Gate of God – ตอนที่ 848 เพื่อความรุ่งโรจน์

ตอนที่ 848 เพื่อความรุ่งโรจน์

  ��

  เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปทั่วโลก

  บางคนมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงในขณะที่คนอื่นๆกังวล

  บางคนเชื่อว่ามันเป็นโอกาสบางคนก็เชื่อว่ามันเป็นภัยพิบัต

  ส่วนผู้อาวุโสหกเขาเป็นคนที่มักจะมองโลกในแง่ร้ายเสมอ เขาเชื่อว่าเมื่อมีโอกาสย่อมมีภัยพิบัตตามมา ยิ่งเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหนานกงเฮาเขายิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น

  หนานกงเฮาดูเหมือนจะสามารถอ่านใจของผู้อาวุโสหกได้สุดท้ายเขาก็พูดอะไรบางอย่างออกมา  สวรรค์เป็นนาย โลกเป็นข้ารับใช้ มันเป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 

   สวรรค์คือนาย?โลกคือข้ารับใช้?  ผู้อาวุโสหกไม่ได้หวังคำตอบแบบนี้ เขาตัวสั่น ไม่รู้เพราะคำตอบหรือดวงตาสีแดงของหนานกงเฮา

  เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆและทำใจให้สงบก่อนจะพูดออกมา ข้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูด แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะกล่าวถึงโลกและสวรรค์งั้นรึ? ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าสวรรค์และโลกคืออะไร? 

   ที่เหนือกว่าคือสวรรค์และที่ด้อยกว่าคือโลก หนานกงเฮาตอบคำถามอย่างนิ่งสงบ

   แล้วอะไรที่เหนือกว่าอะไรที่ด้อยกว่า?  ผู้อาวุโสหกถามอีกครั้ง

   มีสองสิ่งที่ใช้พิจรณาความเหนือกว่าและด้อยกว่า อย่างแรกตัดสินจากการเกิด อย่างเช่นบนโลกมีพืชพันธ์ที่โดดเด่นมากมาย แต่เมื่อเทียบกับสวรรค์มันก็แค่พืชพันธ์์ธรรมดาชนิดหนึ่ง…มันสามารถเปรียบได้กับราชาอสูร หรือจักรพรรดิของมวลมนุษย์… หนานกงเฮาตอบโดยไม่ลังเล

   คำตอบที่ยอดเยี่ยม!ความเข้าใจของเจ้านั้นล้ำลึกจริงๆ ให้ข้าเดา…เมื่อเจ้าเปรียบเทียบระหว่างความเหนือกว่าและความด้อยกว่า เจ้าเลือกจะเปรียบเทียบจากอย่างหลังใช่ไหม?  ผู้อาวุโสหกพยักหน้าและถามอีกครั้ง

   ใช่!ความเหนือกว่าย่อมถูกกำหนดจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ!  หนานกงเฮาพยักหน้าเบาๆ

   ข้าเข้าใจแล้วแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าความรุ่งโรจน์ของตระกูลหนานกงในสมัยก่อนนั้นเป็นอย่างไร แต่ข้าเชื่อเรื่อง ‘การคัดเลือกโดยธรรมชาติ’ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนต้องผ่านความเป็นและความตาย แม้ว่าตระกูลหนานกงอาจจะเคยถูกยกย่องและถูกปฎิบัติให้อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่ทำไมเจ้าถึงยังคิดอยากจะฟื้นความรุ่งโรจน์หลังจากที่ผ่านมาเป็นพันปีแล้วล่ะ? 

   ไม่ผู้อาวุโสหกท่านไม่เข้าใจ และที่ข้าพูดถึงการเกิดนั้นไม่ได้หมายถึงการเกิดของมนุษย์ แต่เป็นการเกิดของสวรรค์และโลก  หนานกงเฮาส่ายหัว

   กำเนิดสวรรค์และโลก?ฮ่าฮ่า…เมื่อไหร่กันล่ะ? หนานกงเฮา เจ้าอายุเพียงยี่สิบปี เจ้าจะรู้เรื่องยุคก่อนได้ยังไง? นอกจากนี้ยังไม่มีบันทึกเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เจ้าจะไปเอข้อมูลพวกนั้นมาได้ยังไง?  ผู้อาวุโสหกหัวเราะออกมา

   ผู้อาวุโสหกท่านรู้จัก’เหยียนฮวง’ไหม? หนานกงเฮาไม่ได้โกรธกับท่าทีของผู้อาวุโสหก แต่เขาถามกลับด้วยอีกคำถาม

   เหยียน..เหยียนฮวง! รอยยิ้มของผู้อาวุโสหกแข็งค้าง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์เมื่อมองไปที่หนานกงเฮาอีกครั้ง

  อย่างที่เขาบอกทุกสิ่งยอมมีเกิดและตายแต่นั่นไม่ได้หมายถึงทุกสิ่ง แม้ในยุคนั้นจะไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ แต่มีบางเรื่องที่พวกเขาจำได้แม่นลึกถึงกระดูกดำ

  ผู้อาวุโสหกรู้สึกซับซ้อนมาก

  …

  …

  หอคอยหลิงหยุน

  ดวงอาทิตย์กำลังลุกไหมดวงจันทร์กำลังทอแสงอยู่บนท้องฟ้า

  ฟางเจิ้งจือไม่เคยประทับใจอะไรง่ายๆแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าการต่อสู้ระหว่างเฉียนยู่และเฉียนยี่นั้นน่าอัศจรรย์จริงๆ

  ไม่ใช่เพราะความทรงพลังแต่เป็นความเข้าใจในเต๋าของพวกนาง

  มันเป็นจุดอ่อนของเขา…

  แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญเต๋ามากมาย

  แต่เขาไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งหรือถ่องแท้ในแต่ละเต๋าเท่าพวกนาง

  พลังที่พวกนางใช้ดูหลุดโลกมาก

  ร่างของพวกนางราวกับหลอมรวมเข้ากับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างแท้จริง

  ตูม!

  ร่างสีทองชนเข้ากับร่างสีเงินก่อนจะผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว

  ร่างสีทองปกคลุมด้วยแสงที่เปล่งประกายดุจไฟลูกไฟจำนวนมากลอยอยู่รอบๆตัวนาง แต่ถ้ามองให้ชัดพวกมันมีลัษณะคล้ายดอกบัวสีทอง

   เปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นดอกบัวทองคำ?ดอกแต่ละดอกนั้นเป็นตัวแทนของเต๋าที่แตกต่างกัน 

  ฟางเจิ้งจือรู้สึกประทับใจมากหากมู่ฉิงเฟิงและสำนักอื่นๆกำลังพยายามพัฒนาเต๋าให้กก้าวหน้า แต่เฉียนยี่และศิษย์หอคอยหลิงหยุนกลับพยายามเพิ่มจำนวนและทำความเข้าใจเต๋าของพวกนางให้ลึกซึ้งมากที่สุด

  ฟางเจิ้งจือรู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่เขาเลือกยืนอยู่ข้างนอกสนามรบบางครั้งอาจจะมองเห็นภาพรอบด้านได้มากขึ้น

   ล้างแค้นสิเร็วเข้า!ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุด!  ฟางเจิ้งจือตะโกนใส่พวกนางอีกครั้ง

  แน่นอนว่าเขากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนไฟนรกให้กลายเป็นดอกบัวทองคำ   ไม่มันน่าจะเป็นดอกบัวสีดำมากกว่า! 

   ข้าสามารถทำให้มันมีพลังมากขึ้นได้ไหม?อาจจะเพิ่มกลีบดอกบัว? 

   … 

   ข้าคิดว่าเจ้าพัฒนามากขึ้นแต่ดูเหมือนข้าจะคิดผิด  เห็นได้ชัดว่าเฉียนยี่ไม่สนใจคำพูดไร้สาระของฟางเจิ้งจือ นางยืนจ้องเฉียนยู่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า

   พี่ใหญ่ท่านรู้หรือยังว่าท่านแพ้แล้ว?  เฉียนยู่ตอบกลับด้วยความสงบนิ่ง แสงสีเงินในดวงตาของนางสว่างจ้า

   ไร้สาระ!เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้งั้นรึ?  เฉียนยี่ตะโกนกลับด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อเฉียนยู่

   พี่ใหญ่ท่านเคยได้ยินเรื่องดวงจันทร์ในน้ำหรือไม่? 

   ดวงจันทร์ในน้ำ? 

   ใช่แม้ดวงอาทิตย์จะส่องสว่าง แต่น้ำไม่สามารถสะท้อนภาพมันได้อย่างชัดเจน แต่ดวงจันทร์สามารถทำได้!  ขณะที่เฉียนยู่พูด จันทร์เสี้ยวที่อยู่เหนือหัวนางก็เริ่มสั่นไหว

  ในพริบตามีจันทร์เสี้ยวอีกดวงปรากฎขึ้น

  สอง…ดวงจันทร์!

  มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสองดวงจันทร์บนท้องฟ้าเดียวกัน…

  สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือพระจันทร์เสี้ยวสองดวงค่อยๆกลายเป็น…จันทร์เต็มดวง

  จากนั้นก็มีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า

  หลังจากจันทร์เสี้ยวสองดวงกลายเป็นจันทร์เต็มดวงพวกมันเริ่มแยกตัวอีกครั้ง กลายเป็นจันทร์เสี้ยสี่ดวง

  มันยังไม่จบ

  พระจันทร์เสี้ยวสี่ดวงกลายเป็นจันทร์เต็มดวงและแยกออกเป็นแปดดวงจันทร์!

  แปดดวงจันทร์!

  พวกมันลอยอยู่บนท้องฟ้าแสงจันทร์ตกกระทบร่างของเฉียนยู่จนสว่างจ้า   เป็นไปไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้! เฉียนยี่กรีดร้องด้วยความโกรธ

  นางไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นางไม่เต็มใจยอมรับมัน

  ศิษย์ของหอคอยหลิงหยุนต่างงงงวยไม่แพ้กัน

  มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแยกดวงจันทร์จากหนึ่งกลายเป็นแปดดวงนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้เฉียนยู่เพียงใช้ความแข็งแกร่งหนึ่งในแปดเพื่อต่อสู้กับเฉียนยี่

  มันเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวแค่ไหนกัน?!

   ท่านแม่…   ปิงหยางพอจะรู้ได้ว่าแม่ของนางเก่ง นางหันไปหาฟางเจิ้งจือและถามออกมาทันที  เจ้าไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าเจ้าหรือแม่ของข้าใครเก่งกว่ากัน? 

   … 

  ท่าทีของฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไป เขาขมวดริมฝีปากและไม่ได้ตอบคำถามของปิงหยาง

  มันไม่คุ้มค่ากับความพยายามของเขา  เขาจะตอบคำถามคุณภาพต่ำแบบนี้ไปทำไม?

  ฟางเจิ้งจือไม่สนใจความคิดอันน่าสมเพชของปิงหยางเขากำลังจินตนาการอยู่ว่าถ้าตัวเองถือดอกบัวพันกลีบอยู่แล้วตะโกนออกมา  แยกออก!  จากนั้นดอกบัวก็เพิ่มจำนวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นแปด…

  มันคงเท่ห์น่าดู?

  แน่นอนว่ามันเป็นเพียงความคิดเพราะฟางเจิ้งจือยังไม่คิดจะทำธุรกิจร้านขายดอกไม้ในตอนนี้

  แต่เฉียนยี่ดูเหมือนจะคิดกลับตรงกันข้าม

  หลังจากกรีดร้องเปลวไฟสีทองบนร่างกายของนางพุ่งสูงขึ้นและรวมกับดวงอาทิตย์บนหัวของนาง

  ทุกคนที่ยืยอยู่รอบๆเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา

  เฉียนยี่ได้สูญเสียความสงบในตอนแรกไปแล้ว  ตอนนี้นางกำลังบ้าคลั่ง

  ไฟนรกสีทองลุกท่วมสูงกว่าสามสิบเมตรมีดอกบัวนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่ในเปลวไฟ

   อย่าแม้แต่จะคิดเฉียนยู่ข้าไม่มีทางแพ้ !  เฉียยี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงปรากฎขึ้นในมือของนาง

  อย่างไรก็ตามเฉียนยู่ยังคงนิ่งสงบ

  นางกำลังจ้องมองเฉียนยี่เงียบๆ

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท