ฟางเจิ้งจือลุกขึ้นช้าๆเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่สดใสเบื้องหน้า เจ้าคิดว่าอะไรคือจุดอ่อนที่สุดของเผ่าปีศาจ?
จุดอ่อน? วู่จวี้เอ๋อหยุดคิดสักพัก แม้เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ความแตกต่างของทั้งสองเองก็นับได้ว่ายังคงเป็นปัญหาใช่ไหม?
ทั้งใช่และไม่ใช่ ฟางเจิ้งจือพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า
เจ้าหมายความว่ายังไง? วู่จวี้เอ๋อยังคงถามต่อไป
ข้าคิดว่าปัญหาที่เจ้ากล่าวหยุนชิงวูย่อมคิดออกเช่นกันและนางคงกำลังพยายามแก้อยู่ แม้ความขัดแย้งของทั้งสองเผ่าพันธุ์จะปะทุขึ้นมาก็คงเป็นตอนที่มนุษย์พ่ายแพ้ไปแล้ว
เจ้าพูดถูกความขัดแย้งจะถูกมองข้ามไปเมื่อพวกเขามีศัตรูเป็นมนุษย์… วู่จวี้เอ๋อพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด
จริงๆแล้วจุดอ่อนของพวกเขาคือเรื่องจำนวน!
จำนวน?!เจ้าพูดถูกทั้งปีศาจและอสูรมีจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะพวกอสูร! ดวงตาของวู่จวี้เอ๋อเบิกกว้าง
กลับกันมนุษย์นั้นตรงกันข้ามพวกเรามีจำนวนมากกว่าพวกมันหลายเท่า ฟางเจิ้งจือกล่าวต่อไป
ใช่แล้ว! วู่จวี้เอ๋อพยักหน้าอย่างไรก็ตามนางขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วมันยังไง? ในสนามรบพวกเราไม่ได้ได้เปรียบในเรื่องจำนวนเลย และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้…ไม่ว่าพวกเราจะมีจำนวนมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีทางต่อกรกับเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าปีศาจได้?
ใช่พวกเราไม่สามารถเอาชนะได้! ฟางเจิ้งจือไม่ปฏิเสธ แล้ว?
บอกข้าถึงสถานการณ์ในปัจจุบันก่อนมันเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะเข้าใจในตอนนี้ แต่อีกไม่นานเจ้าจะเข้าใจ ฟางเจิ้งจือไม่ได้อธิบายต่อไป แสงสีเงินส่องสว่างในดวงตาของเขา
…
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงวู่จวี้เอ๋อได้สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟางเจิ้งจือฟังอย่างรวดเร็ว
เมืองเกล็ดทองถูกเผ่าปีศาจบุกยึดแล้ว
ดินแดนภูเขาทางใต้ได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากอาณาจักรเซี่ยเพราะถูกพวกปีศาจบุกเช่นกัน
ฟางเจิ้งจือไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้
เพราะหยุนชิงวูมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นตอนนี้เท่ากับอาณาจักรเซี่ยโดนบุกทั้งตอนเหนือและใต้
เมืองเกล็ดทอง…จากการคาดเดาของข้าคนเกือบทั้งหมดในจักรวรรดินักรบศักดิ์สิทธิ์เป็นคนของหยุนชิงวู หรือก็คือทั้งจักรวรรดิตกอยู่ในการควบคุมของหยุนชิงวูแล้ว ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้ว
ใช่แล้วการที่เมืองเกล็ดทองถูกบุกเท่ากับเป็นการเปิดเส้นทางไปสู่จักรวรรดินักรบศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรเซี่ยสามารถถูกบุกได้อย่างง่ายดาย โชคดีที่ฉือเฮาน่าจะหาทางขัดขวางไว้ได้กองตรวจการทั้งห้ายังมีความสามารถในการต่อสู้อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกจักรวรรดินักรบศักดิ์สิทธิ์คงบุกโจมตีเมืองหลวงแล้ว วู่จวี้เอ๋อกล่าว
เจ้าบอกว่านิกายซวนจีเองก็น่าจะถูกเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจควบคุมได้แล้วใช่ไหม?
อืมข้าได้ข้อมูลมาจากสายที่ข้าแฝงไว้ในนิกายซวนจีอย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ วู่จวี้เอ๋อส่ายหน้า
อำนาจของนิกายซวนจีนั่นกระจายไปทั่วอาณาจักรนักรบสูงสุดและอาณาจักรแสงจันทร์ศิษย์ของนิกายส่วนมากมาจากสองอาณาจักรนั้น ถ้าเผ่าอสูรและปีศาจสามารถควบคุมนิกายซวนจีได้ก็เท่ากับพวกเขาสามารถควบคุมชนชั้นสูงของทั้งสองอาณาจักรได้แล้ว
อืมเจ้าเข้าใจถูกแล้ว วู่จวี้เอ๋อพยักหน้า
จักรวรรดินักรบศักดิ์สิทธิ์และอาณาจักรเซี่ยเกี่ยวข้องกันตรงเมืองเกล็ดทองขณะที่จักรวรรดินักรบสูงสุดเกี่ยวข้องกับอาณาจักรแสงจันทร์ที่นิกายซวนจี
ท่านอาจารย์มาเยี่ยมเจ้าตอนที่หมดสติครั้งหนึ่งเขาจากไปหลังจากเห็นเจ้าไม่ส่งสัญญานว่าจะตื่นขึ้นมา ตอนนี้เขากำลังตรงไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ทุกสำนักต่างยอมรับให้ศาลาหยินหยางเป็นผู้นำและรวบรวมหลายสำนักเข้าไว้ด้วยกันที่’ภูเขาหลิงเซียว’ด้านนอกศาลาหยินหยาง
ศาลาหยินหยาง? ฟางเจิ้งจือกำมือแน่น
หืมมันเป็นเพราะผลลัพธ์ที่เกิดจากการแข่งขันกันที่ภูเขาสวรรค์ เหยียนซิวเป็นคนเดียวที่ชนะ ดังนั้นศาลาหยินหยางจึงกลายเป็นผู้นำ วู่จวี้เอ๋ออธิบาย เหยียนซิว… ฟางเจิ้งจือทอดสายตามองออกไปไกล
เจ้าคิดถึงเขางั้นรึ? วู่จวี้เอ๋อถาม
หืมน่าเศร้าที่เขาจำอะไรไม่ได้ ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและถอนหายใจ
พวกเจ้าเป็นสหายกันแม้เหยียนซิวจะจำเจ้าไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงในข้อนี้ พวกเจ้ายังคงเป็นสหายกันเสมอใช่ไหม? วู่จวี้เอ๋อถามกลับ
ฮ่าฮ่าใช่พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป! ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและถามเรื่องอื่น จากที่เจ้าพูดตัวตนที่ทรงพลังได้ปรากฎขึ้นในเผ่าปีศาจและเผ่าอสูร อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ได้โจมตีไปที่’ภูเขาหลิงเซียว’โดยตรง แต่พวกนั้นกลับแบ่งกำลังออกโจมตีตำแหน่งที่แตกต่างกันสี่ที่ใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือถามอีกครั้ง
ใช่แล้ว วู่จวี้เอ๋อพยักหน้า
เจ้าคิดยังไงกับสี่ตำแหน่งนั้น? ฟางเจิ้งจือจุดลงบนแผนที่มันแสดงถึงตำแหน่งสี่ตำแหน่งที่แตกต่างกัน
ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบทุกที่แล้วมันเป็นจุดศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลก นอกจากที่ศาลาเต๋าสวรรค์แล้วทั้งสี่ตำแหน่งนั้นน่าจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่! วู่จวี้เอ๋ออธิบาย
อืมอีกเรื่องคือหยุนชิงวูใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการนำหลินจีและหลินยู่ไปที่เมืองเงาเลือด เจ้าคิดว่าเป้าหมายของนางคืออะไร? ฟางเจิ้งจืออยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องทันที
นางกลัวว่าเราจะแอบลอบโจมตีเมืองเงาเลือดหรือเปล่า?
ถ้าเป็นเช่นนั้นแค่เทพอสูรคนเดียวก็พอแล้วทำไมนางต้องการถึงสอง?
เรื่องนี้…มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?
มีสัตว์ร้ายจำนวนมากในดินแดนภูเขาทางใต้ถ้าพูดให้ถูกมีสองเหตุผลสำคัญที่หยุนชิงวูต้องการครอบครองดินแดนส่วนนั้นหนึ่งคือทำลายกำแพงที่ขวางกันเผ่าปีศาจเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งคือนางต้องการพวกสัตว์ร้ายเพิ่มเติมซึ่งนางต้องพึ่งหลินจีในเรื่องนี้!
ข้าเข้าใจอย่างไรก็ตามข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงจำเป็นต้องใช้เทพอสูรถึงสองคน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสี่ตำแหน่งและตัวตนที่ทรงพลังทั้งสี่นั้นเกี่ยวข้องกันยังไง? วู่จวี้เอ๋อสับสน
มันเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน ฟางเจิ้งจือยืนยัน จากนั้นเขาก็ใช้กิ่งไม้เพื่อสร้างจุดอื่นๆบนแผนที่ ดินแดนทางใต้เป็นพื้นที่ที่มีทรัพยการมากมายและอยู่ใก้ลอาณาจักรเซี่ยมากรวมถึงใกล้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ลองดูตำแหน่งทั้งสี่ดีๆสิ
ความเชื่อมโยงของพวกมัน… วู่จวี้เอ๋อมองแต่ละตำแหน่งที่ฟางเจิ้งจือจุดเอาไว้จากนั้นท่าทีของนางก็เปลี่ยนไป ห้าธาตุ?!
ใช่แล้วห้าธาตุ! ถ้าข้าเดาไม่ผิดก้าวต่อไปของหยุนชิงวูหลังจากที่ยึดครองแดนใต้ได้แล้วคือวางตำแหน่งของหลินจีไว้ที่จุดนี้!
นี่…ถ้าเป็นแบบนี้งั้น..มนุษย์มันเป็นจุดจบของมนุษย์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกล้อมรอบไว้ด้วยค่ายกลห้าธาตุไม่มีทางที่พวกเราจะรอดไปได้…ไม่ ท่านอาจารย์กำลังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์…เขาจะ.. หน้าของวู่จวี้เอ๋อกลายเป็นสีขาวซีด
วางใจได้ข้าคิดว่าตาเฒ่านั้นคงปลอดภัยอีกอย่างน้อยหนึ่งปี
หนึ่งปี?!ทำไมกัน?
ค่ายกลห้าธาตุยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นยิ่งไปกว่านั้นทั้งสี่อาณาจักรยังมีความสามารถในการต่อสู้อยู่ หยุนชิงวูน่าจะยังไม่รีบโจมตี
แล้วนางจะทำอะไร?
มันเหมือนกับการเล่นหมากรุกหลังจากยึดตำแหน่งสำคัญต่างๆได้แล้วก็คือขยายพื้นที่ในการทำสงครามในเวลาไม่ช้ากองทัพของปีศาจต้องเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และพวกสัตว้รายตามพื้นที่ต่างๆจะถูกควบคุมโดยเผ่าอสูร และแน่นอนว่าตัวตนระดับเทพต้องมีจำนวนเพิ่มขึ้นแน่นอน หยุนชิงวูคงรอให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดจึงโจมตี!
หมายความว่านางต้องการให้แผนของตัวเองสมบูรณ์แบบก่อน?
ใช่อย่างแรกนางต้องการยึดครองทั้งสี่อาณาจักรจากนั้นก็สร้างค่ายกลห้าธาตุเพื่อโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทำไมนางถึงไม่โจมตีมนุษย์โดยตรงเลยล่ะ?กว่าครึ่งของมนุษย์รวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาหลิงเซียว นางแค่จับทุกคนเอาไว้…
ไม่เจ้าเข้าใจผิด นางไม่สามารถจับทุกคนได้!
ไม่สามารถทำได้?ข้า…ข้าไม่เข้าใจ วู่จวี้เอ๋อยังคงสับสน ไม่ว่าดูยังไงในตอนนี้เผ่าอสูรและเผ่าปีศาจก็มีความสามารถมากพอในการต่อสู้กับมนุษย์
เจ้าลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปจุดอ่อน!
จำนวน? ใช่ทำไมหยุนชิงวูถึงปล่อยให้ทุกสำนักหนีไปจากภูเขาสวรรค์ในตอนนั้น? ฟางเจิ้งจือถามอีกครั้ง
…ข้าไม่แน่ใจ
งั้นข้าลองถามแบบนี้ถ้าเจ้าใช้เพียงมือเดียวจะโกยทรายทั้งหมดได้ไหม? โดยไม่ใช้พลังเลยนะ ฟางเจิ้งจือพูดพร้อมชี้ไปที่บ่อทรายหน้าบ้าน
มือเดียว?ไม่มีทาง! วู่จวี้เอ๋อตอบอย่างรวดเร็ว
วิธีง่ายๆคือผสมน้ำลงในทรายจากนั้นทำให้มันแข็งตัวกลายเป็นซีเมนต์!
ซีเมนต์? วู่จวี้เอ๋อไม่แน่ใจว่าฟางเจิ้งจือหมายถึงอะไร แต่นางก็เข้าใจจุดประสงค์ที่ฟางเจิ้งจือพูด เจ้าหมายความว่านางทำไปเพราะมีจุดประสงค์ใช่ไหม?
ใช่แล้วมีมนุษย์มากเกินไป แค่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีมากกว่าร้อยสำนักและนิกายแล้ว เจ้าคิดว่าหยุนชิงวูต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงฆ่าเซียนได้ทั้งหมด? ฟางเจิ้งจือถามอีกครั้ง
หาเซียนทีละคน…มันเป็นไปไม่ได้ต่อให้เป็นตัวตนอันทรงพลังอย่างเทพอสูร ถ้าเหล่าเซียนเลือกที่จะซ่อนตัว…ข้าเข้าใจแล้วหยุนชิงวูปล่อยทุกคนลงจากภูเขาสวรรค์เพื่อให้มนุษย์ที่แข็งแกร่งรวมตัวกัน?! ในที่สุดวู่จวี้เอ๋อก็เข้าใจ
มนุษย์ต้องการผู้นำหยุนชิงวูหวังว่ามนุษย์จะมีผู้นำเพื่อที่นางจะได้ลงมือฆ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม…ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ เต๋าซิงไม่โง่พอที่จะสู้กับปีศาจและอสูรโดยไม่มีแผนการ เช่นนั้นมันยังเสี่ยงเกินไปที่หยุนชิงวูจะสู้กับมนุษย์ที่แข็งแกร่งทั้งหมดด้วยห้าหรือหกเทพปีศาจหรือเทพอสูร ฟางเจิ้งจือพยักหน้า
งั้นพวกเราควรทำยังไง?
หยุนชิงวูกำลังรอพวกเราก็สามารถรอได้เช่นกัน เพราะการที่นางรอก็เท่ากับมอบเวลาให้พวกเรา ฟางเจิ้งจือกล่าว
แต่เจ้าบอกว่าหยุนชิงวูจะเริ่มโจมตีหลังผ่านไปหนึ่งปีเจ้าหมายความว่าให้รอถึงตอนนั้นงั้นหรือ?
เวลาหนึ่งปีผ่านไปเร็วมากแต่… ฟางเจิ้งจือหยุดพูดไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็มองไปทางภูเขาคังหลิงด้วยแสงสีเงินในดวงตา
มันแปลกมาก
ราวกับมีดวงตาอีกคู่หนึ่งซ่อนอยู่ในดวงตาของฟางเจิ้งจือ
วู่จวี้เอ๋อไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้นางยังคงถามฟางเจิ้งจือด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วยังไงต่อ?
แต่..ข้าต้องการทำบางอย่างก่อน! ฟางเจิ้งจือยิ้มอย่างมั่นใจ
……………………………………..