Gate of God – ตอนที่ 898 หนี??

ตอนที่ 898 หนี??

  หยุดนาง

  ใช่เขาต้องหยุดนาง!

  หยานหยิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเลิกสู้หนานกงเทียนและพุ่งไปหาจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือแทน

  อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปเพราะไป่ฉือกระโดดลงมาชุดคลุมสีดำร่วงหล่นไปที่พื้น หางที่มีขนยาวสีขาวทั้งเก้าปรากฎให้เห็นชัดเจน

  ความงดงามราวกับเทพธิดา

  อย่างไรก็ตามผู้ที่ปรากฎตัวด้านหน้าไป่ฉืออย่างกระทันหันด้วยจิตสังหารอันรุนแรง

   เหยียนซิว?! 

   เมื่อไร…เมื่อไรกันที่เขาหนีออกมาจากวงล้อมของพวกอสูร? 

  เหล่าศิษย์ต่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  เพราะก่อนหน้านี้เหยียนซิวยังถูกล้อมด้วยอสูรนับร้อยอยู่เลย

  เขาหนีออกมาได้?

  นอกจากศิษย์แม้แต่ไป่ฉือก็ไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้เช่นกัน

   ความดีและชั่วของเต๋าอาชูรา? ปากของไป่ฉือขยับเล็กน้อย นางถอนหายใจพร้อมยกมือขวาขึ้นช้าๆ

  เมื่อมือของนางยกขึ้นอากาศรอบๆถูกแช่แข็ง เวลาดูเหมือนจะหยุดลง แสงจากดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ค่อยมืดมน

   กลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์? เมื่อเห็นฉากตรงหน้าท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไป เหล่าศิษย์ต่างเคยได้ยินถึงความแข็งแกร่งของอสูรที่สามารถดูดพลังจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่แสงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะหายไปเพียงแค่ยกมือเดียว

  จากนั้นไป่ฉือก็ปรากฎตัวขึ้นเหนือเหยียนซิว

  นางเคลื่อนไหวไปเหนือหัวของเหยียนซิวพร้อมยิ้มยั่วยวน

  มีคำกล่าวในโบราณกล่าวไว้ว่าเมื่อไป่ฉือยิ้มหรือเพียงแค่มองครั้งเดียวเสน่ห์อันเหลือล้นจะปรากฎขึ้น

  มันไม่ใช่เพราะการกระทำแต่เป็นเพราะเสน่ห์ที่มาจากแก่นวิญญานที่ทรงพลังของนาง

   … 

   งดงามมาก! 

  แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กลางสงครามแต่การเคลื่อนไหวของไป่ฉือเป็นสิ่งที่งดงามมากจนทำให้จิตใจของคนอื่นๆสั่นไหว

  แทนที่จะกังวลถึงความตายพวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงความงดงามอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีใครต้านทานได้

  แต่น่าเศร้าที่ฉากอันงดงามถูกทำลายลงด้วยเสียงหนึ่ง

   ยายแก่!กล้าทำร้ายเหยียนซิวได้ยังไงตาย!  เสียงค่อนข้างดังและหยาบกร้าน ทุกคนได้ยินชัดเจน

  ตกใจและหวาดกลัว

  มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้

  ฟางเจิ้งจือ

  มีเพียงเขาที่กล้าบอกให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ตาย

  อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าตกใจที่สุดไม่ใช่ความดุร้ายของฟางเจิ้งจือ

  แต่เป็นคำพูด…

  ยายแก่!

   เขาเรียกจักรพรรดินีอสูรว่ายายแก่….มีอะไรชั่วร้ายไปกว่านี้อีกไหม?! ทุกคนตกตะลึง

  ไม่มีใครในโลกนี้กล้าเรีกไป่ฉือว่ายายแก่

  เขากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ?

   … ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบ

  ในขณะเดียวกันมือของไป่ฉือหยุดอยู่ห่างจากหัวของเหยียนซิวประมาณครึ่งนิ้ว

   ยายแก่? ปากของไป่ฉือกระตุก ในฐานะจักรพรรดินีอสูร ในฐานะของจิ้งจอกเก้าหาง ไม่มีใครกล้าเรียกนางเช่นนั้น

  ไม่เพียงแต่จะเป็นไปไม่ได้แต่ไม่ว่านางจะปรากฎตัวขึ้นที่ไหน ทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หัวใจของพวกเขาต้องสั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม

  แต่กลับมีใครบางคนเรียกนางเป็น ยายแก่?  นางคาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงๆ

   เจ้าเด็กเหลือขอนั่นอยากฆ่าข้างั้นรึ?มาดูว่าใครจะเป็นผู้ที่ถูกฆ่า!  ไป่ฉือโกรธ แต่นางไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็น

  ในฐานะจักรพรรดินีอสูรนางไม่ได้มีดีแค่ความงดงาม นางยังมีความฉลาดหลักแหลมและทรงพลังเพียงพอที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

  หลังจากเงียบไปสักพักนางขยับมืออีกครั้ง  นางมั่นใจว่าควรทำอะไรก่อนดังนั้นแม้จะรู้สึกโกรธแต่นางก็ไม่คิดจะให้อารมณ์กระทบกับแผนการ

  แต่ทันใดนั้นเสียงได้ดังขึ้นอีกครั้ง

   เลวมากข้าไม่อยากจะเชื่อว่าแก่แล้วยังจะกล้าทำร้ายคนอื่น! ตาย! 

  ที่สำคัญที่สุดมันมาจากระยะใกล้ๆราวกับอยู่ข้างๆ

   หืม?! มันทำให้ไป่ฉือสับสนมาก เพราะก่อนหน้านี้ฟางเจิ้งจือถูกขังอยู่ท่ามกลางวงล้อมอสูร

  อย่างไรก็ตามนางคิดออกอย่างรวดเร็ว

  ฟางเจิ้งจือทำให้นางหยุดการโจมตีใส่เหยียนซิว ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ราชาอสูรตกใจและปล่อยให้ฟางเจิ้งจือหลุดรอดมาได้และปรากฎตัวข้างๆนาง

   ข้าได้ยินจากหยุนชิงวูอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับเด็กเหลือขอที่จัดการได้ยาก และวันนี้… ทำให้รู้ว่าการได้ฟังจากปากคนอื่นเทียบกับการเจอตัวจริงไม่ได้แม้แต่น้อย!  แสงส่องสว่างภายในดวงตาของไป่ฉือ

  นางรู้วิธีที่ฟางเจิ้งจือใช้หลบหนีมันทำให้นางยิ่งตกใจมากกว่าการที่เห็นฟางเจิ้งจือสู้กับหนานกงเฮาจากด้านข้างเสียอีก

   ฟางเจิ้งจือดูแลเพื่อนของเจ้าด้วย ไป่ฉือยิ้มเย้ายวนอีกครั้ง

  ที่สำคัญที่สุด…

  นางไม่ได้เลือกที่จะโจมตีฟางเจิ้งจือนางกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงแทน

  มันเป็นฉากที่แปลก

   หนี?! 

   จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือหนี? 

   เป็นไปได้ยังไง?! 

  ฉากนี้ทำให้เหล่าศิษย์พากันตกตะลึงพวกเขาคิดว่าฟางเจิ้งจือต้องตายแน่ๆ

  หลังจากเรียกจักรพรรดินีอสูรว่ายายแก่ แล้วด่าว่า เลว เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?   เหล่าศิษย์ไม่เข้าใจ

  แต่ความจริงคือจักรพรรดินีอสูรกำลังหนีไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจฟางเจิ้งจือที่ดูหมิ่นแม้แต่น้อย

  ฟางเจิ้งจือยืนเงียบในอากาศ

  ชุดสีน้ำเงินของเขายังคงพริ้วไหวอย่างเงียบเหงา

   นางหนีไป? ฟางเจิ้งจือรู้สึกล้มเหลวอย่างมาก ในเมื่อเขาพร้อมเผชิญกับความตาย แต่ศัตรูของเขากลับหนีไป

  เดี๋ยวก่อน!

  นางบอกให้ดูแลเหยียนซิว!

  เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเรื่องสำคัญจริงๆก็คือทำไมจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือถึงหนีไป เป็นไปได้ไหมว่าเขาแข็งแกร่งมาก แม้แต่จักรพรรดินีอสูรก็ยังเกรงกลัว

  ฟางเจิ้งจือรู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆตามจริงเขาค่อนข้างหยิ่งยะโสด้วยซ้ำ

  อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่ตระหนักถึงความเป็นจริง ถ้าเขาไม่เคยเห็นจักรพรรดินีอสูรโจมตีมาก่อน เขาคงพูดว่า  นี่น่ะเหรอจักรพรรดินีอสูร? งั้นๆมาก! 

  เพราะอย่างน้อยเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่น่าจะสู้ได้สูสีกับเต๋าฮุน

  และเต๋าฮุนเป็นใคร?

  เขาคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นผู้นำของศาลาหยินหยาง

  ฟางเจิ้งจือมั่นใจว่าแม้จะต้องเผชิญหน้ากับมู่ฉิงเฟิงหรือโฒ่ฉานฉือเขาก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยๆก็สองถึงสามร้อยรอบ

  อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการโจมตีของจักรพรรดินีอสูรเขารู้ดีว่านางมีพลังมากกว่ามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือ

  ยายแก่ที่สามารถทำให้ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวต้องดับแสง

  อย่างไรก็ตามในตอนนี้…   ยายแก่นั้นกลับหนีเขาไป

  ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?

  แน่นอนว่ามันแปลกอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเชื่อนางได้

   ข้าควรจะหยาบคายกว่านี้ง้นหรือ? ฟางเจิ้งจือคิดอยู่ครู่หนึ่งและทิ้งมันไปทันที เขาเห็นริมฝีปากของจักรพรรดินีอสูรกระตุกในตอนที่เขาด่านาง

  นั่นทำให้เขาคิดได้ว่านางกำลังโกรธ

  โกรธ?

  แต่นางไม่ฆ่าเขา?

  มีสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ในขณะนี้จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือมีสิ่งที่สำคัญมากกว่าการฆ่าฟางเจิ้งจือต้องทำ

  ในขณะที่กำลังคิดฟางเจิ้งจือก็รู้สึกว่าร่างกายของเหยียนซิวเริ่มเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ควบคุมเหยียนซิวหายไปแล้ว

   เหยียนซิวรู้สึกยังไงบ้าง?  ฟางเจิ้งจือพยุงเหยียนซิว เขาไม่โง่พอจะถามออกไปว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเห็นได้ชัดว่าเขากำลังบาดเจ็บสาหัส

  แค่ตบเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้เหยียนซิวผู้ที่เชี่ยวชาญเต๋าอาชูร่าขั้นสูงกระอักเลือดออกมาได้?

  พลังของจักรพรรดินีอสูรนั้นชัดเจนว่าแข็งแกร่งแค่ไหน

   พวกเรา…เป็นเพื่อนกันจริงๆงั้นหรือ? ใบหน้าของเหยียนซิวซีดขาว แสงสีแดงและดำในดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย

   แน่นอนพวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันตลอดไป!  ฟางเจิ้งจือตกใจเล็กน้อย แต่เขาตอบอย่างจริงจังมาก

   อืมม…พวกเราเป็นเพื่อนกัน… เหยียนซิวพูดพร้อมๆกับค่อยๆหลับตาลงเขาไม่พูดอะไรออกมาอีก

  ฟางเจิ้งจือหรี่ตา

  เขาไม่ได้ร่ำร้องอะไรเพราะเขารู้ว่าเหยียนซิวไม่ได้ตาย เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของเหยียนซิวยังเต้นอยู่

  เขาเพียงเป็นลมหมดสติเพราะใช้พลังมากไปเท่านั้นเขาต้องฝ่าวงล้อมออกมาจากอสูรนับร้อย

  เดี๋ยวก่อน!

  มีบางอย่างผิดปกติ!

  วินาทีสุดท้ายตอนที่เหยียนซิวไม่สามารถสู้กลับได้ ตอนนั้นไป่ฉือมีเวลาเหลือเฟือที่จะฆ่าเหยียนซิว

  อย่างไรก็ตามไป่ฉือไม่ได้ทำเช่นนี้นางหนีไปทันทีและบอกให้ฟางเจิ้งจือดูแลเหยียนซิวอย่างจงใจ

  เมตตา?

  ฟางเจิ้งจือไม่ได้เดียงสาพอที่จะเชื่อเช่นนั้นถ้านางเมตตานางคงไม่โจมตีฟางเจิ้งจือแต่แรก

  ดังนั้นคำอธิบายเดียวคือ…

  นางกำลังทำตามแผนที่วางไว้!    ปล่อยเหยียนซิวให้ข้าเพราะไม่ต้องการให้ข้าไล่ตามนาง? ฟางเจิ้งจือเข้าใจแทบจะในทันทีว่าทำไมนางถึงหนีไป

  เพราะเรื่องเวลา!

  นางไม่มีเวลาว่างพอมาจัดการเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือพูดง่ายๆคือเป้าหมายของนางไม่เคยเป็นเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือ

  หากเหยียนซิวไม่ปรากฎตัวมาขวางนางนางก็ไม่คิดจะโจมตีเขาเลย

  ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท