Gate of God – ตอนที่ 963 ข้ายังไม่อยากตาย!!

ตอนที่ 963 ข้ายังไม่อยากตาย!!

  ฟางเจิ้งจือก็หัวเราะเช่นกันเขาหัวเราะอย่างเหยียดหยามและล้อเลียนหลินจีราวกับนางเป็นคนโง่

   เจ้าหัวเราะทำไม? หลินจีสั่นสะท้านเพราะความเปล่งประกายในดวงตาของฟางเจิ้งจือและหยุดยิ้ม

   ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแต่… 

   แต่อะไร? 

   แม้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ทำอย่างเช่น…ฉานยู่? ในขณะที่พูดฟางเจิ้งจือหันมองที่ปากถ้ำ  ราชินีแดนใต้เข้ามานี่หน่อย 

   ทำไมถึงเรียกหาข้า? เสียงของฉานยู่ดังขึ้นก่อนที่จะปรากฎตัวที่ปากถ้ำ

  เห็นได้ชัดว่าฉานยู่ไม่ได้ไปไหนไกลหรือยิ่งกว่านั้นนางคงไม่มีทางยอมให้คนที่ฆ่าพ่อของตัวเองหนีไปต่อหน้าอย่างต่อตาแน่นอน   เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่? ฟางเจิ้งจือชี้ไปที่หลินจี

   เมิ่งเทียนเจ้าคิดว่าจะบังคับข้าได้ด้วยวิธีนี้งั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้! ถ้านางฆ่าข้าจริงๆเจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน! ท่าทีของหลินจีเปลี่ยนไปแต่ก็สงบลงอีกครั้ง ยกเว้นความโกรธแค้นที่อัดแน่นภายในดวงตาคู่นั้น

   ฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อของเจ้าในเมื่อหลุมศพของราชาคนก่อนก็อยู่ใกล้ๆนี้ก็ใช้หัวของหลินจีเคารพหลุมศพของเขาเสียเลย ฟางเจิ้งจือกล่าวอย่างใจเย็น

   ผู้อาวุโส…แต่นาง… ฉานยู่ตกตะลึงเมื่อหันมองฟางเจิ้งจือและหลินจี

  นั่นไม่ได้หมายความว่านางไม่ต้องการแก้แค้นแต่เพราะนางรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดี

  ตอนนี้หลินจีมีค่ามากกว่านั้น

   เจ้าไม่อยากแก้แค้นหรือ? เมื่อเห็นความลังเลของฉานยู่ฟางเจิ้งจือจึงถามอีกครั้ง   อยากสิข้าอยากแก้แค้นจริงๆ ข้าคิดเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่หลินจีฆ่าท่านพ่อตอนที่นางบุกเข้ามาในวัง ข้าก็อยากจะฆ่านางด้วยมือของข้าเอง!  ในขณะที่พูดฉานยู่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ นางกำมือแน่นจนกลายเป็นขาวซีด

   แล้วเจ้ารออะไรอยู่? 

   แต่… 

   นางไม่มีค่าพอสำหรับข้าอีกแล้ว ฟางเจิ้งจือรู้ถึงสิ่งที่ฉานยู่กังวล

   ขอบคุณท่านผู้อาวุโส! ร่างของฉานยู่ก้มโค้งและกำลังจะคุกเข่าลง

  อย่างไรก็ตามนางไม่คุกเข่าลงไปเพราะฟางเจิ้งจือหยุดนางและพยุงร่างของนางเอาไว้

  ในตอนนั้นหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามเดินเข้ามาจากปากถ้ำพร้อมกับเจ้าปีศาจพวกเขามองไปที่ทั้งสองคนก่อนจะหันมองกันและคุกเข่าลง   ฝ่าบาทในที่สุดท่านก็ตายอย่างสงบเสียที! 

   ผู้อาวุโสในนามของประชากรดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราขอขอบคุณ … 

   ผู้คนต่างปรารถนาที่จะได้ฆ่าอสูรสาวตนนี้! 

  หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามคุกเข่าลงด้วยความรวดเร็ว

   โปรดลุกขึ้นหัวหน้าถิ่นฐานพวกเจ้าอยากจะเล่นสนุกกับอสูรสาวตนนี้ก่อนจะฆ่านางไหม? ฟางเจิ้งจือถามขึ้นหลังจากพยุงฉานยู่เอาไว้

   … 

   … 

  แม้แต่ฉานยู่และเจ้าปีศาจเองก็ตกตะลึง

   ต้องการเล่นสนุกกับอสูรสาว? ฟางเจิ้งจือพูดด้วยเจตนาที่ดีหลังจากได้เห็นท่าทีของหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสาม

   ผู้อาวุโสท่านต้องล้อพวกข้าเล่นแน่ๆพวกข้าแค่ต้องการฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้กับฝ่าบาท! หัวหน้าถิ่นฐานมองหน้ากันก่อนจะตอบกลับ

   เมิ่งเทียนเจ้าต้องพิจารณาให้ดี ถ้าเจ้าไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อครอบครองแหล่งพลังเทพเจ้าจะไม่มีโอกาสนั้นให้เจ้าอีกเป็นครั้งที่สองเพราะเทพอสูรและเทพปีศาจที่แท้จริงจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า! เห็นได้ชัดว่าหลินจีไม่อยากตาย

   ผู้อาวุโส ฉานยู่กัดริมฝีปากหลังจากได้ยินคำพูดของหลินจีและหันมองฟางเจิ้งจือ

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือยังคงเงียบสงบเช่นเคยราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่หลินจีพูดแม้แต่น้อย

  ฉานยู่คลายริมฝีปากและในขณะเดียวกันกริชทั้งสองก็ปรากฎขึ้นในมือของนาง

   เมิ่งเทียน!!! หลินจีตะโกนด้วยความโกรธแค้น  ฉานยู่ไม่ได้มองดูที่ฟางเจิ้งจืออีกต่อไปและพุ่งเข้าหาหลินจีด้วยแสงสีแดงที่ส่องประกายราวกับเปลวเพลิงบนกริชทั้งสอง

   ฉานยู่เจ้ากล้าดียังไง! ถ้าฆ่าข้า มนุษย์จะไม่มี… 

  แกร้ง!

  เห็นได้ชัดว่าหลินจีไม่ได้พูดจนจบเพราะกริชทั้งสองแทงเข้าที่หน้าอกซ้ายและขวาของนาง

  อย่างไรก็ตาม…

  กริชทั้งสองไม่ได้ทะลวงเข้าไปในร่างกายของหลินจี

  นั่นเพราะเกล็ดสีดำหนาที่ปกคลุมทั่วร่างด้วยพลังของฉานยู่นางไม่สามารถทำร้ายหลินจีได้แม้แต่น้อย

   ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าอยากจะฆ่าข้างั้นเหรอ… 

  ฟุ่บ!

  เสียงของเราะของหลินจีหยุดลงสีหน้าของนางกลายเป็นแข็งค้างเพราะกริชแทงลึกลงไปที่หน้าอกทั้งสองข้าง

  หยดเลือดค่อยๆไหลท่วมกริชทั้งสอง

   เจ้า…เมิ่งเทียน เจ้า… หลินจีไม่อยากจะเชื่อแต่ร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังฉานยู่

  ฟางเจิ้งจือ!

  นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญสิ่งสำคัญคือเท้าของฟางเจิ้งจือกำลังกดลงบนกริชของฉานยู่!

  หลินจีมองกริชที่ค่อยๆเสียบลึกลงไปที่หน้าอกจากนั้นก็หันมองฟางเจิ้งจือที่อยู่ด้านหลังด้วยแววตาที่แดงก่ำ

  ฟางเจิ้งจือพยายามทำให้นางหวาดกลัวโดยใช้ฉานยู่?

  เป็นไปได้ยังไง?

  หลินจีมั่นใจว่าฟางเจิ้งจือจะสนใจแหล่งพัลงเทพเจ้าเพราะฉะนั้นเขาจะไม่มีทางฆ่านาง

  อย่างไรก็ตามทำไม?

  ฉึก!เสียงดังขึ้นอีกครั้ง  กริชถูกเท้าของฟางเจิ้งจือกดลงไปลึกขึ้นมันเจาะเข้าไปในเกล็ดสีดำของนางจนถึงหน้าอกด้านใน

  เลือดไหลออกมาอีกครั้ง

   หัวใจไม่ใช่จุดสำคัญของเผ่าอสูรต้องทำลายไข่มุกอสูรเท่านั้นถึงจะสามารถฆ่าอสูรได้ ฟางเจิ้งจือพูดเบาๆและไม่สนใจท่าทีของหลินจีแม้แต่น้อย

   ใช่แล้วผู้อาวุโส ฉานยู่โค้งคำนับและพูดขอบคุณ

   เมิ่งเทียนเจ้าจะฆ๋าข้าจริงๆงันหรือ? หลินจีจ้องมองที่ดวงตาของฟางเจิ้งจือและพยายามนึกบางอย่าง

  อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถคาดเดาได้เพราะสิ่งที่เห็นมีแต่ความเงียบสงบ

   หืมอสูรตัวนี้มีพลังที่แข็งแกร่งจริงๆ มันคงยากสักหน่อยที่จะทำลายไข่มุกอสูรของนางด้วยวิธีของเจ้า งั้นข้าจะผนึกพลังของนางแล้วหาตำแหน่งของไข่มุกอสูรก่อน เจ้าจะสามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย ฟางเจิ้งจือพยักหน้าให้ฉานยู่โดยไม่สนใจหลินจีแม้แต่น้อย

   เมิ่งเทียนข้าจะฆ่าเจ้า! หลินจีไม่สามารถทนได้อีกต่อไปหลังจากได้ยินเช่นนั้น เกล็ดหนาขึ้นปกคลุมทั่วร่างความแหลมคมบนเกล็ดเสียดสีกับโซ่ที่มัดร่างของนางจนเกิดเป็นเสียง

  นอกจากนี้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมากดวงตากลายเป็นเขียวเข้มและมีบางอย่างที่คล้ายกับเขาสัตว์งอกขึ้นบนหัว

  ฟู่!ลิ้นแยกออกเป็นสองแฉกยาวออกมาจากปากของนาง

   เจ้าเป็นงูตัวเล็กงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือมองดูลิ้นในปากของหลินจีและเข้าใจรูปลักษณ์เดิมของนางอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามนั่นไม่สำคัญวิธีเดียวที่จะกำราบเชลยที่ดื้อรั้นคือตบนางจนกว่าจะหยุด

  ดังนั้น…   ฟางเจิ้งจือตบนาง

  เขาตบใบหน้าที่มีเขางอกออกมา

  เพี้ยะ!

  พื้นดินสั่นสะเทือนรอยแตกปรากฎขึ้นที่พื้นใต้ร่างของหลินจีและลากยาวไปถึงปากถ้ำ

  ในขณะเดียวกันร่างของหลินจีก็แข็งค้างราวกับวิญญาณของนางหลุดออกจากร่างไปแล้ว

   ฆ่าข้า?ยังไง? ฟางเจิ้งจือมองที่หลินจีอย่างเกลียดชัง

  หลังจากพูดจบร่างของหลินจีก็ล้มกระแทกพื้นและเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

  ฉากนี้ทำให้เจ้าปีศาจตกตะลึงเพราะเขาพึ่งได้เห็นเป็นครั้งถึงวิธีการของฟางเจิ้งจือ

   ตบเพียงครั้งเดียว?เพียงครั้งเดียว… เจ้าปีศาจจำการโจมตีของฟางเจิ้งจือที่เมืองเงาเลือดได้ เขารู้ว่า’เมิ่งเทียน’นั้นทรงพลังมาก

   ไขมุกอสูรอยู่ที่ท้องของนาง ฟางเจิ้งจือไม่ได้สนใจหลินจีเขาเดินตามฉานยู่ไป

  ในขณะเดียวกันเขาของหลินจีได้หายไปนางกลับสูสภาพปกติ

   เมิ่งเทียน…เจ้ามันโหดร้ายจริงๆอย่างไรก็ตามถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องสูญเสียโอกาสสุดท้ายของมนุษยชาติ…มนุษย์ต้องหายไปจากโลกนี้ทั้งหมด!  หลินจีหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าอันบิดเบี้ยวของนางจ้องมองที่ฟางเจิ้งจือ

   เชิญเจ้าจัดการต่อเลย ฟางเจิ้งจือไม่สนใจคำพูดของหลินจีแม้แต่น้อย

  ฉานยู่พยักหน้าโดยไม่ลังเล นางแทงกริชเข้าไปที่ท้อง

  ของหลินจี

   อ้าก!!!…เมิ่งเทียน!!!ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ต่อให้ข้าตายข้าก็ไม่ยอม!!! หลินจีตะโกนร้องออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

  ด้านฟางเจิ้งจือเขาหันหน้าไปด้านข้างอย่างสบายๆ

  เขาไม่ค่อยชอบฉากแบบนี้เท่าไรนักอย่างไรก็ตามเขาสงสัยคำพูดนาง ต่อให้ตายก็ไม่ยอม? ถ้าตายแล้วนางจะไม่ยอมได้ยังไง?

  แปลกจริงๆ

  คนที่กำลังจะตายต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาเหมือนกันหมดเลยงั้นหรือ?น่าเบื่อกมาก!

  ฟางเจิ้งจือส่ายหัวเขาไม่อยากสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้มากนัก

  ในขณะเดียวกันฉานยู่ดึงไข่มุกอสูรออกมาจากท้องของหลินจี

  ทันใดนั้นบรรยากาศอันทรงพลังอบอวลไปทั่วถ้ำ

   นี่คือไข่มุกอสูรใช่ไหม…ทรงพลังมาก! 

  หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามคนมองดูไข่มุกอสูรด้วยความตกตะลึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นไข่มุกอสูร

   ไม่อย่าทำลายไข่มุกอสูรของข้า…ข้า…ข้ายังไม่อยากตาย ข้าจะบอกว่าแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน…ข้าจะบอกเจ้า! หลินจีที่น่าเกรงขามทรุดตัวลงบนพื้นทันทีที่ไข่มุกอสูรถูกดึงออกจากช่องท้องของนางไป

   บอกมาว่าแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน! ฉานยู่ที่กำลังจะแทงไข่มุกอสูรด้วยกริชของนางหยุดรอคำตอบจากหลินจี

   ข้าจะบอก…อย่างไรก็ตามเจ้าต้องสัญญากับข้า…ข้ายังไม่อยากตาย… หลินจีพยักหน้ารับร่างของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

   ไม่!หลินจี เจ้าจะบอกตำแหน่งแหล่งพลังเทพเจ้าไม่ได้!  ในที่สุดเจ้าปีศาจก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาไม่สามารถให้ส่วนหนึ่งในแผนการของหยุนชิงวู

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท