลังธาตุน้ำใด ๆ เป็นอาวุธ หลังจากพัฒนาตนมาเป็นเวลานาน มันก็น่าจะมีพัฒนาการอันเฉลียวฉลาด แทนที่จะมายืนบื้ออยู่อย่างนี้

หานซั่วที่กำลังฉงนสงสัยขมวดคิ้ว เขาทำได้เพียงหันไปมองเจ้าผีดิบธาตุน้ำเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน

แล้วหานซั่วก็ต้องชะงักไปทันทีกับสิ่งที่เขาเห็น

ดวงตาของมันเป็นประกายระยิบระยับด้วยแสงอันเจิดจ้า ร่างกายของมันมีไอน้ำปกคลุมเต็มไปหมด เมื่อยืนอยู่ข้าง ๆ มัน หานซั่วก็รู้สึกได้ถึงความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าผีดิบธาตุน้ำดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ราวกับว่ามันได้พบกับบางอย่างซึ่งทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เมื่อมองไปตามสายตาของเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดไป หานซั่วก็พบว่ามันกำลังจ้องมองอย่างเลื่อนลอยไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้างในรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง ดวงตาของมันไม่กระพริบและยืนบื้ออยู่อย่างนั้นราวกับคนโง่

ชิบหายแล้ว! หานซั่วรู้สึกตระหนกขึ้นมาทันที เขาคิดในใจ อย่าบอกนะว่าแกดันไปตกหลุมรักกับผู้หญิงที่อยู่ข้างในนั้น?

ภายในใจของหานซั่วสับสนวุ่นวายไปหมด โดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดที่ดูโง่เง่าตนนี้

“เกิดอะไรขึ้น?”

หานซั่วตะโกนเสียงดัง เขาตั้งใจปลุกเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดให้ตื่นจากภวังค์

เสียงตะโกนของหานซั่วได้ผลทีเดียว เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดสะดุ้งเฮือก มันมองมาที่หานซั่วอย่างงง ๆ หลังจากนั้น ก็มีประกายแสงสว่างวาบขึ้นในดวงตาของมัน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นและชี้ไปยังหญิงสาวผู้นั้น

“ท่านพ่อ ข้าอยากได้!”

เจ้าบ้านี่ต้องพัฒนาร่างมาผิดวิธีแน่ ๆ! ขนาดค่ายกลอสูรเบญจธาตุยังไม่มีปัญญาทำได้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันพัฒนาความปราถนาเรื่องเพศมาแทนรึนี่ แถมดวงตาของมันยังส่อแววชั่วร้ายมากเสียด้วย บ้าชิบ! เจ้าตัวแสบ! ทำไมถึงได้พัฒนาขึ้นมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!

หานซั่วสบถสาปแช่งในใจไม่หยุด ขณะที่เขามองไปยังเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดที่กำลังจินตนาการไปไกลแสนไกล ครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร สำหรับผีดิบแห่งธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ตน หานซั่วเป็นห่วงเป็นใยพวกมันจากใจจริง แม้ว่าคำขอร้องของเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดออกจะพิลึกไปสักหน่อย แต่เมื่อมองไปยังเจ้าผีดิบธาตุน้ำที่กำลังตื่นเต้นและคอยเร่งเร้า เขาก็ปฏิเสธไม่ลง

หลังจากที่กระทืบเท้าครั้งหนึ่ง หานซั่วก็กัดฟันและพูดขึ้น

“ไปเลยเจ้าวายร้าย อยากทำอะไรก็ทำ แต่ห้ามทำให้ใครรู้ตัวนะ บ้าจริง! พวกพี่ชายของเจ้าที่อยู่มาก่อนไม่เห็นจะหื่นกามเหมือนเจ้าเลย!”

หลังจากได้รับคำยืนยันจากหานซั่ว เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดก็กระโดดออกไปทันทีด้วยความตื่นเต้น มันพุ่งตัวไป ผ่านกับดักและเขตแดนเวทมนตร์มากมาย จนกระทั่งกระโดดลงไปบนเท้าของรูปสลักเทพีน้ำแข็งได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา โดยไม่โดนกับดักหรือสัมผัสกับเขตแดนเวทมนตร์เลยสักนิดเดียว

ขณะที่หานซั่วยังคงสบถสาปแช่งอยู่ในใจ เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดก็ได้ผสานตนเองเข้าไปในรูปสลักเทพีแห่งน้ำแข็ง จากช่วงท่อนขาด้านล่าง มันก็ล่องลอยขึ้นไปกับกระแสน้ำเย็น มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่หญิงสาวอยู่ และในที่สุด มันก็โอบกอดร่างที่ดูไร้ชีวิตของหญิงสาวที่งดงามสมบูรณ์แบบผู้นั้นไว้ด้วยความตื่นเต้น

*********************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท