มันแปลกเกินไป
หากความประทับใจต่อนางก่อนหน้านี้คือความไม่ชัดเจนตอนนี้มันคงกลายเป็นความแปลกเกินกว่าที่เขาจะบรรยาย
หญิงสาวชุดขาวดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างที่สำคัญนางบอกว่านางเป็นสัตว์ประหลาด?!
กระโดด หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง
ท่านแน่ใจหรือว่าข้าจะไม่ตายหลังจากกระโดดลงไป ฟางเจิ้งจือมองไปยังลาวาสีแดงเดือดตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
มันคือลาวาไม่ใช่น้ำอุ่นเขาจะมีชีวิตรอดจากมันได้ยังไง?
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่อาจจะรอดชีวิต
ถ้าเป็นคนอื่นคงตาย หญิงสาวในชุดขาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ฟางเจิ้งจือ แต่ไม่ใช่เจ้า
ท่านให้เหตุผลอื่นที่น่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยได้ไหม?
เจ้ามีเพลิงพันปีอยู่ในร่างกายเหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่?
… ริมฝีปากของฟางเจิ้งจือกระตุกเขาอยากจะถามบางอย่างเพิ่ม ทำไมการที่มีเพลิงพันปีอยู่ในร่างกายถึงจะสามารถอยู่รอดในลาวาได้?
คำถามนั้นดูโง่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือรู้สึกว่าเพลิงพันปีถูกหลอมไปแล้วในหม้อหลอมของเก้าขุนเขา
จริงๆแล้วมีหลายอย่างอยู่ในร่างกายของเจ้าไม่ว่าจะเพลิงพันปี ดอกไม้อัศจรรย์ห้าสี หม้อหลอมทั้งเก้า และกลืนกินโลก อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพวกมัน หญิงสาวพูดหลังจากเห็นฟางเจิ้งจือเงียบไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนมันเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า
แล้วพวกมันจะถูกใช้เหรอถ้าข้ากระโดดลงไป?
บางที
บางที?ข้ากำลังเดิมพันด้วยชีวิตตัวเอง แต่ท่านกลับบอกว่า ‘บางที’? ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออก เขาควรจะพูดกับนางเช่นไรดี
ข้าหมายความว่าจะได้ผลลัพธ์มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เมื่อหญิงสาวชุดขาวเห็นว่าฟางเจิ้งจือกำลังคิด นางจึงอธิบายอีกครั้ง
ขอข้าคิดก่อนได้ไหม?
แน่นอนแต่เจ้ามีเวลาไม่มาก
ข้ามีเวลาแค่ไหน?
3″
3ท่านหมายความถึงอะไร?
2″
… ฟางเจิ้งจือเข้าใจทันทีว่าเหลือเพียงสามวินาที
1″ เดี๋ยวก่อนข้ามีบางอย่างจะถาม!
แล้วพบกันใหม่
เอ่อ…! ฟางเจิ้งจืออยากจะหนีแต่เขารรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างควบคุมไม่ได้
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วเกินไปแต่มันช่างน่าระทึกที่เขาไปใกล้ลาวา…
เรื่องบัดซบอะไรเนี่ย?!
ทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวไม่ได้?
ฟางเจิ้งจืออยากจะสาปแช่งเขามีพลังในระดับเทพเจ้า แต่ในโลกนี้เขาไม่สามารถทำอะไรกับหญิงสาวชุดขาวได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น..
ดูเหมือนหญิงสาวชุดขาวจะไม่สนใจแม้ว่ามันจะเป็นลาวาก็ตาม
ข้าเปลี่ยนท่าได้ไหมข้าไม่อยากเอาหน้าลง! ฟางเจิ้งจือร้องขอครั้งสุดท้าย เนื่องจากใบหน้าของเขากำลังพุ่งลงไปในลาวา อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะไม่ได้ผล
ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยเขาเข้าใกล้ลาวามากขึ้นและรู้สึกได้ถึงความร้อนจัด
…อ้ากเชี่ยเอ้ย! เมื่อฟางเจิ้งจือตะโกนเขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ร้อนจัดกระเด็นเข้าไปในปาก
ขม?หรือเค็ม? เผ็ด? หวาน?
ใครจะไปรู้?!
ฟางเจิ้งจือมีความรู้สึกเดียวเมื่อมันกระเด็นเข้าปากมันร้อนเหมือนไฟ
นอกจากนี้คลื่นความร้อนยังไหลผ่านหูและจมูกของเขาอย่างต่อเนื่องมันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
หลอม หญิงสาวในชุดขาวกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง หลอมทุกอย่าง ทั้งสมุนไพรเพลิงพันปี ดอกไม้อัศจรรย์ห้าสี สมุนไพรทั้งหลาย หม้อหลอมทั้งเก้า…เมื่อทุกสิ่งผสานเข้ากับร่างกายของเจ้า เจ้าจะสามารถควบคุมทุกอย่างบนโลกได้
ขณะที่กล่าวนางนั่งลงบนพื้นช้าๆและรออย่างเงียบๆ ราวกับนางกำลังรอให้ทุกสิ่งเริ่มต้นและรอให้ทุกสิ่งจบลง
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูดร่างของเขากำลังลุกไหม้
อวัยวะภายในเลือด หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ทุกเซลล์บนร่างกายกำลังถูกเผา
ความเจ็บปวดขีดสุดลึกเข้าไปถึงกระดูก
เขารู้สึกอยากตายแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างร่างกายของเขาไม่สามารถตายได้ หลังจากทุกส่วนบนร่างกายของเขากลายเป็นเถ้าถ่าน กล้ามเนื้อชุดใหม่เติบโตขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเลือดของเขาเหือดแห้ง เลือดที่สร้างขึ้นใหม่เริ่มไหลเวียนอีกครั้ง
มันเป็นวงจรแบบนี้ไม่รู้จบ!
ฟางเจิ้งจือพึ่งเข้าใจความรู้สึกที่ว่า’ไม่สามารถอยู่หรือตายได้’เขาอยากจะสบถออกมา แต่เขาไม่สามารถทำได้เพราะเมื่อเขาเปิดปากลาวาร้อนๆก็ไหลเข้ามาทันที
’ไม่ข้าต้องหาวิธีลดความเจ็บปวด ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปข้าคงตายเพราะความทรมารแน่นอน’ ฟางเจิ้งจือไม่ได้โง่
ยิ่งเจ็บปวดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังจำสิ่งที่หญิงสาวในชุดขาวพูดกับเขาก่อนที่จะกระโดดลงมาในลาวาได้ จะได้ผลลัพธ์มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเจ้า
ความหมายที่อยู่เบื้องหลังนั้นชัดเจนหากเขาอดทนต่อความเจ็บปวดโดยไม่ทำอะไรเลย ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะน้อยลง
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจำสิ่งที่นางพูดได้ที่แรก…นั่นหมายความว่ายังมีอีกหลายที่…
ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัวจริงๆ!
ฟางเจิ้งจือไม่อยากเจอเรื่องแบบเดียวกันซ้ำหลายรอบเขาเป็นคนกลัวความเจ็บปวด เพียงครั้งเดียวก็พอแล้ว ดูเหมือนข้าต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง ฟางเจิ้งจือหลับตาลงช้าๆ
สิบห้านาทีผ่านไป…
สามสิบนาทีผ่านไป…
…
หลังจากผ่านไปนานฟางเจิ้งจือก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงราวกับร่างของเขากำลังกระตุก
ในเวลาเดียวกันหญิงสาวในชุดสีขาวมองลาวาที่เริ่มหมุนวน
ดูเหมือนจะล้มเหลวไปที่ที่สองกันเถอะ หญิงสาวในชุดขาวกล่าวเบาๆและลุกขึ้นยืนจากพื้นช้าๆ สายตาของนางทอดมองไปไกล
มีแสงสีฟ้าส่องประกายอยู่ในทิศที่นางมองไปมันต่างจากลาวาที่ร้อนระอุอย่างชัดเจน
หญิงสาวในชุดขาวค่อยๆยกฟางเจิ้งจือขึ้นจากลาวาลาวาที่ปั่นป่วนก็สงบลง
หืม? หญิงสาวในชุดขาวเบิกตากว้างนางราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปสิบห้านาที…
ลาวาสงบนิ่งราวกับสายน้ำแม้ว่ายังมีคลื่นความร้อนอยู่บ้างแต่มันไม่มีความปั่นป่วนแม้แต่น้อย
หืม? หญิงสาวในชุดขาวถอนมือของนางออกและกลับไปนั่งที่เดิม ดวงตาของนางเป็นประกาย
ด้านฟางเจิ้งจือที่อยู่ในลาวาเขากำลังนอนตะแคงอยู่
มันเป็นท่าที่แสดงให้เห็นถึงความขี้เกียจของเขาดี
อย่างไรก็ตามทุกอย่างดูเป็นธรรมาชาติราวกับทุกอย่างผสานอยู่ในร่างของเขา
ฟางเจิ้งจือกำลังหลับจริงๆ!
อย่างไรก็ตามในความคิดของเขาสะท้อนให้เห็นภาพต่างๆตั้งแต่วัยเด็กของเขา
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กทารกในอ้อมกอดของพ่อและแม่ เมื่อเติบโตขึ้นก็มีเสียงร้องตะโกนของเด็กสาวคนหนึ่ง
ใครขโมยไก่ขนไฟของข้าไป!
มันไม่ใช่แค่ไก่ธรรมดางั้นรึ? ฟางเจิ้งจือยิ้มขณะมองไก่ที่เขาขโมยมา
จากนั้นก็เป็นภาพของเด็กคนหนึ่งที่ต่อยเข้ากับกำแพงหิน
โอ้ย!เจ็บ! เด็กคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
โอ้ใช่!
ควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนควบคุมเลือดทุกหยด ควบคุมเซลล์ทุกเซลล์
ไม่รู้ทำไมฟางเจิ้งจือนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้เข้าสู่วิถีแห่งเต๋าร่างกายของเขาถูกควบคุม สร้างขึ้น หายไป สร้างขึ้นอีกครั้งและหายไป…
เมื่อเลือดเหือดแห้งเลือดชุดใหม่ไหลเวียน เช่นเดียวกันกับกระดูก กล้ามเนื้อ ผม ผิวหนัง
ควบคุมทุกอย่าง ทุกอย่างถูกควบคุมโดยเขา
แสงสว่างปกคลุมร่างของฟางเจิ้งจือตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับร่างของเขาถูกชะล้างด้วยน้ำอันอบอุ่นก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
…
ที่ด้านล่างของศาลาเต๋าสวรรค์ปิงหยางกำลังวิ่งไปที่ซากปราสาทสีดำขณะอุ้มฟางเจิ้งจือไปด้วย นางสังเกตุถึงความผิดปกติจากร่างของฟางเจิ้งจือ ร่างของเขาร้อนระอุราวกับนางกำลังอุ้มลูกไฟ อย่างไรก็ตามนางไม่สนใจ
ไม่ว่าจะเป็นลูกไฟที่กำลังลุกไหม้หรือก้อนน้ำแข็งที่เย็นเยียบนางก็กอดมันด้วยชีวิต แม้ร่างของนางจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อก็ตาม
เร็วกว่านี้เร็วกว่านี้! ปิงหยางพึมพัมขณะวิ่งไปด้านหน้า
นางใกล้ถึงแล้วใกล้แล้ว!
ทันใดนั้นสถานที่หนึ่งได้ปรากฎตรงหน้านางแม้นางจะยังห่างไกลจากมันแต่นางก็มั่นใจว่ามันคือซากปราสาทสีดำ
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงบางอย่างพร้อมกับร่างสีทองที่ร่อนลงมาจากท้องฟ้า
นั่นมันอะไรกัน? ปิงหยางเห็นไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามนางไม่สนใจ นางต้องรีบไปหากลุ่มพันธมิตรของมนุษย์ให้เร็วที่สุด
ในไม่นานนางก็เห็นคนอยู่ด้านหน้านาง
ในที่สุด! ปิงหยางหยุดทันทีเมื่อถึงปราสาทสีดำ ที่ด้านหน้ามีกลุ่มคนสวมหน้ากากที่มีคำว่า’เทพเจ้า’อยู่
กลุ่มพันธมิตรสวรรค์!
ปิงหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เต๋าฮุนอยู่ไหน?ผู้นำกลุ่มพันธมิตรสวรรค์อยู่ที่ไหน? ผู้นำศาลาเต๋าสวรรค์อยู่ที่ไหน? ท่านโม่ฉานฉือล่ะ? ช่วยฟาง…เอ้ย เมิ่งเทียน…เทพสงครามเมิ่งเทียนตัวจริง เขาได้รับบาดเจ็บ โปรดช่วยเขาด้วย! ปิงหยางเดินไปข้างหน้าและกล่าวต่อผู้คนตรงหน้าทั้งหมด
นั่นเมิ่งเทียนหรือ? เมิ่งเทียนตัวจริง?
สายตาของพวกเขามองเมิ่งเทียนที่อยู่ในอ้อมแขนของปิงหยางด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของพวกเขากลับเปลี่ยนไปราวกับรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างน่ากลัวกำลังเกิดขึ้น
วิ่ง!หนีเร็วเข้า! เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อปิงหยางเดินเข้าไปใกล้
มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลและไม่คิดจะอธิบายอะไรให้นางรับรู้แม้แต่น้อย
หนี? ปิงหยางนิ่งไปทันที นางไม่มั่นใจว่าทำไมเขาถึงพูดกับนางเช่นนั้น
……………………………………..