Gate of God – ตอนที่ 969 ข้าชื่อเหยียนซิว

ตอนที่ 969 ข้าชื่อเหยียนซิว

   งั้นเราจะไม่ปล่อยให้เขามาถึงภูเขาหลิงเซียวงั้นหรือ? 

   ไม่มีทางแล้วถ้าเกิดเขาเป็นตัวจริงล่ะ มันจะไม่เป็นการทำลายความหวังของมนุษยชาติงั้นหรือ? 

  ความคิดเห็นที่ขัดแย้งเกิดขึ้นมากมายท่ามกลางการประชุม

  นั่นเป็นเรื่องปกติของกลุ่มพันธมิตร

  การปรากฎตัวของเมิ่งเทียนได้จุดประกายคามหวังให้กับเหล่ามนุษย์แต่มันก็น่าสงสัยและน่าเหลือเชื่อเกินไป

  ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันแต่ก็เป็นธรรมชาติของมนุยษ์

   ข้ามีข้อเสนอ ท่ามกลางความวุ่นวายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

   ขอให้ทุกคนเงียบและฟังคำแนะนำของรองแม่ทัพเหยียน เต๋าฮุนส่งสัญญาณเพื่อให้ทุกคนเงียบลง

  ในขณะเดียวกันร่างหนึ่งก็ลุกขึ้นและก้าวออกมายังศูนย์กลางห้องโถง เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหยียนเฉียนหลี่

   มันง่ายมากในเมื่อเมิ่งเทียนปรากฎตัวขึ้นที่แรกในแดนใต้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรกันมากมาย ทำไมเราไม่ส่งคนไปตรวจสอบดูที่ตีนเขา มันคงจะดีที่สุดหากเราพบและยืนยันตัวตนของเขาได้ เราสามารถสร้างจุดต้อนรับเขาที่ตีนเขาเพื่อต้อนรับเมิ่งเทียนและพิสูจน์ตัวตนของเขา  เหยียนเฉียนหลี่กล่าวขึ้น

   อืมเป็นวิธีที่ไม่เลว เซียนสวรรค์พักพิงยืนขึ้นสนับสนุนคำแนะนของเหยียนเฉียนหลี่

  มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือหันมองกันและพยักหน้ายอมรับในแผนการของเหยียนเฉียนหลี่

  เพราะการต้อนรับเทพสงครามเมิ่งเทียนที่ตีนเขาก็แสดงถึงความเคารพที่มีต่อเขาไม่เพียงแค่นั้นยังสามารถเตรียมรับมือกับสิ่งปริศนานั้นได้อีกด้วย

   อืมข้าเห็นด้วย เต๋าซิงพยักหน้าหลังจากออกความเห็น

   ข้ามีความรู้สึกเมิ่งเทียนจะไม่มาที่ภูเขาหลิงเซียวโดยตรง… ในขณะที่ทุกคนต่างเห็นชอบกับคำแนะนำเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น

  ร่างที่สวมชุดจีนดั้งเดิมและมีใบหน้าที่เย็นชาท่าทีของเขาไม่เหมือนกับความสงบของทะเลสาบแต่ราวกับยอดเขาที่โดดเดี่ยวท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

  นั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหยียนซิว

  เหยียนซิวกลายเป็นรองผู้นำของศาลาหยินหยางและยังเป็นรองแม่ทัพใหญ่คนที่สองอีกด้วย

   ซิวเจ้าคิดอะไรอยู่? เต๋าซิงตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนางได้ยินความเห็นของเหยียนซิว นั่นเพราะเขาไม่ค่อยออกความเห็นเท่าไรนัก

  อย่างไรก็ตามครั้งนี้เหยียนซิวแสดงความเห็นออกมาด้วยตัวเองในขณะที่คนอื่นๆต่างเห็นชอบกับคำแนะนำของเหยียนเฉียนหลี่

   ซิวเอ๋อร์เจ้าคิดต่างออกไปงั้นหรือ? เหยียนเฉียนหลี่แปลกใจเช่นกัน

   ข้าคิดว่านี่เป็นการส่งสัญญาณของเมิ่งเทียน เหยียนซิวหันมองที่เหยียนเฉียนหลี่และก้มโค้งเป็นการขออนุญาติก่อนจะพูดต่อ

   สัญญาณ? 

   สัญญาณอะไร? 

  ผู้คนโดยรอบต่างกระพริบตาด้วยความสับสน

   ข้าไม่แน่ใจแต่ข้ารู้สึกว่าเมิ่งเทียนพยายามส่งข้อความถึงพวกเรา เหยียนซิวกล่าวในขณะที่ส่ายหัวเบาๆ

   เรื่องนี้… ผู้คนโดยรอบนิ่งเงียบอีกครั้ง

  ในขณะเดียวกันเต๋าซิงขมวดคิ้วและเดินไปหยิบถ้วยน้ำชาก่อนจะจิบเล็กน้อย

   ซิวเจ้าหมายความว่าเมิ่งเทียนพยายามส่งข้อความถึงพวกเราและต้องการให้พวกเราร่วมมือกับเขาโดยการปรากฎตัวขึ้นพร้อมกันในสถานที่ทั้งสามงั้นหรือ? ดวงตาของเต๋าซิงเบิกกว้างขึ้น

   ใช่ เหยียนซิวพยักหน้า

   ข้าเห็นด้วยกับเจ้าถ้าข้าเดาไม่ผิดเหตุผลที่เมิ่งเทียนตั้งใจปรากฎตัวขึ้นที่ศาลาเต๋าสวรรค์ หุบเขาฟู่ซี่และเก้าขุนเขานั้นเพื่อให้เราโจมตีสถานที่ทั้งสามแห่ง! หลังจากเงียบไปชั่วขณะ เต๋าซิงก็พยักหน้าและกล่าวเห็นด้วยกับเขา

   โจมตี? 

   อย่างไรก็ตามเรายังไม่ได้ยืนยันตัวตนของเมิ่งเทียนเราจะทำตามคำสั่งของเขาได้ยังไง? 

   ใช่แล้วนอกจากนี้นั่นเป็นเพียงการคาดเดา หากเราเคลื่อนไหวผิดพลาดใครจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนั้น 

  ผู้คนโดยรอบต่างก็สงสัยถึงเรื่องนี้เช่นกัน   พวกเจ้าพูดถูกถ้าร่วมมือกับเมิ่งเทียนพวกเราอาจจะยึดสถานที่ทั้งสามกลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตามยังคงพิสูจน์ตัวตนของเมิ่งเทียนไม่ได้เราควรระวังให้มาก! เต๋าซิงพูด

   ถูกต้องเราควรระวังให้มาก! ผู้คนโดยรอบเห็นด้วยกับเต๋าซิงอย่างรวดเร็ว

  เต๋าซิงเผยยิ้มและหยุดพูด

  แม้ว่ามนุษยชาติจะรวมตัวสร้างกลุ่มพันมิตรสวรรค์ขึ้นแต่ก็เกิดความขัดแย้งได้ง่ายเพราะความเห็นที่ต่างกัน

  สิ่งที่เต๋าซิงทำนั้นง่ายมากนางจำเป็นต้องรับฟังความเห็น สร้างความน่าเชื่อถือและทำให้สำนักต่างๆเชื่อฟังคำสั่งอย่างเต็มใจ

   เฒ่ามู่ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกำลังถูกจูงจมูกเช่นนี้? โม่ฉานฉือ มองไปรอบๆและหรี่ตาลงเล็กน้อย

   เต๋าซิงถนัดเรื่องการสร้างความน่าเชื่อถืออยู่แล้วถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดสำนักอื่นๆคงจะเชื่อในตัวนางมากกว่าเราสองคนในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม…เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้เราไม่ควรสร้างความขัดแย้งกับเต๋าซิงและอดทนเข้าไว้ 

   อดทน? 

   แล้วเจ้ามีความคิดที่ดีกว่านี้ไหม? 

   บัดซบ! โม่ฉานฉือทำได้แค่สบถออกมาและนั่งลงแต่โดยดี

  …

  ห้าวันต่อมาณ หนองน้ำยักษ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์…

   จักรพรรดินีน้อยเราพบร่องรอยของเมิ่งเทียนใกล้กับภูเขาเจ็ดสีในดินแดนศักดิ์! 

   นายน้อยรายงานด่วน เราพบร่องรอยของเมิ่งเทียนภูผาเสื่อมโทรมทางตะวันตกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โปรดออกคำสั่งนายน้อย! 

   … 

  รายงานด่วนจากเขตแดนต่างๆยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   เมิ่งเทียนคิดจะทำอะไร?มีการพบร่องรอยของเขาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสิบที่แล้ว! หลินยู่พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว

   ถ้าข้าเดาไม่ผิดจำนวนมีมากกว่าเราในตอนนี้ หยุนชิงวูพูดพร้อมขมวดคิ้ว

   ฮึ่มมพวกเราควรเริ่มทำอะไรสักอย่าง เราไม่สามารถปล่อยให้เมิ่งเทียนตัวปลอมทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้? 

   เรายังมีกำลังคนไม่เพียงพอ หยุนชิงวูส่ายหัว

   ไม่เพียงพอ? 

   ใช่แล้วเมื่อเทียบกับมนุษย์พวกเราเสียเปรียบด้านกำลังคน  หยุนชิงวูอธิบาย

   ท่านหมายถึงอะไร? 

   เมิ่งเทียนต้องการให้พวกเราเคลื่อนไหวและเมื่อเราเริ่มลงมือ ทุกอย่างจะกลายเป็นวุ่นวายทันที ข้าเคยใช้แผนนี้กับฟางเจิ้งจือ  หยุนชิงวูพูดขึ้น

   โอ้เข้าใจแล้ว… เราไม่ควรเคลื่อนไหวงั้นหรือ? หลินยู่เข้าใจหยุนชิงวูแต่ไม่เต็มใจที่จะต้องนิ่งเฉยแบบนี้

   ข้าคิดว่าเราควรปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น! หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่หยุนชิงวูก็จิบชาบนโต๊ะเล็กน้อย

   นายน้อยวางแผนที่จะสร้างความแตกแยกงั้นหรือ? ดวงตาของหลินยู่เบิกกว้างพร้อมกับเผยยิ้มออกมา

   ในเมื่อเมิ่งเทียนไม่มุ่งตรงไปที่ภูเขาหลิงเซียวเพื่อพบกับสำนักทั้งสามงั้นเราจะใช้ชื่อของเมิ่งเทียนทำสิ่งนั้นเอง 

   เข้าใจแล้วข้าจะจัดการทันที! 

   อืมหยุนชิงวูพยักหน้าเบาๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปทางหน้าต่างหลังจากที่หยินยู่ออกจากห้องไป

  ท้องฟ้านอกหน้าต่างยังคงปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มแม้จะเป็นตอนกลางวันแต่แสงแดดไม่สามารถส่องผ่านลงมาถึงวังที่ตั้งอยู่ในหนองน้ำยักษ์ได้  …

  ณหมุ่บ้านภูเขาทางเหนือ แสงอาทิตย์ส่องสว่างกระทบบ้านเรือนในหมู่บ้าน

  ที่ลานหน้าบ้านครอบครัวฟางฟางเจิ้งจือในชุดสีฟ้าค่อยๆลืมตาขึ้นและเหยียดเท้าอย่างสบายใจบนเก้าอี้ที่ทำจากผ้าสาน

   การนอนงีบหลับนั้นเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดแล้ว ฟางเจิ้งจือเอามือป้องปากและหาวออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหยิบผลไม้เข้าไปในปาก

   เจ้าตื่นแล้วหรือ? เสียงดังขึ้นจากภายในบ้านวู่จวี้เอ๋อที่สวมชุดดำค่อยๆเดินออกมา

   หืมฉานยู่ตื่นแล้วงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือเอ่ยถาม

   ยังแต่พิษในร่างของนางน้อยลงมากแล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันนางคงตื่น วู่จวี้เอ๋อหันมองฟางเจิ้งจือถามขึ้น  ข้าได้ยินจากพวกหัวหน้าถิ่นฐาน เจ้าอาบน้ำกับฉานยู่งั้นหรือ? 

   เจ้าคิดว่าข้าจะล่วงเกินนางในสถานการณ์เช่นนั้นหรือไง? ฟางเจิ้งจือพูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

   แม้เจ้าจะทำข้าก็ไม่สนใจหรอก วู่จวี้เอ๋อกระพิบตาเล็กน้อยรอบกายของนางสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแผ่วบาง

   ฮ่าฮ่า ฟางเจิ้งจือหัวเราะเบาๆและลุกขึ้นเดินผ่านวู่จวี้เอ๋อก่อนจะเข้าบ้านไป

  เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะเชื่อคำพูดของวู่จวี้เอ๋อ

  อย่าเชื่อที่ผู้หญิงพูดว่าไม่สนใจใครก็ตามที่เชื่อเรื่องนั้นคงต้องพบกับชีวิตที่อยากลำบากแน่นอน

  อย่างไรก็ตาม…

  ฟางเจิ้งจือไม่มีทางยอมรับมันอย่างแน่นอน

  นอกจากนี้เขาถูกบังคับให้ทำเขาไม่มีทางเลือกนอกจากอาบน้ำพร้อมกับนาง

   เจิ้งเอ๋อร์หิวแล้วหรือ? ฉินซูเหลียนก้าวออกจากครัวพร้อมกับไข่นึ่งในมือ

   ว้าวหอมจังเลย ข้าหิวมากเลย! 

   ถ้าเจ้าหิวก็กินนี่ซะมันกำลังอุ่นๆเลย ข้าจะไปเอาชามอีกใบให้จวี้เอ๋อ  ฉินซูเหลียนยิ้มและหยิบไข่นึ่งอีกชามในครัว  จวี้เอ๋อหิวหรือยัง อยากกินไข่นึ่งที่ข้าทำให้ไหม? 

   แน่นอนท่านแม่! วู่จวี้เอ๋อกระโดดเข้าไปในครัวและขยิบตาให้ฟางเจิ้งจืออีกครั้ง

  ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออกแม้แต่น้อย

  เขาบอกฉินซูเหลียนอยู่หลายครั้งว่าไม่ให้นางเรียกว่า’ท่านแม่’ อย่างไรก็ตามดูเหมือนแม่ของเขาจะไม่ฟังเลย

  วู่จวี้เอ๋อเองก็เช่นกัน!

  นางเรียกฉินซูเหลียนว่า’ท่านแม่’ อย่างปกติและนั่นทำให้นางดูไร้ยางอายอย่างมาก

  ฟางเจิ้งจือไม่สามารถเตือนแม่ของเขาได้อีกเพราะหลังจากที่จวี้เอ๋อเรียกนางว่าแม่ฉินซูเหลียนก็ดูจะปราบปลื้นจนไม่ฟังอะไรจากเขาอีกต่อไป   ท่านแม่ข้าคิดว่าข้าต้องไปแล้ว… ฟางเจิ้งจือพูดเบาๆในขณะที่ฉินซูเหลียนกำลังยุ่งกับงานครัว

  เคล้ง!เสียงหม้อและกระทะร่วงลงพื้นดังขึ้น

  วู่จวี้เอ๋อกลอกตามองฟางเจิ้งจือและรีบเข้าไปช่วยในครัวทันทีไม่ช้าพวกนางทั้งสองก็เดินออกมา

   เจิ้งเอ๋อร์ข้ารู้ว่าเจ้าต้องทำบางอย่าง แต่ …แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าไป… ฉินซูเหลียนสะอื้นออกมาเล็กน้อย

   ซูเหลียนอย่าร้องไห้ไม่ใช่ว่าเจิ้งเอ๋อร์จะไม่กลับมาอีก เห็นไหมว่าเขากลับมาทุกครั้งหลังจากที่จากไป!  เสียงถอนหายใจดังลงมาจากห้องชั้นบน ในขณะที่ฟางเฮาเต่อค่อยๆเดินลงมาและมองไปที่ฟางเจิ้งจือกอนจะหันมองวู่จวี้เอ๋อ  เจ้าจะไปนานแค่ไหน? 

   อาจจะ… 

   ท่านพ่อพวกเราจะกลับมาในไม่ช้ามั่นใจได้เลย! วู่จวี้เอ๋อพูดแทรกประโยคของฟางเจิ้งจือและยิ้มอย่างสดใส

   เอาล่ะไปเถอะ แม่ของเจ้าและข้าจะไม่เป็นภาระอย่างแน่นอน วางใจได้ฉิงยี่เองก็อยู่กับพวกเรา! ฟางเฮ่าเตอพยักหน้า

  ฟางเจิ้งจือไม่ได้พูดอะไรอีก

  เขาไม่ต้องการออกจากหมู่บ้านภูเขาทางเหนือถ้าเขาทำได้เขาอยากจะอยู่กับฉินซูเหลียนและฟางเฮ่าเตอจนกว่าพวกเขาจะตายจากไป

  อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำได้

  แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ในหมู่บ้านภูเขาทางเหนือแต่เขาก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำ

   เราจะไปกันเมื่อไร? วู่จวี้เอ๋อเดินไปที่ฟางเจิ้งจือและถามขึ้นเบาๆ

   วันนี้ ฟางเจิ้งจือตอบกลับ

   เข้าใจแล้วข้าจะไปเตรียมตัว 

   อืม ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง

  บนเตียงในห้องนั้นมีร่างของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์นอนหลับอยู่แม้แต่ในตอนหลับก็ยังสามารถสัมผัสถึงความเย่อหยิ่งจากตัวนางได้อย่างชัดเจน

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท