สิ่งที่ตัวเองเคยทำมักจะย้อนกลับเข้าสู่ตัวเองเสมอ?
ฟางเจิ้งจือกำลังเจอเรื่องนี้กับตัวเองผงปูนขาวนั้นเข้ามาเร็วเกินไปจนเขาไม่สามารถหลบได้อย่างสมบูรณ์
มันกำลังพุ่งตรงมาที่ใบหน้าของเขา
สิ่งเดียวที่ฟางเจิ้งจือทำได้คือหลับตาโชคดที่เขาสวมหน้ากากอยู่ทำให้ใบหน้าของเขาไม่กลายเป็นสีขาว
อย่างไรก็ตามผงปูนขาวกลับติดอยู่รอบดวงตาเขาจำนวนมาก
เห็นได้ชัดว่าหลังจากปิงหยางโยนผงปูนขาวใส่เขาแล้วทั้งจักรพรรดิหลินมู่ไป่ เฉียนยู่และเหล่าศิษย์โจมตีมาที่เขาพร้อมกับ
เขาต้องมุดดินหลบหรือไง?!
ถ้าเป็นเมื่อหกเดือนที่แล้วฟางเจิ้งจือคงคิดจะมุดดินหลบแน่นอน เพราะเขามองรอบๆไม่เห็น
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ในตอนนี้
โลกสีขาวดำปรากฎขึ้นตรงหน้าเขาในโลกนี้เขาเห็นปิงหยางกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายพร้อมกับนิ้วเรียวยาวของนางที่กำลังจิ้มมาที่ตาของเขา
จิ้มตา?! ฟางเจิ้งจือรู้สึกว่าตอนนี้ปิงหยางเก่งกาจกว่าอาจารย์ของนางเสียอีก แม้แต่การโจมตีที่ไร้ยางอายนี้ยังทำได้ แล้วจะมีอะไรอีกไหมที่นางไม่สามารถทำได้…
สำหรับการโจมตีของเฉียนยู่และจักรพรรดิหลินมู่ไป่…
ต้องพูดว่าพวกเขาค่อนข้าง’ใจกว้าง’กับฟางเจิ้งจือมาก
จักรพรรดิหลินมู่ไป่และเฉียนยู่โจมตีเข้ามาพร้อมกันจากด้านหลังราวกับพร้อมจะระเบิดหัวของเขาทิ้ง
โดยไม่ลังเลฟางเจิ้งจือเอียงหัวหลบไปด้านซ้ายเพื่อหลบนิ้วของปิงหยาง ขณะเดียวกันเขาก็เอี้ยวตัวเพื่อหลบแรงระเบิดจากด้านหลังไปด้วย
จากนั้นเขาก็เล็งเป้าไปที่หน้าอกของจักรพรรดิหลินมู่ไป่
พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น
ตูม!ร่างของจักรพรรดิหลินมู่ไป่ลอยออกไปไกลกว่าสิบเมตร เขาตกลงท่ามกลางเหล่าศิษย์ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาฟางเจิ้งจือ เฉียนยู่ ปิงหยางและจักรพรรดิหลินมู่ไป่ ไม่สามารถตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะทุกคนเห็นกันชัดเจนว่าฟางเจิ้งจือนั้นมองไม่เห็นเพราะผงปูนขาวที่ติดอยู่บนดวงตา
อย่างไรก็ตามเขาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วราวกับเห็นทุกอย่างชัดเจน
ทั้งน่าตกตะลึงและหวาดกลัว!
นั่นคือสิ่งที่ฟางเจิ้งจือเห็นจากสีหน้าของจักรพรรดิหลินมู่ไป่เฉียนยู่และปิงหยาง จากนั้นฟางเจิ้งจือก็กางปีกทั้งสองข้างออก
การกระพืออันรุนแรงเพียงครั้งเดียวทำให้เกิดคลื่นอากาศอันรุนแรง
ร่างของฟางเจิ้งจือทะยานขึ้นไปทางหอคอยหลิงหยุนพร้อมกับขาที่ยังหุบแน่น
ด้วยวิธีนี้…
ร่างของปิงหยางย่อมอยู่ในสภาพกลับหัว
ขาของนางยังคงติดอยู่ที่ระหว่างขาของฟางเจิ้งจือนางไม่สามารถดึงขาของนางออกมาได้
กรี้ด! นางกรีดร้องพยายามดิ้นรนและแทงหอกฉีหลินใส่ฟางเจิ้งจือ
ด้านเฉียนยู่นางกระโจนตามขึ้นไปพร้อมกับดาบทั้งสองเล่มในมือเหนือหัวของนางมีดวงจันทร์สีเงินแปดดวง
แม้จะเจอสถานการณ์แบบนี้แต่นางยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าเฉียนยู่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายและเคยเจอศัตรูหลายรูปแบบ
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ศัตรูของนางคือฟางเจิ้งจือ
แม้เขาจะเห็นแค่ภาพขาวดำฟางเจิ้งจือก็สามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเฉียนยู่
หอกฉีหลินในมือของปิงหยางไม่ได้มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
เขายื่นมือออกไปคว้าปลายหอกฉีหลิน
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางเจิ้งจือคว้าหอกไว้ได้ดาบคู่สีขาวอันส่องสว่างก็มาถึงขาของฟางเจิ้งจือ
ดาบที่สว่างราวกับแสงจันทร์!
แม้เขาจะหลับตาอยู่แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความคมของดาบทั้งสองหากเขาพลาดโดนเข้าไปคนจงที่ความพิการแน่นอน
โหดร้ายเกินไปแล้ว! ฟางเจิ้งจืออ้าปากค้าง เขาพยายามขยับเท้าขึ้นอีกสองนิ้วเพื่อหลบคมดาบ
ชั้นน้ำแข็งเกาะที่เท้าของฟางเจิ้งจือแต่ดาบกลับพลาดเป้าไปเล็กน้อย เป็นไปได้ยังไง?! เฉียนยู่ตกตะลึงมาก ฟางเจิ้งจือใช้สัญชาตญานในการหลบงั้นหรือ? ทำไมการโจมตีถึงพลาดเป้าหลายครั้งหลายครา?
เขาสามารถคำนวณตำแหน่งที่จะถูกโจมตีได้อย่างแม่นยำได้ยังไง?
เป็นไปไม่ได้!
ด้วยความสงสัยเฉียนยู่มองไปยังดวงตาที่ปิดอยู่ของฟางเจิ้งจือ
เขาไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา!
แล้วเขาเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ยังไง?
แปลกมาก!
ทันใดนั้นขณะที่เฉียนยู่เงยหน้านางเห็นฟางเจิ้งจือเหยียดเท้ามาทางนางด้วยความเร็วอันสูงสุด
มันเป็นการเคลื่อนไหวธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตามมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและนางไม่สามารถหลบได้ เฉียนยู่รู้สึกว่าหลังของนางถูกเหยียบอย่างรุนแรงก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงไปบนพื้นดินราวกับอุกาบาต
ตาแก่ชั่ว!เจ้าคิดจะทำร้ายแม่ของข้า! ปิงหยางพยายามยกตัวขึ้นเพื่อใช้หมัดโจมตี
ฟางเจิ้งจือยิ้มเพราะเขารู้สึกดีที่สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้เขารู้ว่าการต่อสู้จะไม่มีทางจบถ้าเขาเลือกจะสู้กับจักรพรรดิหลินมู่ไป่และเฉียนยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดการต่อสู้ได้คือจับปิงหยาง
ปิงหยาง!
หยางเอ๋อร!
ท่านปิงหยาง!
เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจดังขึ้นไม่เว้นแม้แต่เฉียนยู่และจักรพรรดิหลินมู่ไป่
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
หมัดของปิงหยางถูกจับด้วยมืออีกข้างของฟางเจิ้งจือก่อนที่เขาจะดึงนางเข้ามายังหน้าอกของเขา ปล่อยข้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าสารเลว! ปิงหยางดิ้นรนพร้อมกับเตะเท้าไปมา
แน่นอนว่ามันไม่มีผลอะไรกับฟางเจิ้งจือแม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือไม่ปล่อยนาง
เขาค่อยๆลดตัวลงและปล่อยให้นางดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ตอนนี้…ท่านผู้นำหอคอยเฉียนคงสามารถนั่งคุยกับข้าดีๆได้แล้วใช่หรือไม่? ฟางเจิ้งจือลงมายืนที่พื้นพร้อมกล่าวออกมา
เมิ่งเทียนเจ้าต้องการอะไร? เฉียนยู่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่นางล้มอยู่บนพื้น
ร่วมมือ ฟางเจิ้งจือเข้าประเด็น
ฝันไปเถอะต่อให้ข้าตายก็ไม่มีทางร่วมมือกับอสูรและปีศาจ! เฉียนยู่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
ข้าพูดไปแล้วว่าข้าไม่ใช่อสูรหรือปีศาจข้าคือเมิ่งเทียนเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่! ฟางเจิ้งจือส่ายหน้า
เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นรึ? เฉียนยู่เยาะเย้ย
ยังไงก็ตามข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านไปเป็นทาสของหยุนชิงวู ข้าเพียงต้องการที่จะให้ท่านฆ่านาง! ฟางเจิ้งจือกล่าว
ฮ่าฮ่า…ข้าเห็นอุบายแบบนี้มานักต่อนักคิดจะหลอกล่อให้หอคอยหลิงหยุนฆ่าหยุนชิงวู เจ้าคิดว่าข้าจะยอมทำงานให้พวกปีศาจและอสูรงั้นรึ เหอะ! ไม่มีทาง! เฉียนยู่ปฏิเสธอีกครั้ง
ท่านมัน…ดื้อด้านจริงๆ! ฟางเจิ้งจือรู้สึกปวดหัว
อย่างที่เฉียนยู่กล่าวเรื่องที่ฟางเจิ้งจือพูดนั้นราวกับเป็นข้ออ้างที่มักจะเห็นได้ทั่วๆไป
โดยเฉพาะเฉียนยู่…
ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นราชินีอาณาจักรเซี่ย
นางได้เห็นกลวิธีและความขัดแย้งมากมายในสภาหลวงนางไม่มีทางเชื่อคำพูดจากคนที่เคยเจอกันครั้งแรกง่ายๆ
ถ้าเจ้าอยากได้ความร่วมมืองั้นเจ้าก็แสดงความจริงใจให้พวกเราเห็น เฉียนยู่กัดฟันและกล่าวออกมา
ข้าคิดว่าควรเป็นคนที่ยืนข้อเสนอใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือนิ่งไปเล็กน้อย เขาค่อนข้างประทับใจที่ในที่สุดนางก็เลือกเจรจา
หึอย่าคาดหวังมากนัก ถ้าเจ้าไม่แสดงความจริงใจให้พวกเราเห็นก่อน! เฉียนยู่ทำราวกับตัวเองไม่ใส่ใจ แต่นางยังคงชำเลืองมองฟางเจิ้งจืออยู่เป็นระยะๆ
งั้นก็บ้ายบาย ฟางเจิ้งจือพยักหน้า กระพือปีกและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในชั่วพริบตา…
เขาก็หายไปในทันที
เฉียนยู่ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์นอกจากนางจักรพรรดิหลินมู่ไป่และเหล่าศิษย์ต่างยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
เขาไปแล้ว?! เขาไปแล้วจริงๆ?!
……………………………………..