”หลีกทาง!”
”หลีกทาง!”
”หลีก…!”
กองทัพทลายภูผาที่กำลังพุ่งเข้าไปยังประตูเมืองขยับไปด้านขางทันทีเส้นทางไปยังทัพคนเถื่อนเปิดขึ้นทันที
ฟางเจิ้งจือ ประหลาดใจมาก
”อะไรน่ะ?พวกเขาเปิดเส้นทางให้ข้าจริงๆ?!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดเลยว่าคำพูดของเขาจะได้ผลด้วยประโยคเดียวเขาทำให้ทหารหลายพันคนเปิดเส้นทางออกได้
จากนั้นเขาเห็นฉากด้านหน้าชัดเจน
กองทัพคนเถื่อนกำลังปิดกั้นประตูเมืองอยู่ทำไม ซิง หยวนกัว ถึงสั่งให้พวกเขาเปิดเส้นทางออก?
ซิงหยวนกัว ไม่น่าจะสั่งให้กองทัพทลายภูผาช่วยเหลือเขานี่? หรือเขาจะมาช่วยเอง?
ไม่มีทาง!
เห็นได้ชัดว่าซิง หยวนกัว ต้องการให้ ฟาง เจิ้งจือ เผชิญหน้ากับกองทัพคนเถื่อนด้วยตัวเอง
ถ้ามีทางเลือกฟาง เจิ้งจือ จะไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นเขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากด้านหลัง
ราชาอสูรเข้ามาใกล้เขามากแล้ว…
ให้ไปทางอื่นงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้
เพราะการวิ่งตรงไปจะสั้นกว่าอ้อมไปทางอื่น
เขายกประตูกชีวิตขึ้นสูงอย่างไม่ลังเลและมุ่งตรงเข้าสู่กองทัพคนเถื่อน
”เชี่ยเอ้ยหลบไป!”ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนด้วยเสียงที่โกรธแค้น และฟาดประตูใส่เหล่ากองทัพคนเถื่อน
ซิงหยวนกัว มองไปที่ประตูชีวิตและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ” ไม่เลวเลย!”
”ตูม!”
เมื่อซิง หยวนกัว พูดจบเสียงก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ เป็นเสียงที่สามารถทำให้แผ่นดินสันไหวได้
ในเวลาเดียวกันบนพื้นดินก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้น
”อ้าก!”
”อ้าก… ”
เสียงคร่ำครวญที่เจ็บปวดดังขึ้นในอากาศ
สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิคนเถื่อน…
ประตูชีวิต!ประตูที่ไม่เคยเคลื่อนไหวประตูที่เชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลก
เหตุผลที่ไม่เคลื่อนไหวเพราะไม่เคยมีใครเคลื่อนไหวมันได้
สิ่งนี้ยังคงเป็นตำนานจนกระทั่งมีผู้ที่แบกประตูชีวิตวิ่งออกมาไม่เพียงแต่แบกมันแต่ยังใช้งานเหมือนเป็นของตัวเอง
จนถึงตอนนี้…
กล่าวได้ว่าประตูชีวิตมีความสำคัญต่อจักรวรรดิคนเถื่อนเป็นอย่างมาก
พวกเขาจะโจมตีใส่มันได้ยังไง?พวกเขารู้ดีว่าประตูชีวิตไม่เคยได้รับความเสียหาย
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่หลบเท่านั้น
และแน่นอนว่าบางคนก็หลบไม่พ้น
ทหารที่หลบไม่พ้นจมอยู่ในรอยแตกของพื้นดินเกราะของพวกเขาแหลกสลายพวกเขาต่างร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
คนเถื่อนเปรียบดั่งหมาป่าทหารของพวกเขานั้นยอดเยี่ยม
ฟางเจิ้งจือ กำลังวิ่งเข้าหาฝูงหมาป่าพร้อมกับประตูชีวิต
เขาควรจะเป็นได้แค่แกะตัวน้อย
แต่เขาถือ’คมเขี้ยวหมาป่า’ เอาไว้ในมือ
และแน่นอน…
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้เรื่องพวกนั้น
เขาแค่ต้องการเปิดเส้นทางเท่านั้น
และเขาก็ตื่นเต้นมาก
ในขณะนี้เขาเริ่มรู้สึกมีความหวังเขาก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายทาง
จากนั้นเขาก็ยกประตูชีวิตอีกครั้งราวกับว่าเขากำลังถือครอง “อาวุธยักษ์” ไว้ในมือ
ความหวาดกลัวและความตกใจแผ่ออกมาจนรู้สึกได้
กองทัพคนเถื่อนต่างจ้องมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาไม่เกรงกลัวพลังของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ประตูชีวิตยังอยู่ในมือของเขา
ในตอนนั้นเองแสงสีม่วงปรากฎขึ้นด้านหลังของ ฟาง เจิ้งจือ
ร่างของมนุษย์ที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง
รวดเร็วมาก!
ก้าวเหยียบหัวของเหล่ากองทัพคนเถื่อนพุ่งตรงไปทางกำแพงเมืองราวกับอุกาบาต
”ฟุบ!”
”ฟุบ!”
เสียงตวัดของหอกดังขึ้นต่อเนื่อง
”เจ้าทำดีมาก!”แสงสีม่วงกล่าวขึ้น.ไอรีนโนเวล.
ซิงหยวนกัว กำลังชื่นชม!
เขาหลอกให้ฟาง เจิ้งจือ เปิดเส้นทาง จากนั้นก็ใช้โอกาสนั้นพุ่งไปที่กำแพงเมือง
ถ้าเขารู็ว่าซิง หยวนกัว เป็นคนฉวยโอกาสเช่นนี้ เขาจะไม่มอบโอกาสให้เป็นแน่และจะฟาดประตูชีวิตใส่เขาซ้ำอีกด้วย
แน่นอนว่าฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สิ่งสำคัญตอนนี้คือการหลบหนี แต่ ซิง หยวนกัว ต้องการจับผู้นำของฝ่ายตรงข้าม
จากนั้นเขาคงหนีออกจากเมืองได้อย่างง่ายดาย
ซิงหยวนกัว ไม่คิดจะพูดอะไร
เพราะเขาไปถึงหน้าซู ฉิง แล้ว ดาบปรากฎขึ้นในมือและชี้ไปที่หน้าอกของ ซู ฉิง
ตำนานเล่าว่ามีผู้นำคนหนึ่งสามารจับหัวหน้าของฝ่ายตรงข้ามที่มีกองกำลังนับหมื่นได้ และ ซิง หยวนกัว ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซูฉิง หน้าซีดขาว
เขารู้ว่าทำพลาดแต่ไม่คิดว่าจะร้ายแรงเช่นนี้ และเขาไม่คิดว่า ซิง หยวนกัว จะคว้าโอกาสนั้น สั่งให้กองทัพทลายภูผาเปิดทางให้ ฟาง เจิ้งจือ
เขาคิดผิดทุกอย่าง
ไม่ว่าจะโถงบัลลังก์หรือการเมือง เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้เสมอ แต่ในสงคราม ซิง หยวนกัว นั้นเด็ดขาดกว่ามาก
เมื่อกระแสการต่อสู้เปลี่ยนแปลงสิ่งแรกที่ควรทำคือหยุดมัน และอย่างที่สองคือตั้งรับให้มั่น
แต่ซิง หยวนกัว?
เขาอ่านกระแสสงครามได้อย่างทะลุปรุโปร่งเขาใช้ความกลัวในใจของเหล่าทหารเปิดเส้นทางให้กับ ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นก็ให้ ฟาง เจิ้งจือ ทำลายทัพศัตรู
แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด
ทันทีที่เกิดช่องว่างเขาก็บุกเข้าจับผู้บัญชาการของฝ่ายตรงข้าม
การควบคุมการวางยุทธศาสตร์ และความกล้าหาญอันเด็ดเดี่ยวของเขา ทำให้ ซู ฉิง เข้าใจถึงตำแหน่งหัวหน้ากองตรวจการทั้งสิบสามของอาณาจักร
”ปกป้องเขา!”
”ถอยไป!”
นักรบสวมหน้ากากด้านหลังซู ฉิง ขยับตัวเล็กน้อย ทันทีที่พวกเขาเห็น ซิง หยวนกัวเข้ามา พวกเขาก็ก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อปกป้อง ซูง ฉิง
พวกเขาชักอาวุธและชี้ไปที่ซิง หยวนกัว
”แกร้งแกร้ง!”
มันเป็นการต่อสู้ระหว่างดาบกับหอก
แต่…
เมื่อดาบสัมผัสกับหอกพวกเขาต่างก็ตกตะลึง ความหวาดกลัวปรากฎขึ้นในจิตใจของพวกเขา
พวกเขาก้าวถอยไปโดยไม่รู้ตัว
”ไม่!”
นักรบสวมหน้ากากคิดเช่นเดียวกันพวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้
พวกเขากำลังต่อสู้ปกป้องซู ฉิง แต่สุดท้ายก็ถูกผลักออกมา
พวกเขารีบพุ่งกลับเข้าไปแต่มันสายเกินไป
เพราะซิง หยวนกัว เข้าถึงตัวแล้ว
ซูฉิง ยืนตัวสั่นต่อหน้า ซิง หยวนกัว
ภายใต้แสงจันทร์ดาบนั้นเปล่งประกายด้วยความเย็นเยือก
ซูฉิง ไม่ได้หลบ เขาทำไม่ได้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
แต่ดาบพุ่งเข้ามาแล้ว
และแทงที่หน้าอกของเขา
แววตาของซิง หยวนกัว เบิกกว้างขึ้น เขารู้ถึงความสำคัญของโอกาสนี้ ถ้าเขาพลาดคงจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว
เช่นนั้น…
ดาบของเขาจึงไร้ความปราณี
ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเสียง”เสียงกริ๊ก” ดังขึ้นในหูของเขา ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป เหตุที่เขาไม่แทงดาบไปที่ลำคอก็เพราะเขาคิดว่า ซู ฉิง อยู่ในระดับอภินิหารแล้ว
ถ้าเขาแทงไปที่คอ…
ซูฉิง ยังมีโอกาสรอดชีวิต 50%
แต่การแทงที่หัวใจนั้นต่างออกไปโอกาสรอดจะน้อยกว่า 10% และ ซิง หยวนกัว ไม่คิดจะไว้ชีวิตเขา
ดังนั้นที่หัวใจจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ก็มีโอกาสเกิดสิ่งไม่คาดคิดและตอนนี้มันได้เกิดขึ้น
หาได้ยากที่ซิง หยวนกัว จะเสียใจกับการกระทำของเขา เขาควรจะเดาได้ว่า …
ซูฉิง ไม่ใช่คนที่มีพลังแข็งแกร่ง
มันตรงกันข้าม…
ในแง่ของพลังซู ฉิง ไม่โดดเด่นมากนัก ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะไม่มีคนคุ้มกันได้อย่างไร?
”อึก!”ซูฉิง กระอักเลือดออกมา
ร่างของเขากระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงหนาที่กำแพงเกิดรอยแตกจากร่างของ ซู ฉิง
”ซิงหยวนกัว ท่านทำสำเร็จ!”
”อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!”
”บุกเข้าไป!”
นักรบสวมหน้ากากสองสามคนได้ยินเสียงดังและเรียกสติกลับมาพวกเขาจะไม่เปิดโอกาสให้ ซิง หยวนกัว อีกเป็นครั้งที่สอง
พวกเขาปิดล้อมซิง หยวนกัว ภายในพริบตา
และที่ด้านหลังซู ฉิง คุกเข่าลงด้วยสีหน้าซีดขาว
แม้จะสวมสมบัติป้องกันเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถป้องกันระเบิดจาก ซิง หยวนกัว ได้เพราะมันรุนแรงเกินไป
”แค่กแค่ก …ท่านซิง ท่านได้แสดงพลังของหัวหน้าสิบสามกองตรวจการให้ข้าได้ประจักษ์!” ซู ฉิง กล่าวในณะที่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “แต่ตอนนี้ท่านจะหนีจากสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมเช่นนี้ได้อย่างไร?”
”นายท่าน?!”
กองทัพลทลายภูผาเห็นซิง หยวนกัว ถูกปิดล้อมโดยนักรบสวมหน้ากาก
พวกเขาเห็นทุกอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่าซิง หยวนกัว จะทำให้นักรบสวมหน้ากากถอยไปได้แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ และพวกเขาก็ตั้งรับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
นั้นสามารถบอกระดับพลังของพวกเขาได้ในทันที
ระดับจุติ!
พวกเขาอาจจะอยู่ในระดับจุติขั้นกลางเป็นอย่างน้อย!
”อา!”
”ไม่นะ!”
แววตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ซิง หยวนกัว เสียงกรีดร้องสองสามเสียงดังขึ้นที่ประตูเมืองนั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
”เชี่ยหยุด ฟาง เจิ้งจือ เร็วเข้า! แค่ก …อย่าให้เขา…เข้าใกล้…สะ…สี่…ค่ายกล…บะ…โบราณ” เมื่อ ซู ฉิง ได้ยินเสียงกรีดร้องข้างล่าง ร่างของเขาก็แข็งค้าง
เขาน่าจะสั่งตั้งนานแล้ว
แต่เขาถูกซิง หยวนกัว เข้าจู่โจมเสียก่อน
และตอนนี้…
เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไป
ซูฉิง ตองการลุกขึ้น แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาไม่มีแรงพอจะทำเช่นนั้น เขาทำได้เพียงแค่คุกเข่ามองร่างที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า
เขามาที่นี่กับซิง หยวนกัว?
หรือว่าเขามาที่นี่ตอนที่กองทัพคนเถื่อนถูกซิง หยวนกัว เบนความสนใจ?
ซูฉิง ไม่มั่นใจ
แต่มันไม่สำคัญอีกต่อไป
เพราะว่าฟาง เจิ้งจือ ขึ้นมาถึงยอดสี่ค่ายกลโบราณแล้ว
Gate of God – ตอนที่ 610 ไม่คาดฝัน
ตอนที่ 610 ไม่คาดฝัน
Posted by ? Views, Released on ธันวาคม 12, 2021
, Gate of God
เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง