Gate of God – ตอนที่ 881 ความคุ้นเคย

ตอนที่ 881 ความคุ้นเคย
  ”ช่วยฟางเจิ้งจือ?หรือท่านพยายามจะ…”เหยียนซิวสับสนเล็กน้อย เขามองไปยังการต่อสู้ที่ฟางเจิ้งจือได้เปรียบอยู่ฝ่าบเดียว ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปในอีกครั้งทันที
”ใช่การต่อสู้ครั้งนี้จะส่งผลถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต ศาลาหยินหยางนั้นต้องเป็นผู้ชนะ ซิว…เจ้าเต็มใจจะทำไหม?” เต๋าซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเบาบางและซับซ้อน นางดูทะเยอทะยานแต่ก็ไม่เต็มใจในเวลาเดียวกัน
”ผู้ชนะ….”แทนทีจะตอบคำถามเหยียนซิวกลับมองไปที่เต๋าซิงราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
”ข้ารู้ด้วยนิสัยของเจ้าเจ้าไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ แตถ้าเจ้าไม่ทำ เมื่อฟางเจิ้งจือชนะ ข้าเกรงว่าอนาคตของศาลาหยินหยาง…”
”ข้าจำเป็นต้องทำสินะ?”เหยียนซิวขัดขึ้นมา  ”ใช่”เต๋าซิงพยักหน้าอีกครั้ง
เหยียนซิวเงียบไปอีกครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจถามออกมา “ท่านบอกได้ไหมว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงต้องการฆ่าท่าน?”
”มันเป็นเพราะ…เจ้า!”เต๋าซิงตัวสั่นเล็กน้อย แต่นางก็รีบตอบอกมาอย่างรวดเร็ว
”เพราะข้า?”เหยียนซิวเบิกตากว้าง
จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เหยียนซิวแม้แต่เต๋าฮุนและผู้อาวุโสคนอื่นของศาลาหยินหยางต่างเบิกตากว้างเช่นกัน พวกเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเห็นท่าทีของเต๋าซิงพวกเขาก็เงียบไป
”อืม…ข้าเข้าใจแล้ว”เหยียนซิวพยักหน้าเบาๆ เขาก้าวเท้าออกไปโดยไม่ถามอะไรอีก
”เหยียนซิว?!”
”ทำไมเขาถึงออกมา?”
”ศาลาหยินหยางต้องการจะช่วยหนานกงเฮางั้นหรือ?”
ศิษย์ที่อยู่รอบๆต่างแปลกใจ  ”ไม่เหยียนซิวกำลังพุ่งเข้าหาหนานกงเฮา!”แม้ศิษย์จะประหลาดใจแต่พวกเขาก็สามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเป้าหมายของเหยียนซิวไม่ใช่ฟางเจิ้งจือ แต่เป็นหนานกงเฮา
ตูม!
หนานกงเฮาที่เหนื่อล้าถอยหลังไปห้าก้าวทันที ร่องรอยของความแปลกใจปรากฎขึ้นบนดวงตาของเขา
ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว
นั่นเป็นเพราะเขาเห็นเหยียนซิว
”ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้แล้วงั้นหรือ?”หนานกงเฮาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
”เจ้าดูเหมือนจะไม่ได้แปลกใจเท่าไรนัก?”เหยียนซิวกล่าวพร้อมค่อยๆหยิบพัดสีเงินขึ้นมา
”ฮ่าฮ่าข้าคงแปลกใจถ้าเป็นคนอื่นที่เข้าร่วมการต่อสู้ แต่ถ้าเป็นเจ้าทำไมข้าต้องแปลกใจด้วย?”หนานงเฮาเหยียดยิ้ม แต่มือของเขากลับกำดาบแน่นมากขึ้น
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เหยียนซิวแข็งแกร่งแค่ไหนเพราะการแข่งขันรอบเหยียนซิวได้จบไปแล้วก่อนที่เขาจะมาถึง
อย่างไรก็ตามการโจมตีก่อนหน้านี้ของเหยียนซิวมีพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเซียนทั่วไป
’หรือว่า…’
’เหยียนซิวก็อยู่ในระดับเซียนแล้วเหมือนกัน?’
หนานกงเฮาที่ก่อนหน้านี้กำลังโกรธแสดงท่าทีขมขื่นออกมาเล็กนอยทุกคนรู้ดีถึงความสนิทสนมระหว่างเหยียนซิวกับฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงความคิดของหนานกงเฮาด้านห้าสำนักพวกเขามีความคิดเดียวกันเมื่อเห็นเหยียนซิวปรากฎตัวขึ้นมา
”ศาลาหยินหยางคิดจะแย่งผลงานฟางเจิ้งจืองั้นรึ?”โม่ฉานฉือหรี่ตามองเต๋าซิงและเต๋าฮุน
”ศาลาหยินหยางต้องการจะทำอะไรกันแน่?”มูฉิงเฟิงเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าศาลาหยินหยางต้องการจะช่วยฟางเจิ้งจือ
ด้านนิกายเงาเหยียนเฉียนหลี่เองก็สับสนเช่นกัน “ซิวเอ๋อร์ไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปแล้วงั้นหรือ? ทำไมเขาถึงเข้าร่วมการต่อสู้ล่ะ? เป็นไปไม่ได้ไหมที่เขายังคงจำบางอย่างได้?”
”ข้าเกรงว่ามันอาจจะเป็นคำแนะนำของเต๋าซิง!”เซียนสวรรค์พักพิงกล่าวขึ้นมา
”ตาเฒ่าข้าไม่เห็นด้วย ข้ารู้จักซิวตั้งแต่ยังเด็ก เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าอะไรถูกอะไรผิด ข้าไม่คิดว่าเขาจะยอมฟังคำสั่งของผู้หญิงคนนั้นโดยไม่มีเหตุผล!” เหยียนเฉียนหลี่โต้กลับ
”บุคลิกเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนหลังจำอะไรไม่ได้”เซียนสวรรค์พักพิงเถียงกลับ
”บุคลิกของมนุษย์เป็นแก่นแท้ของมนุษย์เฉกเช่นรากต้นไม้มันจะเปลี่ยนกันง่ายๆได้ยังไง”
”ตาเฒ่าเจ้าไม่มีเหตุผลเสียเลย!”
”อย่างน้อยข้าก็ไม่เชื่อว่าซิวจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!”
”อาจารย์ท่านเหยียน ท่านทะเลาะกันหรือ?”วู่จวี้เอ๋อพูดออกมาด้วยท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูก
”ก็ได้ก็ได้”เซียนสวรรค์พักพิงยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินนางพูด อย่างไรก็ตามเขากังวลอย่างเห็นด้ชัดขณะที่มองไปที่เหยียนซิว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าหวังว่าตาเฒ่าเหยียนจะคิดถูกนะ…”

ในขณะที่เหล่าศิษย์กำลังตกใจและเหยียนเฉียนหลี่กำลังทะเลาะกับเซียนสวรรค์พักพิงอยู่นั้น
เมื่อเทียบกันแล้วฟางเจิ้งจือไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย  ”เจ้ามาก็ดีแล้วเหยียนซิว หนานกงเฮากำลังอ่อนแรง มาจัดการเขาด้วยกันเถอะ!” ฟางเจิ้งจือยิ้มอย่างสดใส
”ด้วยกัน?ทำไมเจ้าถึงชวนข้ากัน? เจ้าไม่สนใจว่าข้าจะแย่งผลงานของเจ้างั้นรึ”เหยียนซิวตกใจเล็กน้อย ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด
”สนใจ?ทำไมข้าต้องสนใจ?”ฟางเจิ้งจือมองเหยียนซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยท่าทีงุนงง
”เจ้าไม่สนใจ?”เหยียนซิวดูไม่มั่นใจ
”ข้ารู้สึกแปลกๆเต๋าซิงทำอะไรกับเจ้า? เจ้าห้ามไม่ให้ฆ่านาง และดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้ามร่วมกับหอคอยหยินหยางแล้ว?”ฟางเจิ้งจือถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
”นางช่วยชีวิตข้า”เหยียนซิวตอบกลับ
”ใช่ข้ารู้แล้ว”ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและตอบกลับ จากนั้นเขาก็หันมองเต๋าซิงแล้วพูดต่อ “เจ้ามีอะไรกับแล้วนางรึ?”
”มีอะไร..?”เหยียนซิวไม่สามารถตอบสนองได้
”เจ้าไม่มี?งั้นนางเป็นฝ่ายทำเจ้ารึ? โอ้… ตอนนี้ข้าจำได้แล้ว ตอนที่ข้าไปหอคอยหยินหยางเพื่อลักพาตัวนางก่อนหน้านี้ ข้าจับพวกเจ้านอนบนเตียง แต่ตอนนั้นเจ้ากำลังอาการหนัก ใครจะคิดว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นตอนนั้นกัน?” ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออกแม้แต่น้อย
”…”ริมฝีปากเหยียนซิวกระตุกเล็กน้อย เขาเองก็หมดคำพูดเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาได้ยินคำหนึ่งชัดเจน
’ไปที่หอคอยหยินหยางเพื่อลักพาตัวงั้นเหรอ?’
’นาง?’
’เต๋าซิง?’
’ที่สำคัญที่สุดเขาจับข้าและนางนอนลงบนเตียงด้วยกันทำไมข้าถึงไม่มีความทรงจำเรื่องนั้นเลย? และเต๋าซิงก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน’
ในขณะที่เหยียนซิวกำลังสับสนอย่างมากและกำลังจะถามเพิ่ม กลิ่นอายของความโกรธก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา
”ตาย!”หนานกงเฮาโกรธมากเขาถูกเมินซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
แสงสีเลือดพุ่งสู่ท้องฟ้าบรรยากาศกลายเป็นสีแดง ดาบของหนานกงเฮาพุ่งเข้าหาเหยียนซิว
มันปรากฎต่อหน้าเขาเกือบจะทันที
มันเร็วมากเป็นดาบที่เงียบสนิท
อย่างไรก็ตามมีดาบอีกเล่มที่เร็วยิ่งกว่า ทั้งยังเงียบสนิทเช่นเดียวกัน สิ่งเดียวที่ส่องประกายบนอากาศคือแสงสีม่วงของปีศาจ
ตูม!ดาบทั้งสองเข้าปะทะกัน ปลดปล่อยคลื่นกระแทกที่รุนแรงออกมา อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือเลือกปกป้องเหยียนซิวอย่างไม่ลังเล
”หนานกงเฮาทำไมเจ้าถึงอ่อนแอลงเรื่อยๆ เจ้าลอบโจมตีแต่กลับล้มเหลว? เจ้าไม่ได้กำลังโกรธสุดๆงั้นเหรอ ถ้าเจ้ากำลังโกรธก็พูดมันออกมา ตะโกน ‘อ้ากกกก’ แบบนี้ออกมา!”ในขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังหัวเราะและพูดอยู่ เขาก็พุ่งเข้าหาหนานกงเฮา
”ข้าจะฆ่าเจ้าฟางเจิ้งจือ!”
”โอ้เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ? แต่ก็อย่างว่า ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าก็ทนไม่ได้เหมือนกัน”ฟางเจิ้งจือยิ้มเยาะและต่อยไปที่ดาบสรรพสิ่ง
ตูม!
ใบหน้าของหนานกงเฮาเปลี่ยนเป็นสีแดงและล่าถอยไปสิบก้าวอีกครั้ง หน้าอกของเขาขยับขึ้นลง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธมาก
”พรวด!”หนานกงเฮากระอั่กเลือดออกมาทันทีเขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน
ฉากนี้ทำให้เหล่าศิษย์โดยรอบหมดคำพูด
ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันแต่การแข่งขันนี้มันมากกว่านั้น
มันเต็มไปด้วยความอัปยศ…   สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางเจิ้งจือแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
”ซิว!”เสียงของเต๋าซิงไม่ดังมากนักแต่เหยียนซิวก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
เหยียนซิวกำพัดแน่นและมองไปที่หนานกงเฮาที่กำลังจะแพ้เขาหยุดลังเลและพุ่งเข้าหาหนานกงเฮาทันที
”เขตแดนสีเลือด!”เสียงของเหยียนซิวดังขึ้น
ประกายแสงสีดำนับไม่ถ้วนส่องสว่างขึ้นบนอากาศก่อตัวเป็นภาพภูเขาและแม่น้ำ แต่มีสีดำเหมือนน้ำหมึก
ท่าทีของหนานกงเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกได้ถึงพลังของเขตแดนสีเลือด มันหนาวเหน็บเหมือนกับเต๋าอาชูร่า และทำให้เขาใจสั่น
”เต๋าแห่งอาชูร่า?ทำไมถึงให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป?” หนานงกเฮารู้สึกงงงวย
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาสับสนเพราะเขตแดนสีเลือดปิดล้อมพื้นที่หมดแล้วเขารู้สึกเหมือนกับจมอยู่ในบ่อโคลน
ที่สำคัญที่สุดคือมันมีจิตสังหารที่แรงกล้าซ่อนอยู่ภายใน
แสงสีเลือดในดวงตาของเขาเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่งก่อเกิดเป็นอักขระสีเลือดทั้งแปด แสงสีดำรอบตัวไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวตามหลังจากอยู่ด้วยกันมานานเขารู้ความเคลื่อนไหวของเหยียนซิวดี
แม้ว่าเขตแดนสีเลือดนี่จะต่างไปจากเดิมเล็กน้อยแต่ฟางเจิ้งจือเป็นคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก
จะดำหรือแดง?
มันไม่สำคัญ
ทันทีที่เขตแดนปรากฎขึ้นฟางเจิ้งจือก็กระโดดขึ้นไปด้านบนและหลอมรวมเข้ากับเขตแดนในทันที  จากนั้นแสงก็ส่องสว่างออกมา
หนานกงเฮาพยายามจะหลบแต่มันปรากฎต่อหน้าเขาทันที
ฟุ่บเลือดพุ่งออกมา
ดาบแทงลงไปที่ไหล่จนเกือบจะถึงส่วนหน้าอกถ้าหนานกงเฮาถอยหลังไม่ทัน ดาบคงตัดผ่านทั้งแขนของเขาไปแล้ว
”แข็งแกร่งมาก!การร่วมมือกันของเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือนั้นสุดยอดจริงๆ!”
”หนานกงเฮาคงแพ้น่นอน!”
เหล่าศิษย์ต่างหวาดกลัวกับภาพตรงหน้าแผลของหนานกงเอาเปิดออกจนเห็นถึงกระดูก
ด้านเหยียนซิวเขามองทั้งหนานกงเฮาและฟางเจิ้งจือพร้อมคิดในใจ ‘ทำไมดูเหมือนเขาจะรู้ว่าข้าจะใช้วิชานี้ก่อน?’
……………………………………..
Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท