Gate of God – ตอนที่ 1007 ความจริงของปราสาทสีดำ

ตอนที่ 1007 ความจริงของปราสาทสีดำ

ตอนที่ 1007 ความจริงของปราสาทสีดำ

  ความจริงหลังจากที่ฟางเจิ้งจือเข้ามาในปราสาทเขานึกถึงความเป็นไปได้มากมาย เช่นสถานที่แห่งนี้อาจจะเคยเกิดสงครามขึ้นจนเต็มไปด้วยกองกระดูกและศพมากมาย หรืออาจจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยกับดัก

  อย่างไรก็ตามฉากตรงหน้าเขามันเหนือจินตนาการไปยิ่งกว่านั้น

  ไม่มีกองกระดูกหรือศพไม่มีกับดัก อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาชวนตกตะลึงยิ่งกว่านั้น

  ฮี้!เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับม้ายักษ์ที่วิ่งออกมาจากหมอกก้อนหนึ่งไปยังหมอกอีกก้อนหนึ่ง

  มันอาจจะดูไม่ได้แปลกประหลาดมาก

  อย่างไรก็ตามมันยังไม่หมดแค่นั้นเพราะรอบๆตัวม้ามีสิ่งมีชีวิตแปลกๆแหวกว่ายอยู่รอบๆ  ลำแสงหลากหลายสีหมุนวนอยู่รอบๆตัวของมัน

  เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่โลกปกติ

  เพราะฟางเจิ้งจือสัมผัสได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง

   สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยภาพลวงตาขนาดใหญ่? เสียงของปิงหยางเต็มไปด้วยความตกใจ

   ภาพลวงตา? ฟางเจิ้งจือส่ายหัวโดยไม่ได้ตั้งใจ

  คนทั่วไปที่เห็นฉากตรงหน้านี้คงจะคิดแบบเดียวกับปิงหยาง

  แต่ฟางเจิงจือเขาเห็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างออกไป

  มันเป็นโลกที่มีเพียงสีขาวและดำ

  เต๋าวิญญาน!

  ตั้งแต่ที่เขาสามารถใช้มันได้เขาก็เปิดใช้งานมันตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา  เขามั่นใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา

  เป็นเพียงโลกที่ไม่มีอยู่จริง…

  แต่ไม่ใช่ภาพลวงตา?

   เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นภาพลวงตางั้นหรือ? ปิงหยางยังคงไม่เชื่อฟางเจิ้งจือ

   เจ้าเข้าใจถูกแล้วมันเป็นภาพลวงตา  ฟางเจิ้งจือส่ายหน้าอีกครั้ง แม้แต่ตัวเขายังไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจน การยอมรับว่ามันเป็นภาพลวงตานั้นง่ายกว่ามาก

   แล้ว…มันเป็นอันตรายไหม? 

   มู่ฉิงเฟิงเคยเข้ามาก่อนพวกเรายิ่งไปกว่านั้นมีคนจำนวนมากเข้ามาก่อนพวกเรา เช่นนั้นถ้ามีอันตรายก็คงถูกจัดการไปแล้ว 

   งั้นเจ้าหมายความว่าพวกเราควรเดินหน้าต่อไป? 

   หืมพวกเราจะทำแบบนั้นจนกว่าจะเจอกับมู่ฉิงเฟิงและคนอื่นๆ  ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

   งั้นพวกเรารออะไรอยู่? เมื่อได้ยินเช่นนั้นความมั่นใจของปิงหยางก็เพิ่มขึ้นมา

   พวกเราจะเดินทางต่อเมื่อโม่ฉานฉือและคนที่เหลือมาถึง 

   ทำไม? 

   พวกเราต้องเปิดทางไว้ให้พวกเขาเพราะข้าคือเมิ่งเทียนผู้กอบกู้มนุษยชาติ! ฟางเจิ้งจือเขกหัวของปิงหยางเบาๆ

   โอ้ว…ข้าเข้าใจแล้ว! ปิงหยางนึกออกในทันที

   ไร้ยางอาย ดวงตาของหยุนชิงวูกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา

  ฟางเจิ้งจือไม่สนใจสิ่งที่หยุนชิงวูกล่าว

  อย่างที่เขาบอกไว้เขาต้องทำตัวให้สมกับเป็นเมิ่งเทียน

  การวิ่งหนีโดยไม่นึกถึงคนที่ตามมาที่หลังจะสมกับเป็นเมิ่งเทียนได้ยังไง?

  …

  ไม่นานโม่ฉานฉือและศิษย์ที่พยุงเขามาได้ปรากฎขึ้นในสายตาของฟางเจิ้งจือ

  จากนั้นกลุ่มพันธมิตรมนุษย์จำนวนมากก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลัง

   เร็วเข้า.. 

   เร็วเข้ากองทัพอสูรและปีศาจกำลังไล่ตามมา! 

   อย่าขวางทางสิ! 

  พวกเขาวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่เหนื่อยหอบ

  อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดจะหยุด

  เพราะมู่ซิงและตัวตนเทพเจ้าอีกสองคนกำลังไล่หลังพวกเขามา

  โชคดีที่เส้นทางในปราสาทสีดำไม่แคบนักไม่เช่นนั้นคงมีคนต้องล้มตายอีกมายมาย

   ท่านผู้นำโม่ท่านสามารถเดินได้หรือยัง?  ฟางเจิ้งจือถามโม่ฉานฉือด้วยความกังวล   ผู้อาวุโสเมิ่งเทียนท่าน…ท่านไม่ได้หนีไปแล้วหรอกหรือ? ท่านกำลังรอ.. โม่ฉานฉือแปลกใจเล็กน้อย เขาจำได้ว่าเมิ่งเทียนเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาในปราสาทสีดำ

  แต่ตอนนี้…

  เมิ่งเทียนกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ทางเข้า?

  มันเป็นความคิดแรกของโม่ฉานฉืออย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ฟางเจิ้งจือพวกเขากลับต้องประหลาดใจ

  ไม่เพียงแต่โม่ฉานฉือเหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ทุกคนก็ประหลาดใจพร้อมกับเบิกตากว้าง

   อะไรกัน…พวกมันคืออะไร?! 

   แสงพวกนั้น…คือเหล่าสัตว์ร้ายงั้นหรือ? 

   มันเป็นภาพลวงตาใช่แล้วท่านมู่ฉิงเฟิงเคยบอกพวกเราก่อนหน้านี้ว่าเขาเห็นภาพลวงตาตอนที่เข้ามาด้านใน เขายังเตือนให้พวกเราระวังตัว! 

  ศิษย์คนหนึ่งจำสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงกล่าวที่ภูเขาหลิงเซียวได้

   มู่ฉิงเฟิงเองก็คิดว่ามันเป็นภาพลวงตาเหมือนกันงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือตกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้อยู่ที่ภูเขาหลิงเซียวจึงไม่รู้สิ่งที่มู่ฉิงเฟิงพูดเกี่ยวกับปราสาทสีดำ

  อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์บอกว่ามู่ฉิงเฟิงเคยเข้าไปในปราสาทสีดำก่อนที่เขาจะไปที่ภูเขาหลิงเซียว

  ใช่แล้ว!

  มู่ฉิงเฟิงเคยเข้ามาในปราสาทสีดำ!

  ฟางเจิ้งจือนึกขึ้นได้ว่าที่มู่ฉิงเฟิงจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ขึ้นที่ภูเขาสวรรค์เพราะเขาเห็นจารึกบางอย่างในปราสาทสีดำ

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไปที่ภูเขาสวรรค์ช้ากว่าคนอื่นเขาได้ยินจากปิงหยางมาอีกทีเท่านั้น

  นั่นหมายความว่า…

  มู่ฉิงเฟิงและคนอื่นอาจจะไปถึงจุดที่มีจารึกนั่นอยู่แล้วก็ได้   พวกเราควรทำเช่นไร?มีทั้งภาพลวงตาทั้งกองทัพปีศาจอและอสูรตามมาด้านหลัง พวกเราจะต้องตายที่นี่งั้นหรือ?  ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดความคิดของฟางเจิ้งจือ

   ใช่แล้วตอนนี้ท่านโม่ก็บาดเจ็บ รองผู้นำมู่ที่คุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดีก็ไม่อยู่นำทางให้พวกเรา พวกเราจะผ่านภาพลวงตาเหล่านี้ไปได้ยังไงกัน? 

   ดูเหมือนพวกเราต้องฝ่าไปเท่านั้น… 

   พวกเราไม่มีทางอื่นแล้วพวกเราต้องผ่านมันไปให้ได้เท่านั้น! 

  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ต่างถกเถียงกันพวกเขามีเวลาไม่มากนักให้ลังเล

   ไม่ต้องกังวลข้าอยู่ที่นแลวข้าจะนำทางพวกเจ้าเอง!  ฟางเจิ้งจือรู้ว่านี่คือเวลาที่เขาควรเสนอตัว

   ผู้อาวุโสเมิ่งนั้นนึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมและผู้คนก่อนประโยชน์ส่วนตัวเสมอ! ปิงหยางนั้นฉลาดพอที่จะรู้ว่าในเวลาเช่นนี้นางควรพูดอะไรออกไป

   … 

   ผู้อาวุโสเมิ่งนั้นคอยชี้นำพวกเราตลอดเวลา! 

   เราคิดว่าท่านหนีไปเพราะหวาดกลัว…พวกเราช่างน่าละอายยิ่งนัก! 

   ขออภัยต่อผู้อาวุโสเมิ่งด้วย! 

  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ต่างตกตะลึงพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อเมิ่งเทียน

  ในขณะเดียวกันหยุนชิงวูที่ถูกฟางเจิ้งจือใช้มือหนึ่งอุ้มไว้อยู่ก็กล่าวออกมาเบาๆ หน้าด้าน 

   ตามข้ามาอย่าให้คลาดสายตา! ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะเสียเวลาอีกต่อไป เขาหันหลังและตรงเข้าไปในภาพลวงตาพร้อมกับหยุนชิงวูและปิงหยาง

  แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าปราสาทสีดำแห่งนี้แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่และทำไมถึงมีภาพลวงตาเช่นนี้แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องเหล่านั้น…

  เสียงเดินทัพของปีศาจและอสูรใกล้เขามา

  พวกเขาต้องรีบ!

  พันธมิตรฝ่ายมนุษย์รีบตามฟางเจิ้งจือเข้าไปในกลุ่มหมอกที่เปล่งแสงสลัวๆออกมาทันที

  เมื่อพวกเขาเข้าไปพวกเขาเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายกับเสียงของสัตว์ร้ายอยู่ในหูพวกเขา

  มันดังขึ้นเป็นจังหวะแปลกๆ

  เพราะเสียงนั้นอยู่ใกล้มากจนราวกับมันเชื่อมโยงกับจังหวะการเต้นของหัวใจ

   มีบางอย่างไม่ถูกต้อง! ฟางเจิ้งจือสามารถสัมผัสได้ว่าจังหวะการเต้นหัวใจของเขาเปลี่ยนไป รวมถึงการไหลเวียนของเลือดเองก็ได้รับอิทธิพลจากหมอกลวงตาเหล่านี้

  ในขณะเดียวกันเขารู้สึกว่าหมอกรอบๆเริ่มเปลี่ยนไปจากหมอกเริ่มมีภาพหญ้า ต้นไม้และทะเลปรากฎขึ้น

  เปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจรวมถึงการไหลเวียนของเลือดเพื่อสร้างภาพลวงตา?

  มันเป็นวิชาลวงตาทั่วไป

  มีเหตุผลอะไรกันถึงต้องสร้างภาพลวงตาเหล่านี้ขึ้น?

  เป็นไปได้ไหมว่า…

  เพราะต้องการซ่อนบางสิ่งเอาไว้!

  เมื่อความคิดนี้ปรากฎขึ้นในหัวของฟางเจิ้งจืออัตราการเต้นขอหัวใจและการไหลเวียนของเลือดกลับสู่สภาวะปกติทันที ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเงินอ่อนๆ

  ในโลกสีขาวดำเขาเห็นโม่ฉานฉือและพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ราวกับเขากำลังเฝ้ามองคนเหล่านั้นจากท้องฟ้า

  จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโม่ฉานฉือ

   ทุกคนจงฟังให้ดี!พยายามอย่าส่งเสียและกลั้นหายใจเอาไว้ พวกเจ้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่พวกเจ้าได้ยิน ถ้าพบใครมีท่าทีแปลกๆให้ตบไปที่หน้าอกเหนือหัวใจเพื่อรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจ! 

   รับทราบ! พันธมิตรฝ่ายมนุษย์ทำตามที่โม่ฉานฉือบอกทันที

  หลังจากนั้นฟางเจิ้งจือเห็นดวงตาของศิษย์คนหนึ่งกลายเป็นสีแดงก่ำราวกับบ้าคลั่ง

  จากนั้น…

  ศิษย์อีกคนหนึ่งตบไปที่หน้าอกของเขาทันที

  อั้ก!ศิษย์ที่ดวงตาแดงก่ำกระอักเลือดออกมาทันที ก่อนที่ดวงตาและสีหน้าของเขาจะกลับมาเป็นปกติ

   ขอบคุณศิษย์พี่ที่ช่วยชีวิตข้า! 

   ด้วยความยินดีศิษย์น้อง! 

   … 

  ทุกย่างได้บอกฟางเจิ้งจือว่าหมอกที่เต็มไปด้วยแสงเหล่านี้จะก่อให้เกิดภาพหลอนในใจ  เป็นอะไรที่ถูกซ่อนไว้ที่นี่กันแน่?

  ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังคิดอยู่นั้นก็มีอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาในหมอก

  เป็นกองทัพของปีศาจและอสูรภายใต้การนำของมู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคน

  อย่างไรก็ตามต่างจากศิษย์ฝ่ายมนุษย์…

  กำแพงแสงหลากสีเปล่งออกมาจากร่างตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามราวกับเป็นร่มขนาดยักษ์ที่ปกคลุมทั้งกองทัพอสูรและปีศาจ

  มันทำให้พวกเขาเคลื่อนทัพได้อย่างรวดเร็ว

  ใกล้มากขึ้น!

  ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!

  ขณะที่ฟางเจิ้งจือพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับปิงหยางและหยุนชิงวูเขาเห็นกองทัพอสูรและปีศาจเข้ามาใกล้กลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ

  มันเป็นเรื่องดีที่เขามีดวงตาอีกคู่ซึ่งมองเห็นอีกโลกหนึ่งได้

  อย่างไรก็ตามยิ่งเขาเห็นมากเท่าไรเรื่องให้เขารีบมือยิ่งมีมากเท่านั้น

  ถ้าเขาไม่เห็นคงพุ่งไปข้างโดยไม่มีความกังวล

  อย่างไรก็ตามหลังจากเห็น…

  เขาจะยังทำแบบนั้นได้งั้นหรือ?

  ฟางเจิ้งจือรีบหันไปมองปิงหยางจากนั้นก็ปล่อยมือของนางออก ตามข้ามาอย่าให้คลาดสายตา! 

   อื้อ! แม้ปิงหยางจะสับสนแต่นางก็พยักหน้าทันที

  ด้านฟางเจิ้งจือเขาหพลิกมือขวาขึ้น จากนั้นดาบสีเงินอ่อนสามเล่มก็ปรากฎขึ้นบนมือทันที

  ฟุ้บ!เสียงเบาๆดังขึ้น ดาบทั้งสามเล่มถูกโยนออกไปเป็นเส้นโค้งบนท้องฟ้า

  จากนั้น..   ราวกับเป็นอุกาบาตสีเงินสามลูกที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพวกมันปะทะเข้ากับกำแพงแสงเหนือหัวของตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามในเวลาเดียวกัน

  ตูม!เสียงระเบิดของสายฟ้าดังขึ้น

  คลื่นกระแทกอันรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อดาบยาวปะทะเข้ากับกำแพงแสง

  ในเวลาเดียวกันมีฉากแปลกๆเกิดขึ้นหมอกที่เต็มไปด้วยแสงสลัวๆเริ่มก่อตัวหนาแน่นขึ้น…

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท