ตั้งแต่สงครามที่ภูเขาสวรรค์เวลาได้ผ่านมาห้าเดือนแต่กลับไม่มีสัญญานว่าฉือกูเหยียนจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย
สมองนางตายไปแล้ว?หรือนางจะเป็นอัมพาตทั้งร่างกาย?
ฟางเจิ้งจือคิดว่านางอาจจะอยู่ในสภาวะจำศีลอย่างไรก็ตามเขาไม่มั่นใจว่ามันจะกินเวลานานเท่าไร
นี่ก็ผ่านมาห้าเดือนนางควรจะออกจากการจำศีลแล้วหรือเปล่า?
ฟางเจิ้งจือพิจารณาฉือกูเหยียนอย่างระมัดระวังทั้งขนตา จมูก ริมฝีปาก เขาพยายามจับการเคลื่อนไหวแม้จะเป็นเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่เขากลับต้องพบกับความผิดหวัง
เวลาผ่านไปช้าๆ
ในไม่ช้าวู่จวี้เอ๋อร์ได้กลับมาพร้อมกับศิษย์ที่สวมชุดสีฟ้าเหมือนกับฟางเจิ้งจือ
พวกเราพร้อมจะไปแล้วหรือยัง? วู่จวี้เอ๋อไม่พอใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเจิ้งจืออยู่กับฉือกูเหยียน
อืม ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและเตรียมพร้อมจะออกจากห้องอย่างไรก็ตามทันทีที่เขาก้าวออกมาจากห้องเขากลับหยุดเดิน รอข้าข้างนอกสักครู่
เจ้าคิดจะฉวยโอกาสกับฉือกูเหยียนงั้นรึ? วู่จวี้เอ๋อหรี่ตามองฟางเจิ้งจือด้วยความไม่พอใจ
แค่กๆ…ออกไปก่อน ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะตอบ
ก็ได้ วู่จวี้เอ๋อตอบด้วยความไม่พอใจเท่าไรนักแต่นางก็เดินออกไปรอลานนอกบ้านแต่โดยดี
ฟางเจิ้งจือหยุดอยู่ด้านข้างของฉือกเหยียนจากนั้นเขาก็หยิบบางอย่างที่มีความงดงามพร้อมกับแผ่พลังอันมหาศาลออกมา มันคือไข่มุกอสูรของหลินจี!
เขาไม่รู้ว่ามันมีพลังมากแค่ไหนตอนแรกเขาต้องการจะกินมันด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเขากลับเปลี่ยนใจ
มีสองเหตุผลสำหรับเรื่องนี้หนึ่งคือพิษยังถูกขับออกจากร่างของฉานยู่ไม่หมด เขาจึงเก็บไข่มุกอสูรไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
เหตุผลที่สองคือเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถ้ากินไข่มุกอสูรเข้าไป
ถ้าเขาใกล้ตายเขาคงไม่ลังเลที่จะกินมันเข้าไป อย่างน้อยผลลัพธ์ที่ออกมาน่าจะดีกว่าตาย
กลับกันถ้าเขามีชีวิตที่เป็นสุขแล้วมีคนเสนอไข่มุกอสูรให้กับเขามันไม่แปลกที่เขาจะลังเล
ฟางเจิ้งจือไม่ได้โง่เขาไม่อยากเสี่ยงอันตรายจากการกินไข่มุกอสูรระดับเทพเจ้าเข้าไป อย่างไรก็ตามฉือกูเหยียนนั้นไม่เหมือนกัน นางใช้พลังจนหมดสิ้นตอนที่อยู่บนภูเขาสวรรค์
พูดง่ายๆนางใช้พลังมากเกินไปจนร่างกาย’ว่างเปล่า’ยิ่งไปกว่านั้นนางได้ฝืนทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนโดยขาดรากฐานที่มั่นคง ทำให้สภาพของนางเป็นดังเช่นปัจจุบัน
ฟางเจิ้งจือลูบไข่มุกอสูรในมือและมองฉือกูเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงเขาคิดว่ามันเหมาะสมกว่าที่จะทิ้งไข่มุกอสูรไว้ให้นาง
อย่างไรก็ตาม…
มีอยู่ปัญหาหนึ่ง
เขาจะทิ้งมันไว้ให้นางได้ยังไง?
ให้ฉือกูเหยียนกินมันเข้าไปเลย?แม้มันจะเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุด แต่มันก็อาจจะทำให้ฉือกูเหยียนตายได้
ฟางเจิ้งจือนึกถึงความเป็นไปได้ทุกหนทาง
เขาอาจจะวางไว้ที่หน้าอกของนางหรือในปาก? ฟางเจิ้งจือค่อยๆถอดเสื้อของฉือกูเหยียนออกแต่ทันใดนั้นเสียงของวู่จวี้เอ๋อกลับดังขึ้น
เจ้าคิดจะฉวยโอกาสจากนางจริงๆด้วย!
ไร้สาระ!ข้าเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ข้าจะฉวยโอกาสจากฉือกูเหยียนได้ยังไง? ฟางเจิ้งจือถอยออกมาและรีบเปิดปากของฉือกูเหยียนออก
ฝ่ามือของเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ออกมาจากปากของนาง
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะยัดไข่มุกอสูรเข้าไปในริมฝีปากเล็กๆของฉือกูเหยียน
เยี่ยม!ถ้าข้าไว้แบบนี้นางไม่น่าจะกลืนมันเข้าไป ฟางเจิ้งจือปรบมือและปิดปากของฉือกูเหยียนลง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง
ด้านฉินซูเหลียนและฟางเฮ่าเตอที่กำลังรออยู่ด้านหน้ากำลังมองฟางเจิ้งจือที่เดินออกมาด้วยสายตาแปลกๆ
… จากท่าทีของทั้งสองคนฟางเจิ้งจือรู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิด เขากำลังจะอธิบายแต่ฉินซูเหลียนกลับขยิบตาให้เขาก่อน
จวี้เอ๋อรอเจ้าอยู่ด้านนอกมั่นใจได้ข้าจะไม่บอกนางเรื่องนี้ ฉินซูเหลียนกล่าวเบาๆ
ท่านแม่…ข้าเป็นลูกแท้ๆของท่านนะ! ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออกจริงๆ จะไม่บอกอะไรวู่จวี้เอ๋อได้ยังไง ในเมื่อยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยเลย?
เดี๋ยวก่อน!
ทำไมเขาต้องกลัววู่จวี้เอ๋อด้วย?
แค่หมาน้อยตัวเดียวเขาต้องกลัวอะไร?
ฟางเจิ้งจือรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เจิ้งเอ๋อร์เจ้าไปเถอะ ในฐานะพ่อข้าเข้าใจ ฟางเฮ่าเตอต้องการจะปลอบฟางเจิ้งจือที่มีท่าทีกระอักกระอวน
เข้าใจงั้นรึ?! ฉินซูเหลียนหรี่ตามองเมื่อได้ยินที่ฟางเฮ่าเตอพูดสายตาของนางคมกริบ เจ้าหมายความว่ายังไง? เจ้าไปเห็นหญิงสาวที่ไหนมางั้นรึ? นางอยู่หมู่บ้านไหน?
… สีหน้าของฟางเฮ่าเตอเปลี่ยนไปทันที
ฟางเจิ้งจือไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขาพุ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ลืมกล่าวกับฟางเฮ่าเตอ ท่านพ่อ ระวังตัวด้วย!
เจิ้งเอ๋อร์…โอ้ย!…อย่าใช้หม้อสิ!…โอ้ย!
…
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สิบวันต่อมา ร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำปรากฎตัวขึ้นที่ภูเขาหลิงเซียว ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากที่เขียนคำว่า’เทพเจ้า’เอาไว้
เมิ่งเทียน?!เมิ่งเทียนมาถึงภูเขาหลิงเซียวแล้ว!
เร็วเข้ารีบงานให้ผู้นำกลุ่มพันธมิตรทราบ!
หลังจากเห็นร่างสวมหน้ากากเหล่าศิษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ที่ตีนเขาต่างเคลื่อนไหวในทันที
อย่างไรก็ตามดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับตกอยู่ในความวุ่นวายมีรายงานว่าพบเมิ่งเทียนที่เก้าขุนเขา ศาลาเต๋าสวรรค์ หุบเขาฟู่ซี่ และสถานที่อื่นๆอีกเล็กน้อย
เมิ่งเทียนสี่ถึงห้าคน?
มันเป็นเรื่องตลกอะไรกัน?
อย่างไรก็ตามมันคือความจริงไม่เพียงแต่มีเมิ่งเทียนหลายคนทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีข่าวว่าพบเมิ่งเทียนในหลายๆที่นอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
ท่านเทพสงครามข้าฉิงเหยียน ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ผู้ทำหน้าที่ต้อนรับท่าน! เด็กหนุ่มสวมชุดสีขาวคนหนึ่งกล่าวทักทายเมิ่งเทียนทันที
เจ้าเป็นศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์งั้นรึ? เมิ่งเทียนกล่าวถาม
ใช่แล้วข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านมาที่นี่เพื่ออะไร? ฉิงเหยียนพยักหน้าด้วยความเคารพ
ขึ้นไปด้านบนก่อน เมิ่งเทียนไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถาม
ขอรับแต่โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ ท่านมู่และท่านผู้นำกลุ่มพันธมิตรเต๋าต้องการจะทำการต้อนรับท่านด้วยตัวเอง ท่านสามารถพักผ่อนอยู่ตรงนี้ก่อนได้ ข้าได้เตรียมอาหารหลากหลายอย่างให้ท่านได้ลิ้มลอง หลังจากพูดจบ ฉิงเหยียนโบกมือไปทางมุมหนึ่ง
จากนั้นศิษย์จำนวนหนึ่งก็ปรากฎกายขึ้นพร้อมกับขนมขบเคี้ยวและผลไม้ที่วางอยู่ในจาน
เจ้าหมายความว่ายังไง?เจ้าต้องการให้ข้ารอพวกนั้นอยู่ตรงนี้งั้นรึ? ท่าทีของเมิ่งเทียนกลายเป็นเยือกเย็นเมื่อเห็นศิษย์ที่ถือจานอาหารเข้ามา
ท่านเทพสงคราม…
ฟุ้บ!ก่อนที่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์จะได้พูดอะไร ลำแสงที่ปล่อยออกมาจากดาบได้พุ่งผ่านสายตาของเขาไป
มันเร็วมากจนศิษย์ทุกคนตกตะลึงพวกเขาคิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทต่อเมิ่งเทียนแม้แต่น้อย
แต่เมิ่งเทียนกลับโจมตี?
และ…
หัวของฉิงเหยียนกำลังกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจนเขาตายไปแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเมิ่งเทียนถึงโจมตีเขา
เขาเป็นอสูร!
เขาต้องเป็นตัวตนระดับเทพเจ้าของปีศาจและอสูรแน่อน!
หนี!
สีหน้าของเหล่าศิษย์เปลี่ยนไปพวกเขาวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาช้ามากเมื่อเทียบกับเมิ่งเทียน…
ฉั๊วะ!
ฟุ้บ!
แสงดาบที่ปล่อยออกไปตัดผ่านร่างของศิษย์เหล่านั้นอย่างรวดเร็วเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วตีนเขา
เมิ่งเทียน!!! หัวหน้าสำนักที่ลงมาจากด้านบกเต็มไปด้วยความตกใจ เขากำหมัดแน่นเมื่อเห็นเลือดบนพื้น
…
สามวันถัดมา…
เทียบกับเหตุนองเลือดที่ภูเขาหลิงเซียวณ หอคอยหลิงหยุนที่ห่างใกล้จากสนามรบ สถานที่นี้ยังคงมีความสงบสุขราวกับตัดขาดจากโลกภายนอก
มันคงจะสงบสุขแบบนี้ต่อไปถ้าไม่มีเสียงระฆังที่หน้าทางเข้าหอคอยหลิงหยุน
ความเงียบถูกทำลายลง
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายที่สวมหน้ากากและผ้าคลุมที่มีคำว่า’เทพเจ้า’
เมิ่งเทียน?! ศิษย์คนหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลทางเข้าหอคอยหลิงหยุนแปลกใจกับการปรากฎตัวของเขา เดี๋ยวก่อน ผู้นำหอคอยได้บอกไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหอคอยหลิงหยุน ถ้าท่านผู้อาวุโสคิดจะมาหาผู้นำหอคอย โปรดกลับไป
กลับ? เมิ่งเทียนตกใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะได้สติอย่างรวดเร็ว ข้ามาที่นี่เพื่อชมพิวทัศน์เท่านั้น เจ้าไม่ควรจะต้อนรับข้าด้วยเหล้าและอาหารชั้นเลิศงั้นหรือ?
เหล้าและอาหารชั้นเลิศ?ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ว่าที่ภูเขาหลิงเซียวท่านได้รับการต้อนรับอย่างดีแล้วงั้นรึ? แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ! หลังจากกล่าวจบ ศิษย์ได้โบกมือไปทางหอคอยหลิงหยุน ศิษย์สิบกว่าคนกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ทันที
เห็นได้ชัดว่าหอคอยหลิงหยุนเองก็ได้ทำการต้อนรับเมิ่งเทียนเป็นอย่างดี
หืมมมข้ารู้เรื่องที่ภูเขาหลิงเซียวดี อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้เป็นผู้ลงมือ เมิ่งเทียนไม่ใส่ใจกับการปรากฎตัวของศิษย์จำนวนมาก
แน่นอนว่าไม่ใช่ท่านเรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเขาหลิงเซียวพึ่งผ่านมาไม่ถึงสองวัน แม้ด้วยความสามารถอันเหลือล้นของท่านก็ไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในเวลาสามวัน ขณะที่เขาพูด ศิษย์ทั้งสิบคนได้ยืนเรียงกันเป็นค่ายกล
ฉลาดมากในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้เป็นผู้ลงมือ ทำไมไม่ต้อนรับข้าด้วยเหล้าและอาหารชั้นเลิศ? หรือเรียกผู้นำหอคอยเฉียนยู่มาสนทนากับข้าเสียหน่อย และ…ข้าได้ยินว่าเฉียนยู่มีลูกสาวนามปิงหยาง ข้าค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเล็กน้อย ถ้านางช่วยทำให้ข้าเพลิดเพลินได้เล็กน้อยก็คงดี เมิ่งเทียนพยักหน้าและกล่าวออกมา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขากล่าวไม่ใช่คำชมอย่างเห็นได้ชัด
ตาเฒ่าไร้ยางอายเจ้ากล้ากล่าวล่วงเกินผู้นำหอคอยและท่านปิงหยางได้ยังไง? โจมตี! ศิษย์หอคอยหลิงหยุนไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มโจมตีทันที
โจมตี? ดวงตาของเมิ่งเทียนสว่างขึ้นดาบสิบเอ็ดเล่มหมุนวนรอบตัวเขา มันเปล่งแสงออกมาเหมือนๆกัน
มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากวิชาลับของหอคอยหลิงหยุนที่สามารถเปลี่ยนดาบเล่มเดียวให้กลายเป็นดาบนับล้านได้
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัด…
ศิษย์จำนวนแค่นี้ไม่สามารถจัดการเมิ่งเทียนได้
พลังอันรุนแรงไหลทะลักออกมาจากร่างของเมิ่งเทียนโจมตีศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนที่อยู่รอบๆเขา
จากนั้นในชั่วพริบตาดาบในมือของศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนหลุดออกจากมือของพวกเขาเข้าสู่มือของเมิ่งเทียนทันที
อืมม…ดาบที่ดี เมิ่งเทียนก้มมองดาบสิบเอ็ดเล่มในมือและเอ่ยชมออกมา
……………………………………..