ฟางเจิ้งจืออยากจะด่าไป่ฉืออย่างไรก็ตามการหลบหนีออกไปให้ได้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
เพราะไป่ฉือเพียงแค่เปิดปากทำให้คมเขี้ยวหลุดจากคอเท่านั้น แต่ร่างของพวกเขายังคงประชิดติดกันอยู่
ถ้าฟางเจิ้งจือเลือกหนีไปด้านหน้าก็ถูกหนานกงเฮาขวางทางอยู่
แม้เขาจะกลิ้งตัวหนีไปได้เขาก็จะไม่ทำเช่นนั้นอยู่ดี เพราะนั่นเป็นการเปิดแผ่นหลังให้ไป่ฉือโดยไร้ทางป้องกัน
นางสามารถใช้กรงเล็บฟาดมาที่เขาได้อย่างง่ายดาย…
และควบคุมเขาอีกครั้ง
ดังนั้นแม้ฟางเจิ้งจือจะหมดหวังกับหนทางหนีแต่เขาก็รู้ดีว่าเขาต้องทำให้ไป่ฉือไม่สามารถโจมตีเขาได้อีก ทำยังไง?
วิธีหลบหนีนับไม่ถ้วนแล่นผ่านจิตใจของเขาอย่างการตบไป่ฉือหรือสาดผงมะนาวใส่ตา
แต่เขาไม่สนใจหนทางเหล่านี้เขากำลังต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูร อสูรร้ายที่รู้ทันแผนการของเขาถึงสองครั้งสองครา
ไม่!
เขาไม่มีทางใช้วิธีธรรมดาได้แน่นอน!
เขายังต้องใช้หนานกงเฮาให้เป็นประโยชน์เพราะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของไป่ฉือ หนานกงเฮาเป็นคนเดียวที่มีความสำคัญต่อนาง
อย่างไรก็ตามเขาควรทำยังไงจะใช้หนานกงเฮาช่วยเขาหนีหรือปล่อยเขาไว้กับไป่ฉือแบบนี้?
ใช่แล้วสลับตำแหน่ง(วิชาเต๋าสวรรค์)!
ฟางเจิ้งจือคิดได้เฉพาะหนทางนี้แม้จะไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด แต่เขาไม่มีเวลาแล้ว เขาตัดสินใจอย่างไม่ลังเลในตอนนั้นเองแสงฟ้าก็ปรากฎขึ้น พร้อมกับส่องสว่าง
ฮึ่ม?พยายามหนีงั้นรึ?! ด้วยลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่ง ไป่ฉือตอบสนองและเอื้อมมือไปขวางทางฟางเจิ้งจือเอาไว้
มันเร็วมากมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้เสียอีก
แคร้ง!
เสียงที่แหลมคมกระทบกันอย่างรุนแรงให้ความรู้เหมือนกับการปะทะที่รุนแรงระหว่างมือของไป่ฉือและแสงสีฟ้า
นี่มัน…นางตอบสนองเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?! ฟางเจิ้งจือหยุดและขมวดคิ้ว แม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าโอกาสสำเร็จมีไม่สูงนัก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะถูกสกัดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ทันใดนั้นเองความโกรธก็เริ่มครอบงำตัวเขา
เขาถูกขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำอีกฟางเจิ้งจือรู้สึกละอายอย่างมาก
เขามองว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งมาตลอด
เขาโกรธมากเขายังจำได้ดีว่าโม่ฉานฉือทำให้ไป่ฉือล่าถอยได้ยังไงหลังจากที่เขาบ้าคลั่งเพราะความโกรธ บางทีเขาอาจจะทำได้เหมือนกัน?
แต่ตอนที่สู้กับโม่ฉานฉือนางไม่ได้อยู่ในร่างอสูรไป่ฉือในร่างอสูรเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าไม่สำคัญอีกต่อไป
ฟางเจิ้งจือไม่มีทางอื่นถ้าเขาเลือกที่จะสู้ด้วยชีวิต เขาอาจมีชีวิตรอด แต่ถ้าเขาไม่ทำเขาต้องตายแน่นอน
เขากัดฟันแน่นและรวมรวบพลังทั้งหมดอย่างไม่ลังเล
ครืด!แสงสีฟ้าเริ่มกระพริบทำให้มือของไป่ฉือสั่นเริ่มสั่นไหว
เด็กเหลือขอพยายามจะสู้กับข้าด้วยพลังทั้งหมดงั้นหรือ? ไป่ฉือตกใจมาก นางคิดเสมอว่าเผ่าอสูรนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกมนุษย์ในเรื่องของพลังกาย
มนุษย์จะกล้าต่อสู้กับพวกเขาได้ยังไง?
นั่นคือความคิดของนางในฐานะจักรพรรดินีอสูรนางมั่นใจกับเรื่องนี้มาก
แม้ว่าชื่อจิ้งจอกขาวเก้าหางจะไม่ได้รับมาเพราะความแข็งแกร่งในฐานะอสูรแต่ถ้าแพ้เรื่องพลังกายให้กับฟางเจิ้งจือ นางคงโกรธแค้นอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อนางเห็นฟางเจิ้งจือพยายามจะหนีหางของนางก็เคลื่อนไหวและฟาดลงมาจากท้องฟ้า
ตูม!พลังที่รุนแรงกระทบกับแผ่นหลังของเขาทำให้ร่างของฟางเจิ้งจือสั่นไหว จนเกือบกระอักเลือดออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นฟางเจิ้งจือรู้ว่าแสงสีฟ้าได้รับแรงกระแทกจากการโจมตี
แข็งแกร่งจริงๆ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความกดดันจากพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่เขาออกจากหม้อหลอมในเก้าขุนเขาไป่ฉือมีพลังเหนือความคาดหมายของเขาอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมพลังแห่งท้องฟ้าและผืนดินหรือความแข็งแกร่งของพลังกาย มันเป็นความสามารถแทบจะอยู่ในระดับสูงสุดอย่างไร้ความบกพร่องใดๆ
แต่ฟางเจิ้งจือทำอะไรได้บ้าง
นั่งดูอย่างสิ้นหวัง?
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือพูดเหมือนจะช่วยเขาแต่ความจริงฟางเจิ้งจือรู้ว่าพวกเขาเพียงแค่พยายามทำให้ไป่ฉือสับสน เป้าหมายที่แท้จริงสำหรับคนอย่างพวกเขาคือหนานกงเฮาอย่างไม่ต้องสงสัย
เอาเลย! เขาพูดขึ้น การพึ่งตัวเองดีกว่าการพึ่งพาคนอื่น ฟางเจิ้งจือไม่โง่พอที่จะฝากความหวังไว้กับโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิง
ดังนั้นเขาสามารถจัดการเองได้!
ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่เขาก็ต้องทำ
ตูม!ฟางเจิ้งจือปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายออกมา ชุดเกราะที่มีเปลวไฟสีดำกำลังลุกโชนพร้อมกับแสงสีแดงเลือดที่เปล่งประกาย… ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่พวกมันจะกำลังปรากฎขึ้นบนร่างของเขา
จากนั้นเขารู้สึกว่าร่างกายขยับไปทางแสงสีฟ้าหนึ่งนิ้วแม้จะเป็นระยะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เขารู้สึกมีหวัง
้อา…ยายแก่ สู้กับข้าตรงๆเลย ถ้าเจ้ากล้าพอ!
ตรงๆ? ริมฝีปากของไป่ฉือกระตุกนางอยากจะเตือนฟางเจิ้งจือที่พลาดท่าให้นางก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะพูดนางรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกำลังแผ่ออกมาจากร่างฟางเจิ้งจือ มันแข็งแกร่งจนทำให้เขาหลุดไปจากมือของไป่ฉือได้
เจ้านี่…แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?! ไป่ฉือตกใจกับพลังของฟางเจิ้งจือที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด มันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมเขาได้ ตูม!ในตอนนั้นเอง สายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาบที่แหลมคม และพุ่งไปที่หว่างคิ้วของนาง
ไป่ฉือรู้ว่านี่เป็นพลังของฟางเจิ้งจือนางรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างสายฟ้านี้กับสายฟ้าธรรมดา
ผสานเต๋า?
ไป่ฉือยกมือขึ้นข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัวสายฟ้าสีทองปรากฎขึ้นในมือของนางอย่างรวดเร็ว
จัดการ! ไป่ฉือตะโกนขณะที่สายฟ้าสีทองพุ่งออกจากมือของนางมันพุ่งไปหาสายฟ้าสีม่วงด้วยความเร็วสูง
แต่ทันใดนั้นเองนางรู้สึกว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นด้วยลางสังหรณืที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามไป่ฉือไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือกลายเป็นต้นกำเนิดของลางอันตรายนั้นได้อย่างไร ทั้งๆที่นางอยู่ในร่างอสูร…
ขณะที่นางกำลังคิดก็ตระหนักว่าสายฟ้าสีม่วงที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดเคลื่อนไหวกระทันหันและเกิดเป็นฉากที่แปลกประหลาด
สายฟ้าหายไป
จากนั้นนางก็รู้สึกถึงแสงสว่างที่ส่องผ่านดวงตา
ดาบ?! ในที่สุดไป่ฉือก็เห็นแสงสีม่วงอย่างชัดเจนมันไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นดาบยาวที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้า
ดาบไร้ร่องรอย!
เกือบจะในทันทีนางหันหลังแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น มันก็กระแทกที่แผ่นหลังของนางอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ร่างของไป่ฉือสั่นไหวนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หลัง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามสายเลือดพวกนั้นถูกกลืนกินโดยดาบไร้ร่องรอยทันทีพร้อมกับส่งเสียงคร่ำครวญเบาๆออกมา ฉากนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก
มันเร็วเกินไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาตั้งแต่การหลบหนีของฟางเจิ้งจือ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งถูกปล่อยออกมา รวมไปถึงการโจมตีของดาบไร้ร่องรอย
หลังจากไป่ฉือถูกโจมตีด้วยดาบไร้ร่องรอยเหล่าราชาอสูรต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เขาทำจักรพรรดิอสูรนีบาดเจ็บ!
เป็นไปไม่ได้!
ไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเองได้พวกเขามั่นใจว่าจักรพรรดินีอสูรไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
โฮก!
โฮก….
เหล่าราชาอสูรต่างพากันส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องจักรพรรดินีอสูรเป็นผู้ที่อยู่เหนือพวกเขาทั้งหมด ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบ ทันทีที่ดาบไร้ร่องรอยโจมตีไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็เคลื่อนที่เข้าหาแสงสีฟ้า
ในขณะเดียวกันร่างของหนานกงเฮาก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าไป่ฉือ
ใช่แล้วสลับตำแหน่ง(วิชาเต๋าสวรรค์)!
การเปลี่ยนตำแหน่งสร้างความประหลาดใจให้กับไป่ฉือแม้นางจะรู้ว่าฟางเจิ้งจือหนีไปแล้ว แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเปลี่ยนตำแหน่งกับหนานกงเฮากลับมาเช่นนี้
สลับตำแหน่งด้วยวิชาเต๋าสวรรค์? ไป่ฉือตระหนักได้ในที่สุด นางไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรเมื่อเห็นหนานกงเฮา
คำตอบนั้นอยู่ตรงหน้า
การหลบหนีของฟางเจิ้งจือได้ส่งหนานกงเฮาคืนให้นางถ้านางรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ นางคงปล่อยฟางเจิ้งจือไปด้วยความยินดี หนีไปแม้ว่าเจ้าจะหนีข้าไปได้ในวันนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจับเจ้าได้ในสักวันอยู่ดี ไป่ฉือไม่กังวลแม้แต่น้อย เทียบกับการฆ่าฟางเจิ้งจือแล้ว การควบคุมหนานกงเฮามีความสำคัญกว่ามาก
ไป่ฉือยื่นมืออกไปคว้าไหล่ของหนานงเฮาไว้และลืมเรื่องของฟางเจิ้งจือ นางรู้ว่าเขาจะไม่หันกลับมาหลังจากหนีไปได้
อย่างไรก็ตาม…
ฟางเจิ้งจือกลับมา
นอกจากนี้มันเร็วมากทันทีที่หนานกงเฮาปรากฎตัวต่อหน้าไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็ปรากฎตัวที่ด้านหลังของนาง
ในขณะนั้นเองเขาเตะไปที่หัวของไป่ฉือ
ตูม!
พลังของแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกลางอากาศผู้ที่มองอยู่ด้านล่างไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงไป่ฉือเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น หนีไปแม้ว่าเจ้าจะหนีข้าไปได้ในวันนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจับเจ้าได้ในสักวันอยู่ดี ไป่ฉือไม่กังวลแม้แต่น้อย เทียบกับการฆ่าฟางเจิ้งจือแล้ว การควบคุมหนานกงเฮามีความสำคัญกว่ามาก
ไป่ฉือยื่นมืออกไปคว้าไหล่ของหนานงเฮาไว้และลืมเรื่องของฟางเจิ้งจือ นางรู้ว่าเขาจะไม่หันกลับมาหลังจากหนีไปได้
อย่างไรก็ตาม…
ฟางเจิ้งจือกลับมา
นอกจากนี้มันเร็วมากทันทีที่หนานกงเฮาปรากฎตัวต่อหน้าไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็ปรากฎตัวที่ด้านหลังของนาง
ในขณะนั้นเองเขาเตะไปที่หัวของไป่ฉือ
ตูม!
พลังของแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกลางอากาศผู้ที่มองอยู่ด้านล่างไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงไป่ฉือเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น แต่ไป่ฉือกลิ้งไปด้านข้างร่างของนางหมุนไปสองสามรอบบนท้องฟ้า
จะหนีหลังจากที่มากัดข้างั้นเหรอฝันไปเถอะ! ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมาพร้อมหน้าที่บูดบึ้ง
ราชาอสูรเหล่าศิษย์ ต่างพากันตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ไม่มีใครคิดว่าฟางเจิ้งจือจะกลับมาหลังจากหนีจากการควบคุมของไป่ฉือไปได้แล้ว
แต่เขากลับมา…
ไม่เพียงแค่นั้นเขายังส่งไป่ฉือกระเด็นไปไกลได้สำเร็จ
มันไร้สาระแค่ไหนกัน?
มันเป็นไปได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือ…บ้าไปแล้วเหรอ?
เขาจะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆแต่เขาก็สามารถเตะไป่ฉือกระเด็นไปไกล!
เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นฟางเจิ้งจือคิดจะหนีอย่างเห็นได้ชัด แล้วทำไมถึงหันกลับมา?
แน่นอนว่าฟางเจิ้งจือไม่สนใจจะตอบคำถามพวกนี้
ในฐานะคนๆหนึ่งเขาควรหนีเมื่อมีพลังไม่มากพอ นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่า เขาต้องกลัวที่จะโจมตีเมื่อมีโอกาส ถ้าเขาเป็นแบบนั้นจะเรียกว่าคนได้ยังไง!
ถ้าชนะไม่ได้ก็หนีแต่ถ้าชนะได้ก็ไม่ควรหนี!
เป็นเรื่องที่ง่ายมากนั่นคือคุณค่าของฟางเจิ้งจือ ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่เข้าใจ เขาจะสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ
ถึงมันจะดูบ้าบิ่นแต่มันก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของเขา แม้เขาจะต้องทนเสียเปรียบก็ตาม
แน่นอนว่าหลังจากเตะไป่ฉือแล้วฟางเจิ้งจือก็หนีไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
ก่อนที่เขาจะหนีไปอีกครั้งเขาไม่ลืมที่จะชูนิ้วกลางใส่นางอย่างแน่นอน
…
…
ขณะที่มองดูฟางเจิ้งจือหนีไปทุกๆคนต่างก็แข็งค้างไปอย่างไม่น่าเชื่อ
……………………………………..