หยุดนาง
ใช่เขาต้องหยุดนาง!
หยานหยิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเลิกสู้หนานกงเทียนและพุ่งไปหาจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือแทน
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปเพราะไป่ฉือกระโดดลงมาชุดคลุมสีดำร่วงหล่นไปที่พื้น หางที่มีขนยาวสีขาวทั้งเก้าปรากฎให้เห็นชัดเจน
ความงดงามราวกับเทพธิดา
อย่างไรก็ตามผู้ที่ปรากฎตัวด้านหน้าไป่ฉืออย่างกระทันหันด้วยจิตสังหารอันรุนแรง
เหยียนซิว?!
เมื่อไร…เมื่อไรกันที่เขาหนีออกมาจากวงล้อมของพวกอสูร?
เหล่าศิษย์ต่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เหยียนซิวยังถูกล้อมด้วยอสูรนับร้อยอยู่เลย
เขาหนีออกมาได้?
นอกจากศิษย์แม้แต่ไป่ฉือก็ไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้เช่นกัน
ความดีและชั่วของเต๋าอาชูรา? ปากของไป่ฉือขยับเล็กน้อย นางถอนหายใจพร้อมยกมือขวาขึ้นช้าๆ
เมื่อมือของนางยกขึ้นอากาศรอบๆถูกแช่แข็ง เวลาดูเหมือนจะหยุดลง แสงจากดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ค่อยมืดมน
กลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์? เมื่อเห็นฉากตรงหน้าท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไป เหล่าศิษย์ต่างเคยได้ยินถึงความแข็งแกร่งของอสูรที่สามารถดูดพลังจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่แสงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะหายไปเพียงแค่ยกมือเดียว
จากนั้นไป่ฉือก็ปรากฎตัวขึ้นเหนือเหยียนซิว
นางเคลื่อนไหวไปเหนือหัวของเหยียนซิวพร้อมยิ้มยั่วยวน
มีคำกล่าวในโบราณกล่าวไว้ว่าเมื่อไป่ฉือยิ้มหรือเพียงแค่มองครั้งเดียวเสน่ห์อันเหลือล้นจะปรากฎขึ้น
มันไม่ใช่เพราะการกระทำแต่เป็นเพราะเสน่ห์ที่มาจากแก่นวิญญานที่ทรงพลังของนาง
…
งดงามมาก!
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กลางสงครามแต่การเคลื่อนไหวของไป่ฉือเป็นสิ่งที่งดงามมากจนทำให้จิตใจของคนอื่นๆสั่นไหว
แทนที่จะกังวลถึงความตายพวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงความงดงามอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีใครต้านทานได้
แต่น่าเศร้าที่ฉากอันงดงามถูกทำลายลงด้วยเสียงหนึ่ง
ยายแก่!กล้าทำร้ายเหยียนซิวได้ยังไงตาย! เสียงค่อนข้างดังและหยาบกร้าน ทุกคนได้ยินชัดเจน
ตกใจและหวาดกลัว
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้
ฟางเจิ้งจือ
มีเพียงเขาที่กล้าบอกให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ตาย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าตกใจที่สุดไม่ใช่ความดุร้ายของฟางเจิ้งจือ
แต่เป็นคำพูด…
ยายแก่!
เขาเรียกจักรพรรดินีอสูรว่ายายแก่….มีอะไรชั่วร้ายไปกว่านี้อีกไหม?! ทุกคนตกตะลึง
ไม่มีใครในโลกนี้กล้าเรีกไป่ฉือว่ายายแก่
เขากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ?
… ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบ
ในขณะเดียวกันมือของไป่ฉือหยุดอยู่ห่างจากหัวของเหยียนซิวประมาณครึ่งนิ้ว
ยายแก่? ปากของไป่ฉือกระตุก ในฐานะจักรพรรดินีอสูร ในฐานะของจิ้งจอกเก้าหาง ไม่มีใครกล้าเรียกนางเช่นนั้น
ไม่เพียงแต่จะเป็นไปไม่ได้แต่ไม่ว่านางจะปรากฎตัวขึ้นที่ไหน ทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หัวใจของพวกเขาต้องสั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม
แต่กลับมีใครบางคนเรียกนางเป็น ยายแก่? นางคาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงๆ
เจ้าเด็กเหลือขอนั่นอยากฆ่าข้างั้นรึ?มาดูว่าใครจะเป็นผู้ที่ถูกฆ่า! ไป่ฉือโกรธ แต่นางไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็น
ในฐานะจักรพรรดินีอสูรนางไม่ได้มีดีแค่ความงดงาม นางยังมีความฉลาดหลักแหลมและทรงพลังเพียงพอที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
หลังจากเงียบไปสักพักนางขยับมืออีกครั้ง นางมั่นใจว่าควรทำอะไรก่อนดังนั้นแม้จะรู้สึกโกรธแต่นางก็ไม่คิดจะให้อารมณ์กระทบกับแผนการ
แต่ทันใดนั้นเสียงได้ดังขึ้นอีกครั้ง
เลวมากข้าไม่อยากจะเชื่อว่าแก่แล้วยังจะกล้าทำร้ายคนอื่น! ตาย!
ที่สำคัญที่สุดมันมาจากระยะใกล้ๆราวกับอยู่ข้างๆ
หืม?! มันทำให้ไป่ฉือสับสนมาก เพราะก่อนหน้านี้ฟางเจิ้งจือถูกขังอยู่ท่ามกลางวงล้อมอสูร
อย่างไรก็ตามนางคิดออกอย่างรวดเร็ว
ฟางเจิ้งจือทำให้นางหยุดการโจมตีใส่เหยียนซิว ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ราชาอสูรตกใจและปล่อยให้ฟางเจิ้งจือหลุดรอดมาได้และปรากฎตัวข้างๆนาง
ข้าได้ยินจากหยุนชิงวูอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับเด็กเหลือขอที่จัดการได้ยาก และวันนี้… ทำให้รู้ว่าการได้ฟังจากปากคนอื่นเทียบกับการเจอตัวจริงไม่ได้แม้แต่น้อย! แสงส่องสว่างภายในดวงตาของไป่ฉือ
นางรู้วิธีที่ฟางเจิ้งจือใช้หลบหนีมันทำให้นางยิ่งตกใจมากกว่าการที่เห็นฟางเจิ้งจือสู้กับหนานกงเฮาจากด้านข้างเสียอีก
ฟางเจิ้งจือดูแลเพื่อนของเจ้าด้วย ไป่ฉือยิ้มเย้ายวนอีกครั้ง
ที่สำคัญที่สุด…
นางไม่ได้เลือกที่จะโจมตีฟางเจิ้งจือนางกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงแทน
มันเป็นฉากที่แปลก
หนี?!
จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือหนี?
เป็นไปได้ยังไง?!
ฉากนี้ทำให้เหล่าศิษย์พากันตกตะลึงพวกเขาคิดว่าฟางเจิ้งจือต้องตายแน่ๆ
หลังจากเรียกจักรพรรดินีอสูรว่ายายแก่ แล้วด่าว่า เลว เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง? เหล่าศิษย์ไม่เข้าใจ
แต่ความจริงคือจักรพรรดินีอสูรกำลังหนีไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจฟางเจิ้งจือที่ดูหมิ่นแม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือยืนเงียบในอากาศ
ชุดสีน้ำเงินของเขายังคงพริ้วไหวอย่างเงียบเหงา
นางหนีไป? ฟางเจิ้งจือรู้สึกล้มเหลวอย่างมาก ในเมื่อเขาพร้อมเผชิญกับความตาย แต่ศัตรูของเขากลับหนีไป
เดี๋ยวก่อน!
นางบอกให้ดูแลเหยียนซิว!
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเรื่องสำคัญจริงๆก็คือทำไมจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือถึงหนีไป เป็นไปได้ไหมว่าเขาแข็งแกร่งมาก แม้แต่จักรพรรดินีอสูรก็ยังเกรงกลัว
ฟางเจิ้งจือรู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆตามจริงเขาค่อนข้างหยิ่งยะโสด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่ตระหนักถึงความเป็นจริง ถ้าเขาไม่เคยเห็นจักรพรรดินีอสูรโจมตีมาก่อน เขาคงพูดว่า นี่น่ะเหรอจักรพรรดินีอสูร? งั้นๆมาก!
เพราะอย่างน้อยเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่น่าจะสู้ได้สูสีกับเต๋าฮุน
และเต๋าฮุนเป็นใคร?
เขาคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นผู้นำของศาลาหยินหยาง
ฟางเจิ้งจือมั่นใจว่าแม้จะต้องเผชิญหน้ากับมู่ฉิงเฟิงหรือโฒ่ฉานฉือเขาก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยๆก็สองถึงสามร้อยรอบ
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการโจมตีของจักรพรรดินีอสูรเขารู้ดีว่านางมีพลังมากกว่ามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือ
ยายแก่ที่สามารถทำให้ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวต้องดับแสง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้… ยายแก่นั้นกลับหนีเขาไป
ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
แน่นอนว่ามันแปลกอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเชื่อนางได้
ข้าควรจะหยาบคายกว่านี้ง้นหรือ? ฟางเจิ้งจือคิดอยู่ครู่หนึ่งและทิ้งมันไปทันที เขาเห็นริมฝีปากของจักรพรรดินีอสูรกระตุกในตอนที่เขาด่านาง
นั่นทำให้เขาคิดได้ว่านางกำลังโกรธ
โกรธ?
แต่นางไม่ฆ่าเขา?
มีสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ในขณะนี้จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือมีสิ่งที่สำคัญมากกว่าการฆ่าฟางเจิ้งจือต้องทำ
ในขณะที่กำลังคิดฟางเจิ้งจือก็รู้สึกว่าร่างกายของเหยียนซิวเริ่มเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ควบคุมเหยียนซิวหายไปแล้ว
เหยียนซิวรู้สึกยังไงบ้าง? ฟางเจิ้งจือพยุงเหยียนซิว เขาไม่โง่พอจะถามออกไปว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเห็นได้ชัดว่าเขากำลังบาดเจ็บสาหัส
แค่ตบเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้เหยียนซิวผู้ที่เชี่ยวชาญเต๋าอาชูร่าขั้นสูงกระอักเลือดออกมาได้?
พลังของจักรพรรดินีอสูรนั้นชัดเจนว่าแข็งแกร่งแค่ไหน
พวกเรา…เป็นเพื่อนกันจริงๆงั้นหรือ? ใบหน้าของเหยียนซิวซีดขาว แสงสีแดงและดำในดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
แน่นอนพวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันตลอดไป! ฟางเจิ้งจือตกใจเล็กน้อย แต่เขาตอบอย่างจริงจังมาก
อืมม…พวกเราเป็นเพื่อนกัน… เหยียนซิวพูดพร้อมๆกับค่อยๆหลับตาลงเขาไม่พูดอะไรออกมาอีก
ฟางเจิ้งจือหรี่ตา
เขาไม่ได้ร่ำร้องอะไรเพราะเขารู้ว่าเหยียนซิวไม่ได้ตาย เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของเหยียนซิวยังเต้นอยู่
เขาเพียงเป็นลมหมดสติเพราะใช้พลังมากไปเท่านั้นเขาต้องฝ่าวงล้อมออกมาจากอสูรนับร้อย
เดี๋ยวก่อน!
มีบางอย่างผิดปกติ!
วินาทีสุดท้ายตอนที่เหยียนซิวไม่สามารถสู้กลับได้ ตอนนั้นไป่ฉือมีเวลาเหลือเฟือที่จะฆ่าเหยียนซิว
อย่างไรก็ตามไป่ฉือไม่ได้ทำเช่นนี้นางหนีไปทันทีและบอกให้ฟางเจิ้งจือดูแลเหยียนซิวอย่างจงใจ
เมตตา?
ฟางเจิ้งจือไม่ได้เดียงสาพอที่จะเชื่อเช่นนั้นถ้านางเมตตานางคงไม่โจมตีฟางเจิ้งจือแต่แรก
ดังนั้นคำอธิบายเดียวคือ…
นางกำลังทำตามแผนที่วางไว้! ปล่อยเหยียนซิวให้ข้าเพราะไม่ต้องการให้ข้าไล่ตามนาง? ฟางเจิ้งจือเข้าใจแทบจะในทันทีว่าทำไมนางถึงหนีไป
เพราะเรื่องเวลา!
นางไม่มีเวลาว่างพอมาจัดการเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือพูดง่ายๆคือเป้าหมายของนางไม่เคยเป็นเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือ
หากเหยียนซิวไม่ปรากฎตัวมาขวางนางนางก็ไม่คิดจะโจมตีเขาเลย
ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ