ฟางเจิ้งจือพูดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อยเพราะเขามัวแต่แกล้งตาย เขาไม่เห็นตอนหนานกงเทียนฆ่าหนานกงมู่ เขาจึงไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ไว้ได้
เมื่อเขาคิดไปคิดมาเขาก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้าและปัจจุบันทำให้เขารู้สึกถึงการเสียสละลดน้อยลงเมื่อเทียบกับคนอื่นนั้นทำให้เขาไม่สาารถตอบสนองเรื่องนี้ได้ทันเวลา
จากนั้น…
เมื่อเขาลืมตาขึ้นต้นไม้ขนาดใหญ่ก็ตั้งสูงเฉียดฟ้าแล้ว ระลอกคลื่นและกลิ่นอายจากมันทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย
ที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนต้นไม้ยักษ์ต้นนี้จะดูดกลืนพลังทั้งหมดที่อยู่รอบๆ
พลังของฟางเจิ้งจือเองก็ถูกดูดออกไปเช่นกัน
หรือนี่คือต้นไม้เทพเจ้าที่ฉือกูเหยียนพูดถึง? ฟางเจิ้งจือมองไปที่หนานกงเฮาที่ลอยอยู่บนฟ้าแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง แต่ก็ไม่ได้กำลังมีความสุขเช่นกัน
นี่คือความคิดของฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มองท่าทีของเหล่าศิษย์โดยรอบ ท่าทีของเหล่าศิษย์เหมือนกับกำลังเห็นผีในตอนกลางวัน
เขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง…ได้ยังไง?
เกิดอะไรขึ้น?ฟางเจิ้งจือลุกขึ้นมาได้ยังไง?
เหล่าศิษย์ที่กำลังหวาดกลัวต่างตกตะลึงที่เห็นฟางเจิ้งจือยืนขึ้น
อย่างไรก็ตามพวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟางเจิ้งจือไม่ได้แพ้
นั่นหมายความว่าเขาแกล้งทำทุกอย่าง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร
ทั้งมู่ฉิงเฟิงและเต๋าซิงเองก็คิดเช่นกัน
เด็กนั่นทำแบบนี้จริงๆหรือ? แม้มู่ฉิงเฟิงจะเข้าใจถึงแรงใจจูงใจของฟางเจิ้งจือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ในขณะเดียวกันเต๋าซิง…
เห็นได้ชัดว่านางสับสนอย่างมากนางคำนวนทุกอย่างเอาไว้ แต่นางก็พลาดเรื่องหนึ่งไป เพราะถึงแม้ฟางเจิ้งจือจะไร้ยางอายแต่เขาก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อเหยียนซิว
’เขารู้งั้นเหรอว่าเหยียนซิวต้องการชนะการแข่งขัน?’
มิตรภาพ!
คำว่ามิตรภาพจะมีอยู่บนคมดาบได้ยังไง?!
แกร้ง!เต๋าซิงบีบแก้วในมือจนแตกเป็นเสี่ยง นางไม่สามารถยอมรับความจริงที่ฟางเจิ้งจืออยู่เหนือแผนการของนางได้ นางอยากบอกให้เหยียนซิวใช้โอกาสที่ทุกคนกำลังสนใจหนานกงเฮาตอนนี้ฆ่าฟางเจิ้งจือซะ
อย่างไรก็ตามนางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว
นั่นเพราะนางเห็นสีหน้าที่สับสนของเหยียนซิวเป็นความสับสนที่มีต่อฟางเจิ้งจือ
ใช่แล้ว…
เหยียนซิวกำลังสับสน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงทำเช่นนี้เหยียนซิวกำลังสับสนอย่างมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถบอกเขาได้เรื่องหนึ่ง
ความจริงที่ว่าฟางเจิ้งจือไม่สนใจเรื่องที่เหยียนซิวเข้ามาขวางการแข่งขันแม้แต่น้อย
ทำไม?ทำไมเขาต้งอทำอย่างนั้น! เหยียนซิวจ้องที่ฟางเจิ้งจือเขม็ง เขาพยายามคิดแต่ไม่สามารถคิดได้เลย ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งว่างเปล่า ว่างเปล่าเหมือนกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่ง เขาไม่สามารถจำอดีตของเขาได้เลย
มันทำให้เขาเจ็บปวดจนอยากจะกรีดร้องออกมา
อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นว่าฟางเจิ้งจือกำลังมองเขาอยู่ และดูเหมือนกำลังกระพริบตาราวกับว่าส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
หืม?เขาบอกว่าอย่างพึ่งทำอะไรตอนนี้งั้นเหรอ? อะไรกัน? ทำไมข้าถึงเข้าใจสัญลักษณ์ที่ฟางเจิ้งจือส่งมาได้ง่ายๆ?
เหยียนซิวตกตะลึงอีกครั้ง
ที่สำคัญไปกว่านั้น
ทำไมฟางเจิ้งจือถึงขอให้เขาอยู่เฉยๆ?
ในขณะที่เหยียนซิวกำลังคิดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ว้าววผลไม้เทพเจ้าไม่ใช่หรือ? ท่านเอามันออกมาหลังจากที่มีคนกินเข้าไปแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่าหากใครฆ่าหนานกงเฮาได้ คนๆนั้นจะได้รับผลไม้เทพเจ้าไปใช่ไหม? เสียงนั้นคือเสียงของฟางเจิ้งจือ
เอาออกมาหลังจากที่มีคนกินเข้าไป?
ฆ่าหนานกงเฮาแล้จะได้ผลไม้เทพเจ้า?
หืม?ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น!
หลังจากเหล่าศิษย์ได้ยินคำพูดของฟางเจ้งจือความกลัวบนใบหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นและอิ่มเอมใจ
’ผลไม้เทพเจ้า!’
’หนานกงมู่เข้าสู่ระดับเซียนได้ในเวลาอันสั้นมีพลังเกือบเท่าฉือกูเหยียนด้วยการกินผลไม้นี้เข้าไป’
’นอกจากนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับหนานกงเฮาเช่นกัน’
เหล่าศิษย์โดยรอบเห็นด้วยตาของตัวเองว่าหนานกงเฮาแทบจะสู้ต่อไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อกินผลไม้นั่นเข้าไปดูเหมือนจะต่างไปอย่างสิ้นเชิง
สมบัติมันคือสมบัติ! แววตาของเหล่าศิษย์เบิกกว้างขึ้นในไม่ช้า มันต่างไปจากเดิมแล้ว ราวกับว่าหนานกงเฮาคือผลไม้เทพเจ้าเสียเอง ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามการแข่งขันยังคงดำเนินอยู่ และการประชุมพันธมิตรสวรรค์ยังไม่สิ้นสุดลง พวกเขาไม่มีสิทธิ์โจมตีหรือต่อสู้กับหนานกงเฮา พวกเขาจะเอาผลไม้เทพเจ้ามาได้อย่างไร
หนานกงเฮาพ่ายแพ้ตั้งแต่ออกจากเขตลานประลองแล้วการต่อสู้จบแล้ว และเขาพึ่งกลืนผลไม้ลงไป เขายังไม่ได้ดูดซับพลังของมัน ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่? ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมาอีกครั้ง
’ถูกต้อง!’
หนานกงเฮาแพ้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วการต่อสู้ก็จบแล้วเราไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นอีกต่อไป
ความหวังส่องประกายขึ้นในใจของพวกเขาราวกับไฟที่โชติช่วง อย่างไรก็ตามแม้จะมีแรงกระตุ้นความคิดในใจ เหล่าศิษย์ก็ไม่เคลื่อนไหวในทันที เพราะพวกเขากำลังคิดอยู่เรื่องหนึ่ง
’ถ้าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้วทำไมฟางเจิ้งจือถึงไม่โจมตีหนานกงเฮา แต่ให้โอกาสคนอื่นทำแทนล่ะ’
’กับดัก!’
’นี่คือกับดัก!’
ขณะที่ความคิดแล่นผ่านหัวของเหล่าศิษย์ฟางเจิ้งจือก็เคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตามเขาสะดุดล้มก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
อ้าด…ขาของข้า! ฟางเจิ้งจือจับที่ต้นขาตัวเองในขณะที่กัดฟันแน่น หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนที่จะพูดต่อว่า บ้าเอ้ย ผลไม้เทพเจ้าของข้า ไม่ ถ้าข้ามัวแต่ชักช้า หนานกงเฮาจะดูดซับแหล่งพลังทั้งหมดของมันไป บ้าเอ้ย บ้าเอ้ย!
แหล่งพลังทั้งหมด?! ดูดซับทั้งหมด!
ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปในเสี้ยววินาทีเพราะฟางเจิ้งจือแสดงท่าทีหวาดหวั่นเช่นนั้นออกมาให้เห็น
ทันทีที่ต้นไม้เทพเจ้าปรากฎพวกเขาต่างรู้สึกได้ว่าพลังของพวกเขาค่อยๆถูกดูดออกไป
นั่นเพราะหนานกงเฮาดูดซับพลังของพวกเรา!
พลังของข้าต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักข้าจะยกให้ง่ายๆแบบนั้นไดด้ยังไง!
เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเราต้องหยุดยั้งเขา!
ใช่แล้วฆ่าเขาแล้วเอาผลไม้เทพเจ้าออกมา!
ในที่สุดเหล่าศิษย์ก็ตระหนักว่าพวกเขาไม่มีเวลามาลังเลอีกพวกเขาต้องฆ่าหนานกงเฮาในทันที
แรงกระตุ้นของฟางเจิ้งจือทำให้พวกเขาตัดสินใจได้ในทันทีพวกเขาจะร่วมมือกันเพื่อสมบัติชิ้นนั้น
ฟุ่บร่างสีแดงส่องประกายพุ่งสูงสู่ท้องฟ้า การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและดาบของเขาส่องประกายราวกับเปลวเพลิง อย่าคิดที่จะทำร้ายนายน้อย! ร่างสีดำพุ่งขึ้นรอบล้อมหนานกงเฮาในทันที
อย่างไรก็ตามมันช่างน่าเสียดาย…
นี่คือการประชุมพันธมิตรสวรรค์
สำนักและเหล่าขุนนางมากมายจากสี่อาณาจักรมารวมตัวกันที่นี่
ในเหตุการณ์แบบนี้คิดว่าพวกเขาจะอยู่เฉยและออกความเห็นอย่างเดียวหรือไม่?
แน่นอนว่าคำตอบนั้นคือ’ไม่!’
นั่นเพราะร่างที่สองปรากฏขึ้นทันทีหลังจากนั้นไม่นานจากนั้นก็ร่างที่สาม …และสี่…
หลายมือย่อมดีกว่ามือเดียวเร็วเข้าโจมตีเขาพร้อมกันจากแปดทิศทาง! ความเจ็บปวดบนใบหน้าของฟางเจิ้งจือหายไปอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขากำลังตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครมาสังเกตุเรื่องพวกนั้นพวกเขากำลังตื่นเต้นเพราะถูกกระตุ้น
เร็วเข้าโจมตีเขาพร้อมๆกัน!
ตั้งแถวแปดแถว!
พวกเราสามารถฆ่าเขาได้ถ้าร่วมมือกัน!
เหล่าศิษย์ที่ไม่เป็นระเบียบเริ่มการโจมตีที่เป็นแบบแผนอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของฟางเจิ้งจือ
ด้านซูเหลียงหัวหน้าสำนักซวนจีแม้สถานะด้านนอกแดนศักสิทธิ์ของเขาจะสูงส่งแค่ไหน แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่เขานั้นราวกับไร้ตัวตน
ผลไม้เทพเจ้า? ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความโลภ ตอนนี้แม้เขาจะใช้ของวิเศษ สมบัติมากมายแค่ไหน เขายังคงไม่เข้าใกล้ระดับเซียนขั้นสูงสุดอยู่ดี เขาจะยอมแพ้ง่ายๆงั้นรึ?
แม้เมื่อเขาลงมือแล้วจะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเขาก็ยอม!
ถ้าข้าได้รับผลไม้เทพเจ้าข้าอาจจะขึ้นไปอยู่เหนือทุกคนได้! ซูเหลียงกำมือแน่น
เหล่าศิษย์สำนักซวนจีจงฟัง! ใครก็ตามที่เอาชนะหนานกงเฮาได้จะกลายเป็นผู้นำคนที่สองของสำนัก นอกจากนั้นเหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมต่อสู้ครั้งจะได้รับรางวัลอย่างงาม!
รับทราบ!
ด้วยคำสั่งของซูหลียงเหล่าศิษย์ต่างก็ตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก การเป็นผู้นำของสำนักซวนจี ทั้งยังได้รางวัลเพิ่มอีก
ฟุ่บ!ฟุ่บ! ฟุ่บ! ร่างหลายสิบพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า หันดาบเข้าหาหนานกงเฮา
วุ่นวายกกันใหญ่แล้ว! ผู้อาวุโสแห่งศาลาเต๋าสวรรค์ต่างมองไปที่มู่ฉิงเฟิงพวกเขาไม่รู้ว่าควรหยุดยั้งหรือช่วยสนับสนุนดี
ในขณะเดียวกันมู่ฉิงเฟิงเองก็ขมวดคิ้วหนัก นั่นเพราะเขาเองก็คิดเช่นกัน
ถ้าเข้าไปช่วยจะไม่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกใช่ไหม? แต่ถ้าไม่ช่วย แผนการของตระกูลหนานกงคืออะไรกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาทำสำเร็จ มันไม่สามารถคาดเดาได้เลย!
ไปกันเถอะทุกคน!อย่ากลัวที่จะตาย เพราะหนานกงเฮาไม่สามารถฆ่าพวกเจ้าได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ถ้าพวกเจ้าช่วยกันต้องล้มเขาได้แน่! ในขณะที่มู่ฉิงเฟิงกำลังตกอยู่ในความสับสน เสียงของฟางเจิ้งจือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นมู่ฉิงเฟิงก็เห็นฟางเจิ้งจืออุ้มฉือกูเหยียนด้วยมือข้างหนึ่งและปิงหยางด้วยมืออีกข้าง จากนั้นก็วิ่งไปด้านหลังของรูปปั้นหินขนาดใหญ่ที่ขอบลานประลอง
……………………………………..