นางบาดเจ็บ?!
จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?!
เขา…ทำให้ไป่ฉือบาดเจ็บอีกครั้ง?!
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือรวมไปถึงเหล่าศิษย์ด้านล่างต่างตะตกละลึงที่เห็นร่างของไป่ฉือโชกเลือดเพราะบาดแผล
มีพลังเทียบเท่าจักรพรรดินีอสูรนอกจากนี้ยังทำให้นางบาดเจ็บอีกด้วย
มีเรื่องไร้สาระมากไปกว่านี้อีกไหม?
ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นแม้แต่หยุนชิงวูและปีศาจอาวุโสทั้งสิบต่างก็ตกใจจนไม่สามารถตอบสนองเรื่องตรงหน้าได้
นางคือจักรพรรดินีอสูรและเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
ไม่ว่าพวกเขาจะไม่อยากเชื่อมากแค่ไหนแต่ก็เป็นความจริงที่ฟางเจิ้งจือไล่ต้อนนางและมีความได้เปรียบ
มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
ทำไมจู่ๆฟางเจิ้งจือถึงแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดนี้?
เป็นเพราะผมไม้เทพเจ้าที่ฟางเจิ้งจือกินเข้าไปงั้นหรือ?
คำถามมากมายปรากฎขึ้นในใจของทุกคนและสงสัยเกี่ยวกับผลไม้เทพเจ้า
เขายังไม่ตาย?!
ยิ่งไปกว่านั้นเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม!
ผลไม่เทพเจ้าเป็นสิ่งที่สามารถกินได้จริงๆหรือ?
ไม่มีใครรู้ว่านั่นเป็นคำตอบที่ถูกหรือไม่อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงที่ฟางเจิ้งจือแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
เจ้า…เจ้าทำได้ยังไง? ถ้าจะมีสักคนบนโลกนี้ที่รู้คำตอบก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ อย่างไรก็ตามการที่นางรู้คำตอบนั้นยิ่งทำให้นางตกใจมากขึ้นไปอีกเพราะผลไม้เทพเจ้าไม่สามารถกินได้โดยวิธีปกติ
หรือก็คือมันเป็นผลไม้ที่กินได้อย่างไรก็ตามมีเพียงสายเลือดของจักรพรรดิหยานเท่านั้นที่สามารถกินมันได้
ไป่ฉือไม่เข้าใจ
นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมฟางเจิ้งจือสามารถกินผลไม้เทพเจ้าได้นอกจากนี้เขายังฟื้นจากความตายและมีชีวิตอีกครั้ง?
เจ้าอยากรู้งั้นหรือว่าทำไม?ถ้าเจ้าพูดว่าอยากรู้ ข้าจะบอกทันที! ฟางเจิ้งจือไม่รีบร้อนนัก หลังจากที่รับมือกับพลังของไป่ฉือได้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอีกต่อไป
เจ้า… ไป่ฉือเหล่มองและยกกรงเล็บขึ้นอย่างไรก็ตามนางเก็บมันลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาสีเขียวเข้มของนางก็สว่างใสขึ้นและพูดว่า เอาล่ะ บอกข้ามา ข้าอยากรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง เจ้าอยากรู้จริงๆเหรอ?
ใช่!
อยากรู้แค่ไหน?
… กรงเล็บของนางกระตุกพร้อมกัดฟันแน่นอย่างไรก็ตามนางรีบควบคุมสติและพูดขึ้น มาก มากที่สุด!
งั้นหรือ?ถ้าข้าบอกเจ้าข้าจะได้อะไรตอบแทน? ฟางเจิ้งจือมองไป่ฉือที่กำลังร้อนรนอย่างมาก
ฮ่าฮ่าเจ้าต้องการอะไร?
เจ้าจะให้สิ่งที่ข้าต้องการงั้นหรือ?
… กรงเล็บของนางกระตุกอีกครั้งก่อนจะตอบ ทำไมเจ้าไม่บอกก่อนล่ะว่าต้องการอะไร? ข้าจะให้เจ้าหากข้ามี
ข้าอยากได้ขนของเจ้ามาทำเสื้อสักหน่อย
เจ้าเด็กนี่รนหาที่ตาย!! ในที่สุดไป่ฉือก็ระเบิดความโกรธออกมาอีกครั้งขนสีขาวตั้งตรงราวกับเข็มนับไม่ถ้วนปกคลุมร่างกายของนาง
ถ้าข้าไม่รนหาที่ตายเจ้าจะไว้ชีวิตข้างั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือเผยยิ้มเล็กน้อย
เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้จริงๆหรือ?
ข้าจะรู้ได้ยังไงถ้ายังไม่ลอง?
ฮ่าฮ่าฮ่า…ฟางเจิ้งจือ แม้เจ้าจะมีความฉลาด แต่ไม่รู้งั้นหรือว่ากำลังยืนอยู่ที่ไหน? มองดูให้ดีๆซะ! ไป่ฉือเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข ราวกับความโกรธของนางได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ข้าอยู่ที่ไหน? ฟางเจิ้งจือกระพริบตาและมองไปรอบๆครู่นึง เขาไม่เข้าใจจริงๆว่านางหมายถึงอะไร
เขารู้สึกว่าอยู่ในตำแหน่งที่ดีและสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมของเขารวมไปถึงป้องกันไม่ให้ไป่ฉือเข้าใกล้หนานกงเฮาได้
ข้าไม่ได้…
… เดี๋ยวก่อนข้าไม่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีเลย ต้นไม้คอยบังร่างของข้าอยู่ในตอนนี้ แต่ข้ากำลังยืนอยู่ที่ไหน…
เขารู้สึกเย็นๆที่สะโพกเพราะสายลมที่พัดผ่าน
ยัยแก่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจดีเตือนข้า โชคยังดีที่ข้ามีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน… หืม? ใครขโมยกระจกป้องกันใจของข้าไป! ฟางเจิ้งจืออยากจะเข้าถึงกระจกป้องกันใจเพื่อหาอะไรใส่ อย่างไรก็ตามเขาตระหนักอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นั่นเพราะที่นห้าอกของเขามันว่างเปล่า
อะไรกัน!
ฟางเจิ้งจือไม่พอใจเล็กน้อยพวกเขาจะเอาเสื้อผ้าเขาไปก็ได้แต่กระจกป้องกันใจมีสมบัติที่เขาคอยเก็บสะสมมาหลายปี
เขาจะบาดเจ็บหรือตายก็ได้ทั้งนั้นแต่เขาไม่ยอมเสียสมบัติพวกนั้น
อย่างไรก็ตามไป่ฉือตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินว่า’ใครขโมยกระจกป้องกันใจของข้าไป?’
เขาไม่รู้ตัวจริงๆหรอว่าออกจากค่ายกลปีศาจเพลิงแล้ว? ไป่ฉือไม่เข้าใจความคิดของฟางเจิ้งจือจริงๆ
อย่างไรก็ตามมู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือกลายเป็นหวาดวิตกในตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าไป่ฉือหมายถึงอะไร
ตำแหน่ง!
เป็นอย่างที่นางพูดในขณะที่ไล่ตามไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือออกจากค่ายกลปีศาจเพลิงโดยไม่รู้ตัว
เจ้าเด็กเหลือขอ…ถูกหลอก!
มันจบแล้วจบแล้วจริงๆ!
เขาไม่สามารถเข้าไปด้านในของค่ายกลปีศาจเพลิงได้อีกหนานกงเฮายังอยู่ในมือของพวกปีศาจถ้าพวกเราไม่สามารถทำลายค่ายกลได้..
ความหวังของพวกเขาถูกทำลายลงอีกครั้งนั่นเพราะปัญหาสำคัญยังคงเป็นหนานกงเฮา
ตราบใดที่หนานกงเฮาอยู่ในมือของพวกปีศาจกระแสสงครามจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้ว่าฟางเจิ้งจือจะสามารถรับมือกับไป่ฉือได้ก็ตาม
นั่นคือสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือรู้สึกในตอนนี้
เนื่องจากฟางเจิ้งจือหมดสติอยู่ในตอนที่ค่ายกลปีศาจเพลิงถูกใช้งานเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้
นอกจากเสียงของกู่เจิ้งแล้วเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเขาแม้แต่น้อย
อย่างเช่นในตอนนี้เขาพบว่าหยุนชิงวูกำลังถือบางอย่างที่มีความยาวและส่องประกายอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่ามันคือกระจกป้องกันใจของเขา
หยุนชิงวูเจ้าเป็นคนขโมยมันไป! ดวงตาของฟางเจิ้งจือเบิกกว้าง ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยที่เห็นคนอื่นกำลังถือของๆเขาอยู่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถ้ามีบางอย่างผิดไปเช่นของบางสิ่งตกหักหรือสูญหาย หยุนชิงวูจะรับผิดชอบกับของๆเขาไหม?
นั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันไม่ได้
ดังนั้นฟางเจิ้งจือจึงตัดสินใจเคลื่อนไหวก่อน
ฟุ่บ!ฟางเจิ้งจือพุ่งเข้าหาหยุนชิงวูอย่างไม่ลังเล ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงจากท้องฟ้า
หืม?ในที่สุดก็รู้ตัวว่าออกมาจากค่ายกลปีศาจเพลิงแล้วงั้นหรือ? ไป่ฉือยิ้มเยาะเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือพุ่งเข้าไป ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะออกมา แต่ไม่ใช่การกลับเข้าไป!
นางไม่ได้หยุดเขาในทันที
นั่นเพราะนางรู้ถึงพลังของค่ายกาลปีศาจเพลิงทั้งสิบดีมันต้องใช้ความพยายามอย่างมากแม้แต่ตัวนางเองก็ทำลายไม่ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงฟางเจิ้งจือเลย
ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นเปลวไฟสีดำก็ลุกโชนบดบังท้องฟ้า
ครืน…
ความร้อนสูงแผดเผาแม้แต่อากาศ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างของฟางเจิ้งจือเองก็หมุนกระเด็นขึ้นไปกว่าสองสามรอบก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้
ท่าทางของเขา..
ท่าทางของเขายังคงสง่างาม
อย่างไรก็ตามหัวใจของโม่ฉานฉือมู่ฉิงเฟิงรวมไปถึงคนอื่นๆต่างจมดิ่งเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า พวกเขาหันมองกันและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหมดหวัง
ค่ายกลปีศาจเพลิงจะถูกทำลายได้จากภายในเท่านั้น!
ข้าไม่คิดเลยว่าไป่ฉือจะคำนวนเรื่องนี้ไว้แล้วนางแกล้งทำเป็นแพ้เพื่อหลอกให้ฟางเจิ้งจือไล่ตาม! แม้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นจะมีพลังมากแต่ก็ยังเทียบประสบการณ์ที่ไป่ฉือมีไม่ได้!
มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือและหยานหยิงโกรธแต่ไม่ได้โทษฟางเจิ้งจือ
แม้แต่พวกเขาเองก็ติดกับไป่ฉืออย่างเลี่ยงไม่ได้ไม่ต้องพูดถึงฟางเจิ้งจือแม้แต่น้อย
ฮ่าฮ่าฮ่าฟางเจิ้งจือหยุดใช้พลังอย่างเปล่าประโยชน์ เจ้าไม่สามารถทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงได้หรอก! ไป่ฉือจ้องมองและหัวเราะอีกครั้ง
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าค่ายกลปีศาจเพลิงงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือจ้องมองไป่ฉือก่อนจะหันมองเปลวไฟสีดำที่ลุกโชกรวมไปถึงหยุนชิงวูที่ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟนั้นและปีศาจอาวุโสที่นิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา
มันยากมาก…
ที่จะทำลายค่ายกลนี้?
ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่าทำไมไป่ฉือถึงหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนั้นแต่เขารู้ว่าค่ายกลปีศาจเพลิงก่อเกิดจากเต๋าน้ำแข็งและเต๋าแห่งไฟ เป็นสองเต๋าที่ผสานพลังกันได้ยากมาก และเมื่อผสานเข้ากันได้มันจะเกิดใหม่เป็น ‘เต๋าเพลิงเยือกแข็ง’
เมื่อเกิดเป็นเต๋าเพลิงเยือกแข็งมันจะสามารถผสานเข้ากับเต๋าพายุได้อย่างไรก็ตามค่ายกลนี้กลืนกินเต๋าพายุ
พูดอีกอย่างก็คือเต๋าพายุจะเกิดขึ้นเมื่อเต๋าเพลิงเยือกแข็งถูกโจมตี แล้วมันจะเข้าไปเสริมพลังให้กับเต๋าเพลิงเยือกแข็งจนเกิดเป็นเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
สามพลังในเต๋าเดียว
อย่างไรก็ตามช่างน่าเสียดาย ดูเหมือนเขาจะรู้จักเต๋าทั้งสามชนิดนี้
นั่นทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อยเขาสงสัยว่าไป่ฉือจะกัดลิ้นตัวเองไหมถ้าหากนางหยุดหัวเราะกระทันหัน
ฟู่!ฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในตอนนั้นไฟสีดำที่เหมือนกับค่ายกลปีศาจเพลิงได้ปรากฎขึ้นบนตัวเขา
มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
นอกจากนี้บอกได้เลยว่าฟางเจิ้งจือรวดเร็วมากเขาชนเข้ากับค่ายกลปีศาจเพลิงในชั่วพริบตา
ฟุ่บ!มันไม่ใช่เสียงระเบิดที่ดังเหมือนครั้งก่อนๆ มันเป็นเสียงที่นุ่มนวลจนแทบไม่มีใครสนใจ
จากนั้น…
ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
นั่นเพราะฟางเจิ้งจือร่อนลงตรงหน้าหยุนชิงวูโดยเลือกตำแหน่งให้ใบไม้คอยบดบังร่างที่เปลือยเปล่าของเขา
เมื่อสายลมพัดผ่านเขารู้สึกได้ถึงความเย็นแถวหว่างขาโชคยังดีที่ฟางเจิ้งจือเลือกตำแหน่งที่ใบไม้ปกคลุมได้มิดชิดพอ
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงใบไม้ไม่สามารถบดบังร่างกายเขาได้ตลอดไป
ดังนั้นฟางเจิ้งจือจึงเอากระจกป้องกันใจคืนจากมือของหยุนชิงวูทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่นโดยไม่มีอุปสรรคแม้แต่น้อย
ขโมยรึ?นั่นไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะ! ด้วยท่าทีเงียบสงบ ฟางเจิ้งจือสั่งสอนหยุนชิงวูเล็กน้อย มันเป็นสิ่งที่แม่ของเขาสอนตอนยังเป็นเด็ก
อย่างไรก็ตามเขาสามารถบอกได้เลยว่านางคงไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้
นอกจากนี้ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความมึนงงเล็กน้อย
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่หยุนชิงวูแม้แต่ไป่ฉือผู้ซึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็อ้าปากค้าง และแน่นอนไม่ว่าจะเป็นมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือหรือหยานหยิงก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
ไม่มีใครสามารถตอบสนองได้
แม้แต่เหล่าราชาอสูรและศิษย์ที่กำลังสู้กันอยู่ต่างก็หยุดเคลื่อนไหวพวกเขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ค่ายกลปีศาจเพลิง…ถูกทำลาย?!
ถูกทำลาย…?
นี่มันอะไรเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
แม้แต่ปีศาจอาวุโสทั้งสอบก็มีสีหน้าที่แข็งค้างและพูดไม่ออก
พวกเขาไม่รู้สึกถึงการปะทะเลย…
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือสามารถฝ่าค่ายกลปีศาจเพลิงเข้าไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยมันเหมือนกับการเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ
ครึก…ไป่ฉือรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นของนาง และเลือดไหลออกจากมุมปาก ฟางเจิ้งจือได้คาดเดาไว้แล้วว่าหลังจากหยุดหัวเราะกระทันหันนางคงจะกัดลิ้นตัวเองอย่างแน่นอน
……………………………………..