ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้อธิบายอะไรกับเหล่าศิษย์ที่กำลังสับสน เขาไม่ได้มองที่ผู้อาวุโสหกแต่มองไปที่ เหยียน ซิว ที่กำลังนอนหมดสติ เขามองไปยังใบหน้าที่ซีดขาวและเย็นชืด ขณะนั้นราวกับเขากำลังพึมพัมบางอย่างออกมา
ครั้งแรกที่ได้พบเจ้า…เจ้าบอกข้าว่าเจ้ามีเงินมากมาย ทั้งยังเลี้ยงอาหารข้าด้วย ในตอนนั้น ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาบนภูเขา ในขณะที่เจ้าเป็นคนของตระกูลเหยียน!
คนที่สถานะต่างกันสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ยังไง?บอกตามตรงข้าไม่อยากจะเชื่อเลย …
อย่างไรก็ตามเจ้าคิกว่าข้าเป็นเพื่อนแท้ ในตอนที่เราสู้กัน เจ้าได้บอกข้าถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง ข้ารู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนั้นน่าตื่นเต้นมาก
พวกเราขี่ม้ามังกรหิมะจากแดนเหนือสู่เมืองหลวงด้วยกันข้าเชื่อใจเจ้า และเจ้าเชื่อใจข้า มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก!
ในการต่อสู้ที่แดนใต้ข้าไม่ได้ตามหาเจ้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะมาหาข้า แล้วเจ้าก็มาจริงๆ เราต่อสู้ด้วยกัน อยู่เคียงข้างกันและไม่ทิ้งกัน …
จากนั้นเพื่อช่วยให้ข้าได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบระดับสภาเจ้ายืนหยัดต่อหน้าจักรพรรดิ เจ้าปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์ครั้งก่อนและกลับไปยังเหลียงตะวันตก!
เมื่อข้ากลับมาที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนืออีกครั้งเจ้าก็รีบมาจากเหลียงตะวันตกจากนั้นก็พาข้าไปเมืองหลวง และจัดการบ้านขององค์รัชทายาทด้วยกัน
เดือนต่อมาเราก็มาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันแต่เจ้ากำลังจะตาย? เจ้าจะตายแบบนี้ได้ยังไง? เจ้าจะตายต่อหน้าข้าได้ยังไง …
เหยียนซิว ข้าไม่ให้เจ้าตาย! ข้าอยากออกสำรวจดินแดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับเจ้าพวกเราสัญญากันว่าจะออกเดินทางด้วยกัน พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นและเป็นเซียนด้วยกัน!
เหยียนซิว การมีเพื่อนแบบเจ้านั้นต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่เสียใจเลย !
ตอนนี้…
เหยียนซิว ให้ข้าได้ยืมเต๋าแห่งอาชูร่าก่อน ข้าอยากใช้เต๋าของเจ้าเพื่อล้างแค้นให้กับคนที่มาทำร้ายเจ้า ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าเอง!
ตูม! เกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้น
ในเวลาเดียวกันท้องฟ้าก็มืดมิด
จากนั้นเหนือหัวของฟาง เจิ้งจือ กงล้อแห่งการจุติก็เริ่มหมุนวน แสงสีแดงเลือดเริ่มส่องสว่าง
เสาแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ามันเหมือนกับเส้นทางสู่สวรรค์ มีอักขระปรากฎขึ้นบนกงล้อแห่งการจุติ มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ และเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
เต๋าแห่งอาชูร่า!
ทันทีที่เปิดใช้เต๋าแห่งอาชูร่าความเยือกเย็นที่ราวกับอยู่ในขุมนรกก็แผ่กระจายทั่วบริเวณเท้าของ ฟาง เจิ้งจือ แสงสีแดงเลือดครอบคลุมทั่วร่างของเขา
ตูม! พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง
เงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังฟาง เจิ้งจือ ในเวลาเดียวกัน เกราะสีดำก็ปกคลุมร่างของเขา อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนกับแต่ก่อน เกราะสีดำในตอนนี้มีลวดลายสีแดงปะปนอยู่ด้วย มันดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ฟุบ! เพลิงสีดำลุกไหม้บนชุดเกราะในเวลาเดียวกันดาบไร้ร่องรอยก็ส่องสว่างด้วยแสงสีแดงเลือด
ดาบไร้ร่องรอยสีม่วงในตอนนี้มีสีแดงปนอยู่ด้วยเช่นกัน แสงทั้งสองปกคลุมทั่วใบดาบ มันเป็นจิตสังหารแห่งการเข่นฆ่าและจิตสังหารของปีศาจ ตาย! เสียงที่โกรธเกรี้ยวร้องคำราม
พลังสายเลือด?ไม่…ไม่ใช่! เขาได้รับพลังสายเลือดโดยการผสานเต๋า! เมื่อ มู่ ฉิงเฟิง เห็นสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้หลังจากเขาได้ยินผู้อาวุโสหกอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เขาได้รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ฆ่าเซียนไปห้าคน นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเพราะเขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำได้ยังไง
ตอนนี้…
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ!
อย่างไรก็ตามเพราะความรู้ใหม่ที่ได้พบ มันมากเกินกว่าจะสงบใจลงได้ ฟาง เจิ้งจือ ผู้ที่ฆ่าเซียนไปถึงห้าคน เขาจะทำอะไรกับเต๋าทั้งสี่?
นี่เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจของมู่ ฉิงเฟิง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการรู้คำตอบนี้ เพราะมันคงเกินกว่าจะรับได้
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปฟาง เจิ้งจือ เริ่มเคลื่อนไหว เขาพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสสองทันที ฟางเจิ้งจือ ที่นี่คือศาลาเต๋าสวรรค์! ผู้อาวุโสหกไม่อยากเห็น ฟาง เจิ้งจือ ฆ่าผู้อาวุโสสอง ดังนั้น เขาเองก็พุ่งออกไปเช่นกัน
ดาบสีเขียวและขาวส่องสว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน แสงทั้งสองนั้นก็ปรากฎขึ้นด้านหน้า ฟาง เจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาพุ่งเขาไปโดยไม่มีความลังเล
ตูม! เสียงดังกระหึ่ม
ก่อนที่สีหน้าที่ตกตะลึงมากมายปรากฎขึ้นแสงสีเขียวและขาวแตกหักราวกับกระดาษ
มันเป็นฉากที่น่าตกใจ
ที่น่าตะลึงไปยิ่งกว่านั้นแสงดาบปรากฎขึ้นตรงหน้าผู้อาวุโสหกหลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำลายดาบของเขา ดาบเล่มนั้นส่องแสงสีแดงและม่วง
มันเร็วมาก
แม้แต่ผู้อาวุโสหกก็ไม่สามารถหลบได้ดังนั้น เขาทำได้แค่กัดฟันตั้งรับมัน ตูม! ระเบิด
ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงที่แตกหัก จากนั้นดาบที่หักก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ
มันคือดาบเขียวและขาว
ดาบ!
ดาบที่แตกหัก!
ผู้อาวุโสหกมึนงงในขณะมองไปยังดาบที่แตกเป็นสองท่อนดวงตาของเขาเบิกกว้าง
อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบแค่นั้น
ดาบสีแดงม่วงพุ่งไปที่หน้าอกของผู้อาวุโสหก
ในตอนนี้สีหน้าของผู้อาวุโสหกซีดขาว
เขานึกไม่ออกเลยว่านี่คือดาบอะไรเขาคิดว่ามันยากเกินที่จะจินตนาการได้ว่าดาบเล่มนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง มันสามารถตัดดาบเป็นสองท่อนได้ แล้วการโจมตีในตอนนี้ …
ในบรรดาเต๋าแห่งการจุติทั้งหกเต๋าแห่งอาชูร่าเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้อาวุโสหกเข้าใจถึงความแข็งแกร่งนั้นดี
ฝ่ามือปรากฎขึ้นที่ด้านหน้าของผู้อาวุโสหกเมื่อฝ่ามือนี้ปรากฏขึ้นผู้อาวุโสหกไม่ตกใจแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกละอายเป็นอย่างมาก
ตูม! ฝ่ามือกระทบกับแสงดาบ
ดาบแสงพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสหกทำให้เขาเริ่มสั่นกลัวแรระเบิดอย่างรุนแรงทำให้เสื้อของเขาพัดด้วยความรุนแรง
อย่างไรก็ตามยังไม่จบเพียงเท่านั้น!
นั่นเพราะแสงสีฟ้าสองแสงปรากฎขึ้นเหนือหัวของมู่ ฉิงเฟิง และผู้อาวุโสหก ในเวลาเดียวกัน ร่างสองร่างก็ปรากฎขึ้นภายในแสงทั้งสอง
ทลายสวรรค์!
ภายในวินาทีฟาง เจิ้งจือ ตัดดาบของเขาออกเป็นสองท่อน จากนั้นก็ใช้ทลายสวรรค์
เร็วเกินไปแล้ว เร็วมากจนศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ตอบสนองไม่ทัน
ตูม! เสียงระเบิดดังขึ้น
ผู้อาวุโสที่หกคุกเข่าลงสีหน้าของเขาซีดขาวด้วยความไม่เชื่อ ฟาง เจิ้งจือ ใช้ทลายสวรรค์ …
เขาไม่สามารถรับมันได้!
อั้ก!
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
ผสานเต๋าทั้งสี่…แข็งแกร่งแค่ไหน?! เมื่อ มู่ ฉิงเฟิง เห็นเงาเหนือหัว เขาก็ตกตะลึง
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของฟาง เจิ้งจือ เป้าหมายของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ใช่เขาหรือผู้อาวุโสหก
นั่นเพราะตั้งแต่เขาทำลายดาบของผู้อาวุโสหกจนตอนนี้เขาไม่ได้หยุดวิ่งเข้าหาผู้อาวุโสสองแม้แต่น้อย
เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ แม้เขาจะอยู่ตรงนี้แต่ ฟาง เจิ้งจือ ยังกล้าโจมตีผู้อาวุโสสอง
ยอมแพ้ซะฟาง เจิ้งจือ! เสียงของ มู่ ฉิงเฟิง ดังขึ้น เขาไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว ในเวลาเดียวเงาบนหัวของเขาก็ต่อยลงมาอย่างรวดเร็ว แต่มันพลาด
เกือบจะในเวลาเดียวกับที่มู่ ฉิงเฟิง ไปอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสสอง เสื้อคลุมสีขาวพริ้วไหวไปตามสายลม
ทุกคนที่ขวางข้าต้องตาย! แววตาของ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขารู้ดีว่า มู่ ฉิงเฟิง แข็งแกร่งแค่ไหนแต่เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ด้วยความอัปยศเช่นนี้
เขาไม่สนใจว่าพลังของอาชูร่าจะครอบงำจิตใจของเหยียน ซิว แค่ไหน สิ่งที่เขารู้คือผู้อาวุโสสองเป็นคนทำให้ เหยียน ซิว อยู่ในสภาพนั้น เขาต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป
เจ้าไร้ยางอายอย่า! ในตอนนั้นเอง ร่างสีชมพูก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างนั้นปรากฎตัวต่อหน้าฟาง เจิ้งจือ ในทันที ความงดงามที่น่าทึ่ง และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ฟางเจิ้งจือ หยุดเคลื่อนไหว แต่เขาจับดาบไร้ร่องรอยเอาไว้แน่น
เจ้าอยากขวางข้าหรือ? ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ เป็นสีแดงเลือด
ไม่แต่ถ้า เหยียน ซิว ตายแล้วจริงๆ ข้าจะไม่ขวางเจ้า ยังไงก็ตาม เขายังไม่ตาย! ร่างของ ฉือ กูเหยียน สั่นเทา นางมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยดวงตาที่เศร้าโศกเช่นกัน
ยังไม่ตาย? ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แววตาของเขากลับมาเต็มไปด้วยจิตสังหารอีกครั้ง เขายกดาบไร้ร่องรอยขึ้น แล้วพูดว่า เขาต้องตายอยู่ดี แล้วมันจะต่างอะไรกัน!
ตราบที่เหยียน ซิว ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีหวังใช่ไหม? เหมือนกับเจ้า ทุกคนคิดว่าเจ้ากำลังจะตาย แต่ทั้ง เหยียน ซิว และข้าต่างก็ยังมีหวัง ถูกไหม? เหยียน ซิว ยังไม่ตาย ทำไมเจ้าถึงยอมแพ้ง่ายๆล่ะ? ฉือ กูเหยียน เอ่ยถาม
… เมื่อ มู่ ฉิงเฟิง ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดขึ้น ฟาง เจิ้งจือ ถ้าเจ้าอยากช่วย เหยียน ซิว มันยังพอมีหวังอยู่
ความหวังอะไร?! ฟางเจิ้งจือ มองไปที่ มู่ ฉิงเฟิง เขม็ง
มันยาก….ยากจริงๆ! แม้จะมีความหวังเหลืออยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเจ้า เพราะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีแค่คนเดียวที่สามารถช่วย เหยียน ซิว ได้ เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของศาลาหยินหยาง เต๋า ฮุน อย่างไรก็ตาม เจ้ากล้า …เจ้ากล้าไปที่ศาลาหยินหยางงั้นเหรอ? มู่ ฉิงเฟิง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างช่วยไม่ได้
……………………………………..