เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด
อย่างน้อยก็เร็วกว่าหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองดูเจ้าปีศาจที่พุ่งเข้าไปหาหลินจี
จากนั้น…
ไม่มีจากนั้น
เพราะแม้เจ้าปีศาจจะเร็วแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถเทียบกับฟางเจิ้งจือได้
ขาของฟางเจิ้งจือเตะร่างเจ้าปีศาจไปชนกับผนังถ้ำอย่างรวดเร็ว
ด้านหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามหลังจากพวกเขาได้สติก็วิ่งไปรุมกระทืบเจ้าปีศาจด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว
ตึง!
ตุ้บ!
… เสียงเตะต่อยดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนร่างกายของเจ้าปีศาจไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
ฟางเจิ้งจือรู้สึกช่วยไม่ได้เมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้านหลินจีเสียงของนางนั้นเบาและอ่อนแอลงมาก ฟางเจิ้งจือสามารถจับใจความได้เพียงต้นประโยค แหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ภูเขา…
อะไร?เจ้าพูดว่าอะไร? แหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน?! ฉานยู่โน้มตัวเข้าไปหาหลินจีโดยไม่รู้ตัวเพื่อคาดคั้นคำพูดที่เหลือ
ยัยโง่! ฟางเจิ้งจือรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อเห็นฉานยู่โน้มตัวลงไป
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
หลินจีเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้านางอ้าปากที่มีเขี้ยวอันแหลมคมทั้งสองข้าง
ฟางเจิ้งจือต้องการหยุดนาง
แต่หลินจีอยู่ใกล้กับฉานยู่มากเกินไป ด้วยพลังบางอย่างร่างของนางถูกดึงเข้าใกล้หลินจีอย่างรวดเร็ว
กรี้ด! ฉานยู่กรีดร้องด้วยความตกใจ
เขี้ยวสองข้างฝังลงบนลำคอขอฉานยู่ของเหลวสีม่วงไหลออกมาจากเขี้ยว
ปล่อยนางซะไม่อย่างงั้นเจ้าตาย! ฟางเจิ้งจือเหวี่ยงหมัดไปหาหลินจีอย่างไม่ลังเล
ตูม!
ร่างของหลินจีถูกส่งกระเด็นออกไปทั้งเลือดและของเหลวสีม่วงกระจายไปทั่วอากาศ
ระวังผู้อาวุโส! ฉานยู่รีบเอาตัวบังฟางเจิ้งจือจากของเหลวสีม่วงเหล่านั้นทันที
ของเหลวเหล่านั้นตกกระทบกับหลังของฉานยู่ราวกับลาวาร้อนที่เผาไหม้หลังนาง
ใบหน้าของฉานยู่กลายเป็นสีม่วงก่อนที่นางจะครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฉานยู่! ฟางเจิ้งจือกอดฉานยู่แน่น ดวงตาแดงก่ำของเขาจ้องไปยังหลินจีที่นอนอยู่บนพื้น ตาย!
ฟางเจิ้งจือจับมือของฉานยู่ที่ถือกริชอยู่และพุ่งเข้าหาหลินจี
ฉั๊วะ!
หัวกระเด็นขึ้นไปบนอากาศในเวลาเดียวกันศพบนพื้นค่อยๆกลายร่างเป็นงูตัวใหญ่ที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ บนหัวของมันมีดวงตาสีเขียวสองคู่
ฮ่าฮ่าเมิ่งเทียน ต่อให้ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าฆ่าฉานยู่ได้ ฮ่าฮ่า! ข้าเป็นเทพจากสงครามครั้งโบราณ ข้าไม่มีทาง…
ตูม!ก่อนที่นางจะพูดจบส่วนหัวของนางก็ถูกบขยี้อย่างรุนแรงด้วยเท้าของฟางเจิ้งจือ ร่างของงูเหลือเพียงแค่ส่วนหางเท่านั้น
ฝ่าบาท!
ผู้อาวุโสโปรดช่วยฝ่าบาทด้วย!
นางอสูรชั่วช้า!ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามต่างตกตะลึงกับฉากที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้สติพวกเขารีบตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วงฉานยู่ทันที
ผู้อาวุโสโปรดช่วยนางด้วย!
ได้โปรด!
…
หุบปาก! ฉานยู่หยุดหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามจากนั้นนางก็จับแขนของฟางเจิ้งจือเอาไว้แน่น ผู้อาวุโส หลินจีได้บอกว่า…บอกว่า…
ฉานยู่หยุดพูดก่อน ฟางเจิ้งจือต้องการให้ฉานยู่อยู่เฉยๆก่อนยิ่งนางพูดเท่าไรพิษยิ่งไปถึงหัวใจเร็วขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามฉานยู่ส่ายหัวเบาๆใบหน้าที่กลายเป็นสีม่วงของนางเผยให้เห็นการตัดสินใจอย่างแน่วแน่
ฟางเจิ้งจือรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้เขารู้ว่านางต้องการจะใช้ลมหายใจสุดท้ายเพื่อถ่ายทอดคำพูดของหลินจีให้เขา
ได้เจ้าบอกข้ามา ฟางเจิ้งจือค่อยๆส่งพลังเข้าไปในร่างของฉานยู่เพื่อปกป้องหัวใจของนาง ขอบคุณ…ขอบคุณผู้อาวุโสมาก…แหล่งพลังเทพเจ้า…อยู่ที่ภูเขาสวรรค์!
อืมข้าเข้าใจแล้ว!
ดูเหมือนการเสียสละของข้า…จะไม่เปล่าประโยชน์อย่างไรก็ตาม ข้า…ข้ามีความปรารถนาสุดท้ายอยากจะร้องขอท่าน…ผู้อาวุโส…
พูดออกมา
ข้าอยากจะเห็นฟาง…ฟางเจิ้งจือเป็นครั้งสุดท้าย…ข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ผู้อาวุโส ข้า…ข้าเพียงหวังว่าหลังจากที่ข้าตาย …ท่านจะนำร่าง…นำร่างของข้าไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรเซี่ย…แล้วนำร่างของข้า… เลือดสีม่วงจำนวนมากไหลออกมาจากริมฝีปากของฉานยู่ นางพยายามจะสั่งเสียสิ่งที่นางต้องการเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่เจ้าสามารถเจอเขาได้เลย เขาอยู่ข้างๆเจ้า! ร่างของฟางเจิ้งจือสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด เขาจะสามารถปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองต่อไปได้ยังไง? แม้มันจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแม้เจ้าปีศาจจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ตาม
มีเรื่องมากมายที่เขาต้องคิด…
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น
ฟางเจิ้งจือถอดหน้ากากสีดำบนใบหน้าออก
ใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางเจิ้งจือปรากฎขึ้นต่อหน้าฉานยู่
อย่างไรก็ตามใบหน้านี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อยเพราะนางไม่ได้เจอฟางเจิ้งจือนานมากแล้ว
เจ้าไร้ยางอาย..ที่แท้ก็เป็นเจ้า! ดวงตาของฉานยู่เบิกกว้าง นางหายใจหอบถี่
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามและเจ้าปีศาจตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ฟางเจิ้งจือ!
เทพสงครามที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกคือฟางเจิ้งจือ!
เดี๋ยวก่อน!
กล่าวอีกอย่างคือชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาคือผู้ที่แบ่งหอปีศาจและเมืองเงาเลือดออกเป็นสองส่วน!
ฟางเจิ้งจือ! แม้แต่เจ้าปีศาจก็ทำใจเชื่อไม่ได้ เพราะเขาได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้วว่าฟางเจิ้งจือนั้นอยู่ที่หมู่บ้าน
ดังนั้นทำไมฟางเจิ้งจือจึงปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา?
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้ชื่อของเมิ่งเทียน?!
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามไม่เชื่อพวกเขาเพียงเคยเห็นฟางเจิ้งจือที่อยู่ในระดับจุติต่อสู้ในสงครามแดนใต้เท่านั้น
ผ่านไปเป็นเวลานาน…
ฟางเจิ้งจือผู้ไร้ยางอายได้กลายเป็นเทพสงครามผู้ผ่าเมืองเงาเลือดออกเป็นสองส่วนได้ด้วยดาบเดียว!
มันทั้งน่าตกตะลึงและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน!
ฉานยู่เจ้ามั่นใจได้ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ข้าจะไม่ให้เจ้าตาย! ฟางเจิ้งจือไม่สนใจท่าทีของหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามและเจ้าปีศาจ เขาหันไปมองไข่มุกอสูรที่วางอยู่บนพื้น ใช่แล้ว ตราบใดที่มีไข่มุกอสูร เจ้าไม่มีทางตาย!
ฟางเจิ้งจือเช็ดไข่มุกอสูรเล็กน้อยด้วยชายเสื้อเขาจำได้ตอนที่ปิงหยางใกล้ตาย นางก็ได้ไข่มุกอสูรช่วยชีวิตนางไว้
มันต้องช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉานยู่ได้
โดยไม่ลังเลฟางเจิ้งจือเตรียมจะใส่ไข่มุกอสูรเข้าไปในปากของนาง อย่างไรก็ตามเขากลับหยุดมืออย่างฉับพลัน
เดี๋ยวก่อนมีบางอย่างผิดปกติ! จิตใจของฟางเจิ้งจือกำลังปั่นป่วน แต่มีเสียงหนึ่งในใจบอกว่ามันผิดปกติ
ผู้อาวุโส?โอ้ ไม่ใช่ๆ…นายน้อยฟาง ไข่มุกอสูรนี้สามารถช่วยท่านฉานยู่ได้ใช่ไหม? หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามถามออกมาด้วยความสงสัย
โปรดช่วยฝ่าบาทด้วยนายน้อยฟาง!
ใช่แล้วนายน้อยฟางถ้าท่านช่วยฝ่าบาท ชาวบ้านในดินแดนภูเขาทางใต้ต้องรู้สึกขอบคุณท่านไปตลอดชีวิต!
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามกังวลทันทีเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือหยุดมือตอนนี้ฉานยู่ดูอ่อนแอถึงขีดสุดแล้ว
ไข่มุกอสูรสามารถรักษานางได้แต่ว่า… ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้วเขากำลังพิจรณาถึงอะไรบางอย่าง
งั้นท่านกำลังรออะไร? หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะคุกเข่าลงในทันที นายน้อยฟาง พวกเรารู้ว่าไข่มุกอสูรนั้นมีค่ามาก แต่อนาคตของดินแดนภูเขาทางใตนั้นขึ้นอยู่กับท่านฉานยู่ ได้โปรดนายน้อยฟาง…
ใช่แล้วที่ท่านฉานยู่หลงกลหลินจีเพราะนางต้องการรู้ที่ซ่อนของแหล่งพลังเทพเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นท่านฉานยู่ยังเชื่อใจนายน้อยฟาง…
เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ฟางเจิ้งจือหันหน้าไปหาหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามทันที
หา?พวกเราบอกว่า…ท่านฉานยู่เชื่อใจนายน้อยฟาง…
ไม่ใช่ประโยคก่อนหน้านี้
ประโยคก่อนหน้า?อ้อ…ท่านฉานยู่หลงกลหลินจีเพราะนางต้องการรู้ที่ซ่อนของแหล่งพลังเทพเจ้า…
ใช่ที่ตั้งของแหล่งพลังเทพเจ้า! ฟางเจิ้งจือรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
เกือบแล้วเขาเกือบที่จะฆ่าฉานยู่ด้วยมือของตัวเองแล้ว
หลินจีนั้นเป็นอสูรที่เจ้าเล่ห์จริงๆ
นี่เป็นฉากที่นางหวังไว้ว่าจะให้เกิดขึ้นยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ ถ้าหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามไม่กล่าวถึงเรื่องที่ตั้งของแหล่งพลังเทพเจ้า ฟางเจิ้งจือไม่มีทางคิดออกแน่นอน
ตอนนี้เขาเห็นช่องโหว่ในแผนการของนาง
ตอนที่หลินจีแค่กัดฉานยู่ทั้งๆที่นางเลือกจะฆ่าเลยก็ได้
มันอาจจะดูไม่มีอะไรผิดปกติแต่นั่นเป็นแผนการของนาง
นางปล่อยให้ฟางเจิ้งจือรอดเพื่อที่ฉานยู่จะได้บอกแผนการของนางจากนั้นนกตัวแรกคือฟางเจิ้งจือที่ต้องการจะช่วยฉานยู่ การให้ไข่มุกอสูรกับฉานยู่เท่ากับการฆ่านาง
ถ้าฟางเจิ้งจือทำแบบนั้นเขาจะกลายเป็นศัตรูกับดินแดนภูเขาทางใต้ทันที
นอกจากนี้จะกลายเป็นศัตรูกับอาณาจักรเซี่ยและหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
นี่คือนกตัวที่สอง
เมิ่งเทียนและฟางเจิ้งจือ!
นั่นคือสิ่งที่หลินจีรวมทั้งเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจต้องการจะเห็น การต่อสู้ระหว่างเสือสองตัวย่อมมีฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บหนักแน่นอน
แผนของหลินจีคือทั้งหมดนี้
นางเปิดเผยที่อยู่ของแหล่งพลังเทพเจ้าและใช้ฉานยู่เป็นตัวส่งข้อความให้ฟางเจิ้งจือ
ภูเขาสวรรค์
ไม่มีใครรู้ว่าแหล่งพลังเทพเจ้าที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง
หลินจีต้องการยืมมือของเมิ่งเทียนเพื่อฆ่าฉานยู่และต่อสู้กับฟางเจิ้งจือนอกจากนี้นางยังใช้ชื่อภูเขาสวรรค์เพื่อเป็นกับดักสำหรับเมิ่งเทียนนั่นคือนกตัวที่สาม
เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ!
……………………………………..