Gate of God

งดงาม
ต้องยอมรับว่าฉือ กูเหยียน นั้นงดงามจริงๆ
ตอนนี้นางกำลังทนรับความร้อนของเปลวไฟอยู่ภายในร่างกายเหงื่อเปียกโชกไปทั่วร่าง
ไม่มีใครรู้เลยว่านางเจ็บปวดขนาดไหน
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดนั้นไม่ได้ทำให้ ฉือ กูเหยียน หยุดดูดความร้อนไปที่ร่างกายนาง
ช่างเป็นความมุ่งมันที่น่ากลัว
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่า ฉือ กูเหยียน ต้องการให้เขาพักฟื้น นางจึงพยายามทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเขาเป็นผู้ชาย…
เขาโอบเอวนางและพยายามดูดความร้อนกลับมาอีกครั้ง
การกระทำครั้งนี้ทำให้ฉือ กูเหยียน ประหลาดใจ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นแขนของ ฉือ กูเหยียน ก็โอบร่างของฟาง เจิ้งจือ ไว้แน่น
”ตูม!”ความร้อนพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอีกครั้งเขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะตาย
ความจริงแล้ว…
การเป็นผู้ชายมันไม่ได้ง่ายเลย
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเขาจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะความร้อนครั้งที่สามมันทำให้เขาเกือบหมดสติ ร่างทั้งร่างหนักขึ้นมหาศาล
เขากำลังจะแพ้งั้นหรือ?
แสงดาวส่องประกายบนนิ้วของฉือ กูเหยียน พุ่งมาที่ร่างของเขามันเย็นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความเย็นเพียงเท่านั้นจะสู้กับความร้อนมหาศาลได้อย่างไร
ทุกอย่างเริ่มมืดลง…
เขากำลังจะหมดสติ
แขนที่โอบกอดฉือ กูเหยียน เอาไว้เริ่มคลายออก ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะหยุด แต่ความร้อนในครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป มันรุนแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก　　ในตอนนั้นเองฉือ กูเหยียน ก็เริ่มดูดความร้อนออกจากร่างของ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
เขารู้สึกว่าร่างของฉือ กูเหยียน กำลังสั่นเทา ผิวของนางกลายเป็นสีแดงดั่งไฟ
”ไม่พี่หญิงไม่สามารถรับมันได้อีกแล้ว!”
”ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปนางจะตายไปพร้อมกับเขา!”
”ไม่!ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้”
เมื่อเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นฉากนี้ต่างก็เริ่มบ้าคลั่ง
มู่ฉิงเฟิง สังเกตุความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของ ฉือ กูเหยียน เช่นกัน เขาเห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขากำมือแน่น
เขาต้องการจะช่วยนางแต่เทียนซิงและว่านเล่ยคงไม่ปล่อยให้เขาทำอย่างแน่นอน
เขาทำอะไรได้บ้าง?
แม้แต่มู่ ฉิงเฟิง ก็หมดหนทาง
”ผู้นำศาลาข้าขอยกย่องความคิดของ ฉือ กูเหยียน การใช้ร่างกายเป็นหม้อหลอม นางสามารถทำให้เพลิงพันปีเป็นยาได้ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมนุษย์จะเทียบกับหม้อหลอมของจริงได้อย่างไร นอกจากนี้ ดูเหมือนว่านางจะไม่เก่งด้านปรุงยาด้วยใช่ไหม?”ในตอนนั้นก็มีคนพูดบางอย่างขึ้นมา
เป็นว่านเล่ยจากศาลาหยิงหยาง
มู่ฉิงเฟิง ไม่ตอบอะไร แต่เขาขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น
แม้คำพูดนั้นจะฟังไม่เข้าหูมากนักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง ร่างกายและจิตใจของพวกเขาทั้งสองมีขีดจำกัด เมื่อเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว มันก็จะพังทลายลง
”ผู้นำเทียนต้องการเพลิงพันปีของเขาคืน อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้ายังปล่อย ฉือ กูเหยียน ไว้ต่อไป นางต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน เมื่อล้มเหลว เพลิงพันปีก็จะสลายไป ท่านจะไม่ได้มันคืน!”เมื่อ ว่านเล่ย เห็นว่า มู่ ฉิงเฟิง ไม่ได้พูดอะไร เขาก็หันไปมองเทียนซิง แสงสว่างส่องประกายในดวงตาของเขา　　”เจ้าต้องการอะไร?”เทียนซิงมองที่ว่านเล่ย
”ข้ามีแผนผู้นำศาลามู่ ผู้นำเทียน อยากจะฟังหรือไม่?”ใบหน้าของว่านเล่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
”พูด”เทียนซิงตอบกลับ
”ด้วยพลังของฉือ กูเหยียน ถ้านางต้องการจะปรุงยาเพลิงพันปีด้วยร่างกาย ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดวัน หรืออาจจะมากกว่าสิบวัน แม้นางต้องการแปรรูปจากต้นอ่อนให้อยู่ในรูปยา ก็ต้องใช้เวลาอีกสิบถึงสิบสองชั่วโมงข้าพูดถูกไหม?”ว่านเล่ย พูดด้วยความมั่นใจ
”พูดต่อ”เทียนซิง กล่าว
สำนักทั้งห้าในเขตศักดิ์สิทธิ์ต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านศาลาเต๋าสวรรค์เชี่ยวชาญเรื่องเต๋าและการฝึกฝน ศาลาหยิงหยาง ฝึกฝนเรื่องความเป็นหยิง ความเป็นหยางของสวรรค์และโลก
ในฐานะศิษย์เอกของศาลาหยิงหยางว่านเล่ยเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง　　”วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้พวกเราช่วยนางเมื่อเพลิงพันปีอยู่ในรูปของต้นอ่อน พวกเราจะสกัดมันออกจากร่างของชายคนนั้น ท่านทั้งสองเห็นด้วยหรือไม่?”เมื่อ ว่านเล่ย พูดจบเขาก็หันมองที่ มู่ ฉิงเฟิง
”ช่วยแปรรูปต้นอ่อนให้เป็นเม็ดยา?”ดวงตาของเทียนซิงเบิกกว้างอีกครั้งเขาคิดบางอย่างในหัว
”มีแค่แผนนี้เท่านั้นที่จะช่วยฉือ กูเหยียน และรักษาเพลิงพันปีเอาไว้ได้!”เมื่อ ว่านเล่ยสังเกตุท่าทีครุ่นคิดของเทียนซิง เขาก็รียพูดเสริมในทันที
”ตกลงเราจะฟังเจ้า เฒ่ามู่ เจ้าเองก็อยากจะช่วย ฉือ เหยียน ข้าไม่อยากทำร้ายนาง ที่ข้าต้องการมีเพียงเพลิงพันปีเท่านั้น แผนนี้เป็นประโยชน์ต่อเราทั้งคู่!”เมื่อ เทียนซิง ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กัดฟันและยอมตกลง
”อย่าทำเช่นนั้นผู้นำศาลา!”ก่อนที่ มู่ ฉิงเฟิง จะเปิดปากพูด จักพรรดิหลิน มู่ไป่ ก็ตะโกนออกมา “ถ้าพวกเราดึงดันที่จะสกัดยาออกจาร่างของฟาง เจิ้งจือ เขาจะตาย!”
”โอ้?่ฟาง เจิ้งจือ? เขาแข็งแกร่งไหม?”เมื่อ ว่านเล่ยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “จากชุดของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของศาลาเต๋าสวรรค์ใช่ไหม?”
”เฒ่ามู่ข้ายอมถอยก้าวหนึ่งแล้ว เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าเพื่อคนที่ไม่ใช่ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์งั้นหรือ?”ในตอนนั้นเอง แววตาของเทียนซิงก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
”แกรก!”มู่ฉิงเฟิง กำมือของเขาแน่นและไม่ได้พูดอะไร
อย่างไรก็ตามเขาจ้องที่ร่างของ ฉือ กูเหยียน เขาเห็นว่านางกำลังเจ็บปวดอย่างมาก ผิวของนางกำลังร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศเงียบสงบ
นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ยาก
เป็นอย่างที่ว่านเล่ย และ เทียนซิง พูด ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เป็นคนของศาลาเต๋าสวรรค์ แล้วเขาจะเป็นศัตรูกับเก้าขุนเขาเพื่อคนนอกได้ยังไง? 　　นอกจากนี้ตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์เร่งด่วน
ท่าทีของฉือ กูเหยียน นั้นเห็นได้ชัดเลยว่านางไม่ยอมทิ้ง ฟาง เจิ้งจือ แน่ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ฉือ กูเหยียน ต้องตายแน่ๆ
”อาจารย์!”
”ได้โปรดช่วยพี่หญิงด้วย!”
”พี่หญิงไม่สามารถทนได้อีกแล้ว!”
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นความเงียบของมู่ ฉิงเฟิง ต่างก็หันมองกัน
เขาไม่พูดอะไรเลยนอกจากกำมือแน่นอย่างไรก็ตาม เขาค่อยๆเดินไปด้านข้างและเปิดเส้นทางออก
เมื่อเทียนซิงเห็นสิ่งนี้เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปเขารีบวิ่งไปด้านหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชา
”เจ้าอย่าโทษข้าเลยจงโทษตัวเองที่กลืนมันลงไป!”หลังจากที่พูดจบ เขาก็กระแทกฝ่ามือไปที่หน้าอกของ ฟาง เจิ้งจือ　　พลังมหาศาลพุ่งสู่ร่างกายของฟาง เจิ้งจือ
ในตอนที่เขารู้ว่ามู่ ฉิงเฟิง ยอมแล้ว เขาต้องการทำลายมิติพิเศษของ ฟาง เจิ้งจือ นี่เป็นสิ่งที่เขาควรจะทำ
เขาไม่ต้องการให้ฟาง เจิ้งจือ กลืนเม็ดยาแล้ววิ่งหนีไป
เขาต้องการให้ฟาง เจิ้งจือ พิการ ถ้าเขากลายเป็นคนพิการ มู่ ฉิงเฟิง คงจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจเช่นนี้ และ มู่ ฉิงเฟิง จะไม่กลายเป็นศัตรูกับเก้าขุนเขา
”เชี่ย!”ฟางเจิ้งจือ อยากจะด่าออกมา แต่ปากของเขาถูกปิดอยู่ เขาพูดอะไรออกมาไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่า เทียนซิง จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นมาในตอนนี้ ต้องยอมรับเลยว่าผู้ที่อยู่นระดับเซียนนี่เจ้าเล่ห์กว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ในตอนนั้นเองว่านเล่ยมาอยู่ที่ด้านหลังของ ฟาง เจิ้งจือ
เขากดฝ่ามืออีกครั้ง　　อย่างไรก็ตามเขาตบที่เอวของฟาง เจิ้งจือ ในเวลาเดียวกันพลังงานบางอย่างก็เกิดขึ้นที่เอวเช่นกัน
ในตอนนั้นเองฟาง เจิ้งจือ รู้วึกว่าเพลิงพันปีค่อยๆปล่อยความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในร่างกายของเขาถูกหุ้มด้วยกระแสบางอย่าง
ต้องยอมรับเลยว่าการแปรธาตุของว่านเล่ยดีกว่าฉือ กูเหยียน
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าทำไม ว่านเล่ย และ เทียนซิง ยอมให้ ฉือ กูเหยียน ปรุงยาเพลิงพันปีในร่างของเขาแล้ว ไอลีนโนเวล
จะเป็นอย่างที่พวกเขาพูดหรือ?เพื่อสกัดเม็ดยา?
ฟางเจิ้งจือ ไม่คิดอย่างนั้น
เขาไม่ได้โง่
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่คนโง่ก็ยังบอกได้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของว่านเล่ยคือการทำลายเก้าขุนเขาและศาลาเต๋าสวรรค์　　งั้นทำไมว่านเล่นถึงโน้มน้าวพวกเขาทั้งสอง?
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็รู้สึกว่ากระแสในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันหมุนวนมันก็เริ่มเปลี่ยนไป
ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันแยกออกมาเป็นสองสิ่งที่ตรงข้ามกัน
หยิงหยาง?
ฟางเจิ้งจือ ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกได้ว่ากระแสภายในถูกแยกออกเป็นสอง หลังจากที่มันแยกเป็น หยิงและหยาง ความร้อนของเพลิงพันปีก็ถูกดูดซับไป
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้สร้างความรุนแรงต่อร่างกายเขาอีกต่อไป แต่มันถูกสกัด
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกถึงความร้อนี่เพิ่มขึ้นจากฝ่ามือของ ว่านเล่ย ที่เอวของเขา
”เขาต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้งั้นหรือ?”ฟางเจิ้งจือ ตอบสนองเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ถ้าเขายังไม่รู้อีกว่า ว่านเล่ย กำลังคิดอะไร เขาคงเป็นคนที่โง่มาก　　ช่วยสกัดยาออกจากร่างกายนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง
เป้าหมายที่แท้จริงของว่านเล่ยคือการใช้ฟาง เจิ้งจือ เป็นหม้อหลอมเพื่อสร้างยา ว่านเล่ยต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูดซับเพลิงพันปีส่วนหนึ่งไปในร่างกายของตัวเอง
ร้ายกาจ!
ว่านเล่ยไม่ม่ต้องทำอะไรเลย เพียงรอทำเม็ดยาเท่านั้น
หลังจากที่เขาฆ่าฟาง เจิ้งจือ จะไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไร
นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าเพลิงพันปีในร่างของ ฟาง เจิ้งจือ จะปรุงยาได้มากแค่ไหน
เรียกได้ว่าเป็นการขโมยที่สมบูรณ์แบบ
ที่สำคัญฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถพูดได้
ตอนนี้ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าพวกที่อยู่ในระดับเซียนทั้งหลายเป็นดั่งหมาป่า พวกเขาทั้งหมดเหมือนกับอยู่บนยอดปีรามิด ยิ่งขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอยู่ยากขึ้นเท่านั้น　　ฟางเจิ้งจือ ตัดสินใจทนรับความเจ็บปวด
”พลังที่รุนแรงของหยิงและหยางกระแสของหยิงและหยาง” เมื่อเขารู้สึกได้ถึงกระแสรอบๆเพลิงพันปี ฟาง เจิ้งจือ ก็เริ่มนึกถึงปัญหาต่างๆ
เขามองไปที่ฉือ กูเหยียน
ในแววตาของนางเขาเห็นท่าทีที่คล้ายกัน
ความอดทน
…
ความร้อนพุ่งสู่ร่างของฟาง เจิ้งจือ จากนั้นก็พ่งสู่ ฉือ กูเหยียน
เป็นวงจรที่ไม่จบสิ้น
ความเจ็บปวดของฉือ กูเหยียน รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางกลับสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันส่องสว่างเหมือนกับดวงดาว
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์และศิษย์ของเก้าขุนเขาต่างหยุดต่อสู้กัน
้ทุกคนต่างรอเม็ดยาจากร่างของฟาง เจิ้งจือ　　เทียนซิงและ ว่ายเล่ยกำลังช่วยปรุงยา มือของ มู่ ฉิงเฟิง ปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้า แสงสีน้ำเงินห่อหุ้มร่างกายของนาง เพื่อบรรเทาความร้อนที่นางต้องทนรับ
ส่วนฟาง เจิ้งจือ …
ไม่ต้องหวังการรักษานั้นเลย
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์เทน้ำบนร่างของเขาอีกคนปล่อยคลื่นความเย็นออกมาเพื่อทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง
อวัยวะภายในของเขาเหมือนหม้อหลอมแต่ผิวหนังของเขากลับเป็นน้ำแข็ง
นี่คือสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ รู้สึก ไฟและน้ำแข็ง
เดี๋ยวก่อนนะ
ไฟน้ำแข็ง?
หยิงหยาง
ทันใดนั้นตาของ ฟาง เจิ้งจือ ก็สว่างขึ้น สติที่พร่ามัวกลับมันชัดเจนอีกครั้ง ราวกับมล็ดพันธุ์ที่เริ่มงอกงาม