Gate of God – ตอนที่ 440

ตอนที่ 440

พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก

พวกเขาสามารถยอมรับได้ถ้าแพ้ให้กับองค์หญิง ฉาน ยู่ แต่แพ้ให้กับทหารยามขององค์หญิง…

มันเป็นความพายแพ้ที่น่าอับอายมาก…

พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้

ที่สำคัญทหารขององค์หญิง ดูเหมือนจะเยาว์วัยเป็นอย่างมาก

เขาเป็นใครกัน?

ใครที่เข้าไปในห้องพร้อมกับองค์หญิง?

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตอบคำถามอะไร เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาทำแบบนั้น

เขาคาดหวังว่าจะเห็นการต่อสู้อันรุนแรงเมื่อเขาเข้ามาในห้อง แต่เขากลับต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น…

“ข้าควรจะออกไปเงียบๆไหม?“

โถงบัลลังก์ของที่นี่ไม่เหมือนกับอาณาจักรเซี่ย ที่ทั้งห้องตกแต่งไปด้วยอัญมณีมากมาย

ที่นี่เองก็มีอัญมณีด้วยเช่นกัน

แต่นอกเหนือจากนั้น เสาแต่ละต้นในห้องยังประดับประดาไปด้วยรูปสัตว์พร้อมกับศิลปะการแกะสลักแบบโบราณ

ถัดจากภาพแกะสลัก…

เป็นโครงกระดูกของสัตว์ป่า

ฟาง เจิ้งจือ สามารถบอกได้ว่าสัตว์ตัวนี้ต้องทรงพลังเป็นอย่างมาก…

ดังนั้น…

มันแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของดินแดนภูเขาทางใต้

จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็ตกใจกับรอยเลือดที่พื้น

มันเป็นเลือดที่เกิดจากรอยคลาน ที่ปลายทางเป็นชายชราที่นอนอยู่บนพื้น

เขาอายุ 50 ปีและกำลังหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเขาซีดขาวแล้วมีเลือดออกที่มุมปาก รอยเลือดนั้นไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดขึ้นบนหน้าอกของเขา

เลือดยังคงไหลออกมาอย่างตอเนื่องบนปากแผลของเขาจนเกิดเป็นแอ่งขนาดเลือดขึ้นมา

ด้านข้างมีกลุ่มหญิงสาวถือเครื่องดนตรีอยู่

ทั้งกลองหรือขลุ่ย…

เครื่องดนตรีของพวกเขาอาจจะแตกต่างกัน แต่ท่าทีของพวกเขานั้นเหมือนกัน

ตกตะลึง ความรู้สึกเดียวกับ ฟาง เจิ้งจือ ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ตกใจเพราะสาเหตุอื่น เขาสังเกตุเห็นรัฐมนตรีกรมพีธีการ

ที่สำคัญที่สุดคือ…

เขากำลังยื่นมือออกมาทาง ฟาง เจิ้งจือ

“ช่วย… ช่วย… ช่วยข้า… “

ฟาง เจิ้งจือ ต้องการออกไปจากที่นี่เพราะสาเหตุนี้ เขาพยายามทำตัวราวกับไม่ได้ยินเสียงของรัฐมนตรีพีธีการ

“เจ้า?!“

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดคำพูดอ้อนวอนของรัฐมนตรีพีธีการ ในความเป็นจริงเขาคนนี้ได้เมินเฉยต่อรัฐมนตรีพีธีการตั้งแต่ต้น

ชายคนหนึ่งเดินมาทาง ฟาง เจิ้งจือ และ องค์หญิง ฉาน ยู่ ในมือของเขาถือดาบเปื้อนเลือดอยู่

เขาดูอายุประมาณสามสิบปีสวมชุดเกราะสีเงินอยู่ รองเท้าของเขาตกแต่งด้วยทอง บนหัวประดับไปด้วยขนนกห้าสี

มีไพลินอยู่ตรงกลางขนนกทั้งห้าสีนั้น

“ท่านพี่เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิง ฉาน ยู่ กำมีดในมือแน่นขณะที่หันไปมองรัฐมนตรีพีธีการ

ฟาง เจิ้งจือ สามารถเดาได้ว่าชายคนนี้คือ ฉาน หลิง

“ฮ่าฮ่า …เจ้าไม่ควรถามคำถามนี้กับข้า เจ้าควรถามท่านพ่อ!“องค์รัชทายาท ฉาน หลิง หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปมององค์หญิง ฉาน ยู่ อย่างสนิทสนม

“ท่านพ่อ?” องค์หญิงหันไปมองชายสูงอายุที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

เขาสูงกว่าสองเมตร ร่างกายดูกำยำและมีผมสีเงิน สวมผ้าคลุมหนังสัตว์สีม่วง

หากไม่ใช่เพราะริ้วรอยของเขา ใครๆก็คงไม่สามารถเดาอายุของเขาได้

ราชาแห่งดินแดนภูเขาทางใต้!

เป็นเขาหรือเปล่า?

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่องค์ราชา เขาสามารถมองเห็นถึงความเจ็บปวดภายในดวงตาขององค์ราชาได้

“กบฎ!”ดูเหมือนองค์ราชาไม่คิดอยากจะอธิบายเท่าไรนัก เขาแสดงความโกรธตรงไปยัง ฉาน หลิง อย่างชัดเจน แต่เขาก็ดูไม่คิดจะช่วยรัฐมนตรีพีธีการแม้แต่น้อย

“ฉาน ยู่ เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แสงว่าเจ้าได้สูกับปีศาจที่อยู่ด้านนอกไปแล้ว?” ฉาน หลิง ส่ายหัว เขาไม่คิดจะโต้เถียงกับองค์ราชา เขามองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่ ด้วยความคาดหวัง

“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” องค์หญิง ฉาน ยู่ มองด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้น? จะมีอะไรอีกเกิดขึ้นได้ล่ะ! ทหารของเราได้สละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน! พวกเราเสียคนไปเท่าไรกันที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง? เจ้ารู้ไหม? 8,000! 8,000! และท่านพ่อกำลังทำอะไรอยู่? เจรจาเพื่อความสงบสุข! เขากำลังเจรจากับอาณาจักรเซี่ย ทั้งๆที่พวกเราเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก! แล้วเจ้าล่ะคิดว่าข้าจะทำอะไรอยู่!“

ฉาน หลิง พูดออกมาทันที เขาพยายามที่จะระงับความโกรธ

“ข้าไม่สนว่าท่านพ่อจะทำอะไร เขายังเป็นพ่อของพวกเรา ผู้ที่เลี้ยงดูพวกเรามา!” ตาขององค์หญิง ฉาน ยู่ เป็นประกาย

“ใช่เขาเป็นพ่อของเรา แต่เขาก็ยังเป็นพ่อของประชาชนด้วย! ทหารของเราไม่ใช่ลูกๆ ของเขาเหรอ? เจ้าคิดว่าพ่อที่ไหนจะมีความสุขมานั่งเจรจาทั้งๆที่พวกเราเสียทหารไปจำนวนมากแบบนี้!“

“ท่านพี่ ท่านยังคงคิดอยากจะเป็นจักรพรรดิอยู่อีกงั้นรึ? ท่านไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรือ?“การแสดงออกขององค์หญิง ฉาน ยู่ เปลี่ยนไปทันที

“สถานการณ์? ฮ่าฮ่า … ข้าจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งนี้มันกำลังจะเกิดขึ้น!” ฉาน หลิง หยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่มีตราประทับสีแดงขึ้นมา

องค์หญิง ฉาน ยู่ มองดูมัน

ฟาง เจิ้งจือ เองก็มองไปที่มันเช่นกัน อย่างไรก็ตามองค์ราชาและรัฐมนตรีพีธีการไม่คิดแม้แต่จะมอง

“ฝ่าบาท จดหมายในมือของท่านเป็นเพียงอุบายเท่านั้นพวกมันเพียงต้องการทำลายดินแดนภูเขาทางใต้และอาณาจักรเซี่ย แม้ว่าท่านจะฆ่าข้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ตอนนี้พวกเราให้ทางเลือกกับท่าน ถอนกำลังที่ประตูผ่านภูเขาและปล่อยทหารของเราแลกกับกองกำลังเสริม พวกเราสามารถร่วมมือกัน…”รัฐมนตรีพีธีการพยายามโน้มน้าว

“หุบปาก!” เสียงของ ฉาน หลิง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาเก็บจดหมายเข้าไป “เจ้ารู้อะไรบ้าง ปีศาจอาจจะกลับคำพูด แต่ถ้าอะไรที่พวกเขาสาบานต่อเทพเจ้าปีศาจไปแล้วพวกเขาไม่มีทางปิดคำพูดข้อตกลงระบุว่าข้ามีสามวัน ถ้าข้าฆ่าเจ้าได้ เราสามารถยึดถิ่นฐานวานรน้ำแข็งคืนได้ในสามวัน! ตอนนั้นทหารห้ามหมื่นนาย… “

“และมันคงบอกอีกว่าถ้าเจ้าฆ่าข้า ปีศาจจะถอนทัพออกจากเมืองภูเขาเซียนและช่วยให้เจ้าครองบัลลังก์มันคงดีกว่าสำหรับเจ้างั้นสิ?” เสียงขององค์ราชาดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“ท่านพ่อ ท่านไม่เข้าใจหรือ? ข้ามีเพียงเป้าหมายเดียวคือซื้อเวลาสามวันสามคืนคือเวลาทั้งหมดที่ข้าต้องการ! ปีศาจ? ข้าไม่ต้องการพวกเขา! ท่านพ่อไม่อยากเป็นจักรพรรดิงันหรือ? ท่านต้องการที่จะจำนนให้อาณาจักรเซี่ยตลอดไป? พวกเขามีอะไรดีกัน? ทหารเพียงสี่แสนของพวกเราสามารถเอาชนะทหารนับล้านของพวกเขาได้!ทำไมเราต้องเชื่อฟังพวกเขา? !ได้สติสักทีเถอะท่านพ่อ”

“เป็นท่านพี่ต่างหากที่ต้องได้สติ!” ร่างขององค์หญิง ฉาน ยู่ เปล่งแสงสีแดงออกมา

“ข้า? ฮ่าฮ่า … ข้าได้สติมานานแล้ว ข้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน น้องรัก ข้าเป็นคนหนึ่งที่ดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง! ด้วยทหาร 80,000 นายที่เจ้านำมา พวกเราสามารถยึดเมืองคืนได้าภายในสามวัน!ฉาน หลิง หัวเราะเบาๆ

“ถ้าข้าบอกว่าไม่ได้พาทหารมาสักคนล่ะ?”องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดออกมา

“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดตลกนะ! เจ้าจะไม่นำทหารมาได้ยังไง? ข้าได้มอบทหารที่ดีที่สุดให้กับเจ้า รวมถึงทหารหมาป่าเขาเงินที่เจ้ามี การผ่านปีศาจห้าหมื่นตนเข้ามาไม่ใช่ปัญหา!” ฉาน หลิง ไม่เชื่อองค์หญิง ฉาน ยู่

“ใช่แล้วมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ข้าไม่ได้นำทหารมาด้วยจริงๆ” องค์หญิง ฉาน ยู่ กล่าวเสริม

“เจ้า…นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นน่ะ ถ้าเจ้าไม่ได้พาทหารมา แล้วเจ้ามาทำไม?” ท่าทีขององค์รัชทายาท ฉาน หลิง เปลี่ยนไปทันที แต่เขาพยายามรักษาความสงบไว้

“เจรจา!“

“เพื่อความสงบสุข? กับใคร?! อาณาจักรเซี่ย! เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกเราจะได้เป็นอิสระจากอาณาจักรเซี่ย! ทำไมเราต้องเจรจากับพวกเขา” ฉาน หลิง พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านพี่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะรับมือทั้งอาณาจักรเซี่ยและพวกปีศาจพร้อมกันได้“

“ข้ารู้!“ฉาน หลิง พยักหน้า “แต่แล้วยังไง? เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง? พวกเราไม่สามารถสู้กับพวกนั้นพร้อมกันได้ แต่อาณาจักรเซี่ย ยังคงไม่ได้ทำการโจมตี!แม้ว่าเราจะเข้ายึดประตูผ่านภูเขาแล้วก็ตาม!“

“แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรเซี่ยไม่กล้าโจมตีพวกเรา! พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เราตายแม้ว่าเราจะไม่ใช่รัฐบรรณาการของพวกเขา!“

“อาณาจักรเซี่ยจะเป็นยังไงเมื่อไม่มีพวกเรา?“

“พวกเขาจะเป็นเป้าหมายสำคัญของปีศาจ! หากไม่มีดินแดนภูเขาทางใต้ อาณาจักรเซี่ยจะไม่สามารถเป็นได้อย่างทุกวันนี้! พวกเขาจะไม่สามารถต่อสู้กับพวกคนเถื่อนในแดนเหนือได้!“

“น้องเอ๋ย บอกข้าหน่อยว่าทำไมดินแดนภูเขาทางใต้ถึงไม่สามารถเป็นอิสระได้!บอกข้าหน่อยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถเป็นอาณาจักรได้!“

“เจรจา? ทำไมเราต้องเจรจา?!“

“พวกเราต้องให้ของมากมายแก่พวกเขาในทุกๆปี และนั่นไม่รวมถึงหนังสัตว์ที่พวกเราต้องให้อีก! พวกเขาให้อะไรเราตอบแทนกัน? หนังสือ! หนังสือเพียงไม่กี่เล่ม! หนังสือสถาปัตยกรรม นโยบายและเศรษฐศาสตร์พวกเขาบอกว่ามันจะเป็นการดีกว่าถ้าหากสอนให้คนตกปลาดีกว่าให้ปลาแก่คน!“

“เจ้าไม่เห็นหรือ? อาณาจักรเซี่ยปฏิบัติกับเราราวกับคนโง่! พวกเขาส่งรัฐมนตรีพีธีการมาและองค์ราชาของเราต้องไปต้อนรับเขา? พวกเราปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ เลี้ยงต้อนรับเขา ในขณะที่คนของเราต้องตายในสนามรบ!“

“วันนี้ข้าจะทำให้แน่ใจว่ารัฐมนตรีพีธีการตาสว่างและให้เขาได้เห็นถึงพลังของพวกเรา!“

ฉาน หลิง มองไปที่รัฐมนตรีพีธีการด้วยท่าทีที่มั่นใจดาบในมือของเขาส่งเสียงออกมา

ฉาน หลิง พร้อมที่จะฆ่าแล้ว

องค์ราชามองไปที่ ฉาน หลิง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ส่งเสียงออกมา

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกสงสัยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบกับองค์ราชาและองค์รัชทายาท

เขาคาดหวังเรื่องกบฏ ความอบอาย ความโกรธเกรี้ยว …

เขาได้เตรียมคำพูดมาเผื่อสถานการณ์ต่างไ

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าดินแดนภูเขาทางใต้ประสบปัญหาเร่งด่วนเพราะเมืองถูกรุกราน

มันคงจะยากเกินไปที่จะโน้มน้าวพวกเขาให้เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรเซี่ย

อย่างไรก็ตาม …

หลังจากฟัง ฉาน หลิง …

เขามีมุมมองใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์

แม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับดินแดนภูเขาทางใต้ แต่อาณาจักรเซี่ยก็ไม่กล้าโจมตี

หรือก็คือ ไม่ใช่แค่อาณาจักรเซี่ยที่ไม่เข้าโจมตี แต่พวกเขากำลังทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ดินแดนภูเขาทางใต้ให้ผ่านพ้นสถานการณ์เช่นนี้ไปได้

โดยไม่คำนึงถึงทัศนคติของพวกเขา

อาณาจักรเซี่ยจะไม่ปล่อยให้ดินแดนภูเขาทางใต้ล่มสลาย แม้พวกเขาจะต้องการเป็นอิสระจากอาณาจักรก็ตาม

ดังนั้น…

พวกเขาจะเจรจาทำไม?

ไม่มีอะไรให้เจรจา

อาณาจักรเซี่ยเฝ้าดูในขณะที่ดินแดนภูเขาทางใต้เข้ายึดประตูผ่านภูเขาและกักขังทหารนับพันไว้พวกเขายอมแม้แต่ให้ฑูตของตัวเองถูกฆ่า!

นี่คือสถานการณ์ที่อาณาจักรเซี่ยเผชิญอยู่

ตราบใดที่ปีศาจยังคงคุกคามอาณาจักรเซี่ย พวกเขาไม่สามารถจัดการอะไรกับดินแดนภูเขาทางใต้ได้

ดาบของเขาส่องสว่าง

เขายกมันขึ้นเหนือหัวของ รัฐมนตรีพีธีการเขาสามารถฟันหัวของรัฐมนตรีขาดได้ในพริบตา

เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของรัฐมนตรี

เขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่มีอะไรเหลือให้พูด หลังจากได้ยินสิ่งที่ ฉาน หลิง พูดเขารู้ว่าไม่มีโอกาสให้เจรจาแล้ว

พวกเขาไม่มีอะไรมาต่อรอง

ฉาน หลิง ปฏิเสธทุกสิ่งที่พวกเขาเสนอ

การเจรจานี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ และชะตาของเขาถูกกำหนดให้ตายลงที่นี่

ความสิ้นหวัง!

ความรู้สึกนี้แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา คำสั่งของจักรพรรดิที่มอบความแกร่งให้เขาก่อนหน้านี้กลายเป็นความหนักอึ้งทิ้งลงมาบนตัวเขา

“ตึง!“

สารสีทองหล่นลงไปในกองเลือด คำพูดง่ายๆสามารถเห็นได้ชัดเจน

ฟาง เจิ้งจือ มองดูสารที่หล่นลงมา

ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขาเขาสามารถเห็นคำที่เขียนบนคำสั่งได้อย่างง่ายดายเขาสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนสำคัญของมันคือทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐมนตรีพีธีการ

นอกจากนี้ยังมีความปรารถนาของจักรพรรดิ หลิน มู่ไป่ ที่หวังจะสร้างสันติกับดินแดนภูเขาทางใต้

หลังจากอ่าน…

ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจว่าทำไมรัฐมนตรีพีธีการถึงอยู่ที่นี่ และทำไมทหารของอาณาจักรเซี่ยถึงยังอยู่ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง

ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่ง ทหารของอาณาจักรเซี่ยก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้ว!

ถ้าถิ่นฐานวานรน้ำแข็งว่างเปล่า ทหารนับแสนของดินแดนภูเขาทางใต้ก็สามารถมุ่งหน้าสู่เมืองภูเขาเซียน

ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน!

แต่…

ซวยชิบหาย!

มีบางอย่างผิดปกติ!

จักรพรรดิไม่น่าโง่แบบนี้!

จักรพรรดิรู้ว่าเขาไม่มีอะไรต่อรองเขาไม่น่ายอมทำลายโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อครอบครองชัยชนะของอาณาจักรเซี่ย! เกิดอะไรขึ้น?

ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วขณะที่เขาจ้องที่สาร ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่า …

คำตอบ…

จะต้องอยู่ในสาร!

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท