Gate of God – ตอนที่ 1035 การสังหารที่ไร้ความเมตตา

ตอนที่ 1035 การสังหารที่ไร้ความเมตตา

ตอนที่ 1035 การสังหารที่ไร้ความเมตตา

   ตัวตนระดับเทพเจ้า?!ข้าเหยียนเฉียนหลี่ไม่มีทางกลัว!  เหยียนเฉียนหลี่กล่าวพร้อมเดินไปหาฟางเจิ้งจือ ผมสีขาวลอยไปตามสายลม

  ในเวลาเดียวกันปิงหยางก็เดินมาด้านข้างของฟางเจิ้งจือแววตาของนางแสดงให้เห็นถึงความสับสนและจริงจังในเวลาเดียวกัน

  นางไม่รู้ว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงเลือกนางที่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับกู่หยวน

  ด้านมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความจริงตรงหน้า

  ฝ่ายกองทัพปีศาจและอสูรเมื่อพวกเขาเห็นปิงหยางและเหยียนเฉียนหลี่เดินออกมาพวกเขาอดที่จะตกใจไม่ได้เพราะทั้งคู่ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายมนุษย์

  แม้แต่หนานกงมู่ก็แปลกใจที่ฟางเจิ้งจือเลือกปิงหยาง….    เขามั่นใจขนาดนั้น? หนานกงมู่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกฟางเจิ้งจือประเมิณต่ำไป

  เพราะเขารู้ว่าฟางเจิ้งจือไม่มีทางตัดสินใจลวกๆ

   งั้นเริ่มกันเลยไหม? หนานกงมู่ถาม

   อืม ฟางเจิ้งจือพยักหน้าพร้อมกับเดินไปด้านหลังปิงหยาง

   … กลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์เงียบเสียงลงอีกครั้ง

   … แม้แต่ฝ่ายอสูรและปีศาจก็เช่นกันพวกเขาไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือกำลังคิดอะไรอยู่

  ปิงหยางยืนอยู่ตรงกลางเหยียนเฉียนหลี่กับเหยียนซิวยืนอยู่ด้านซ้ายและขวาของปิงหยาง

  ฟางเจิ้งจือที่แข็งแกร่งที่สุดกลับไปยืนอยู่ด้านหลังปิงหยาง

   ฟางเจิ้งจือทำอะไรอยู่? 

   ไม่เพียงแต่เขาจะเลือกปิงหยางแต่เขายังวางปิงหยางไว้ตรงกลางไม่ใช่ว่าเท่ากับส่งนางไปตายงั้นรึ? 

   ใช่แล้วเว้นแต่ฝ่ายตรงข้ามจะเลือกโจมตีโดยมองข้ามปิงหยางไป 

  เหล่าศิษย์ฝ่ามนุษย์ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดีพวกเขารู้สึกว่าตำแหน่งที่ปิงหยางยืนอยู่ในตอนนี้ควรจะเป็นฟางเจิ้งจือ…

  ยิ่งไปกว่านั้น…

  โจวฉีและหลินยู่กำลังยืนเผชิญหน้ากับปิงหยางตรงๆนั่นแปลว่าการที่นางยืนแบบนี้จะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับเทพเจ้าถึงสองคน

   มันแปลกๆหรือเปล่า? ความเยือกเย็นปรากฎขึ้นในดวงตาของหลินยู่

   อืม หนานกงมู่พยักหน้า

   พวกมันต้องการจะทำให้เราสับสนหรือเปล่า?พวกเราแค่ฆ่าเจ้าเด็กนั่นทิ้ง จากนั้นก็จัดการตาแก่นั่นและเหยียนซิว จากนั้นก็รวมพลังกันเพื่อจัดการฟางเจิ้งจือ ท่านคิดเช่นไร?  หลินยู่กล่าวอีกครั้ง

  หนานกงมู่ไม่ได้ตอบหลินยู่ทันที

  นั่นเป็นเพราะแผนการเดิมคือเขาจะจัดการฟางเจิ้งจือด้วยตัวเองส่วนหลินยู่และราชาอสูรอีกสองคนจะรับมือกับคนที่เหลือ

  อย่างไรก็ตามเมื่อปิงหยางยืนอยู่ด้านหน้าฟางเจิ้งจือเขาก็ไม่มีทางเลือก

  ถ้าเขาต้องการโจมตีฟางเจิ้งจือเขาต้องจัดการปิงหยางที่ขวางไว้ให้ได้ก่อน

  เขาวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่?

  ขณะที่หนานกงมู่กำลังจมอยู่ในความคิดเขาพบว่าปิงหยางกำลังหมดความอดทนและพุ่งมาที่เขาแล้ว

  นางตะโกนก้องขณะที่พุ่งตัวออกมา

   ตายข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด! 

   … 

   ฆ่าพวกมันให้หมด?! 

  ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น  ปิงหยางที่พุ่งเข้าสู่ระดับเซียนโจมตีตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสองคนด้วยหอกเพลิงฉีหลินในมือ

  นางเป็นบ้าไปแล้วหรอ?

   ไปตายซะ! โดยไม่รีรอให้หนานกงมู่ตอบ หลินยู่ได้เคลื่อนไหว

  จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากร่างก่อตัวเป็นเมฆที่หมุนวนอยู่รอบตัวเขาในเวลเดียวกันดาบน้ำแข็งสีน้ำเงินได้ก่อตัวขึ้นท่ามกลางก้อนเมฆที่ลอยอยู่

  มันเป็นดาบน้ำแข็งยักษ์สีน้ำเงินที่มีความยาวมากกว่าสามเมตรดอกไม้สีน้ำเงินลอยอยู่รอบๆใบดาบ

  ฟุ้บ!มันพุ่งไปหาปิงหยางทันที

  หนานกงมู่หรี่ตามองฉากที่เกิดขึ้นนั่นเป็นเพราะแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าฟางเจิ้งจือไม่มีทางปล่อยให้ปิงหยางต่อสู้กับหลินยู่

  เขากำลังรอ!

  เขากำลังรอให้ฟางเจิ้งจือสลับตำแหน่งกับปิงหยาง

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือกลับไม่เคลื่อนไหวเขาตามหลังปิงหยางไม่ห่างและปล่อยให้นางเผชิญหน้ากับดาบน้ำแข็งด้วยหอกเพลิงฉีหลิน

  ปิงหยางกำลังจะถูกดาบแทงมันใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…

  ทันใดนั้นลำแสงสีแดงสองเส้นได้ตัดผ่านดาบน้ำแข็งมันเป็นเต๋าอาชูร่า!

  ตูม!ดาบน้ำแข็งยักษ์แตกออกเป็นสองส่วนทันที

   ตาย! ร่างของเหยียนเฉียนลีเปล่งแสงสีแดงออกมาปกคลุมทั้งร่างเป็นชั้นบางๆ

  เช่นเดียวกับเหยียนซิวร่างของเขาก็ปกคลุมด้วยแสงสีแดงเช่นกัน

  อย่างไรก็ตามเทียบกับเหยียนเฉียนหลี่แล้วพลังของเหยียนซิวนั้นดูรุนแรงกว่ามาก ราวกับเขาเป็นอาชูร่าจากนรกเอง

   สามต่อหนึ่ง?นี่เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว!  ราชาอสูรด้านข้างหลิงหนิงไม่รีรออีกต่อไปเมื่อเห็น ปิงหยาง เหยียนเฉียนหลี่และเหยียนซิวผสานการโจมตีกัน

  สี่ต่อสี่เขาไม่มีทางปล่อยให้หลินยู่เผชิญหน้ากับศัตรูสามคนด้วยตัวคนเดียว

  โฮก!

  ราชาอสูรพุ่งไปหาปิงหยางมือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนพื้นกลายเป็นกีบเท้าขนาดใหญ่ ปีกยักษ์สีดำสามปีปรากฎขึ้นบนแผ่นหลัง

  มันเป็นสัตว์อสูรรูปร่างแปลกประหลาดมีเขาทั้งสองข้างเหมือนกระทิงแต่มีสามปีกอยู่ด้านหลัง พร้อมกับกรงเล็บสีฟ้าทั้งสี่

  เมื่อเขาโจมตีเขากลับสู่ร่างที่แท้จริง

  มันพุ่งเอาเขาทั้งสองข้างโจมตีเข้าใส่ร่างของปิงหยาง

   กรี้ด!ข้ากำลังจะถูกฆ่าแล้ว เร็วเข้าช่วยข้า!  ใบหน้าของปิงหยางซีดขาวทันทีเมื่อเห็นกระทิงยักษ์วิ่งเข้ามา

   ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลตราบใดที่มีข้าอยู่ท่านมั่นใจได้ว่าจะปลอดภัย!  เหยียนเฉียนหลี่ตะโกนพร้อมกับแทงหอกสีแดงในมือออกไปยังร่างของกระทิงยักษ์

  ตูม!

  หอกสีแดงแทงเข้าไปยังหน้าผากของราชาอสูรแต่มันไม่สามารถเจาะเข้าไปด้านในได้ มีเพียงรอยแผลจางๆเกิดขึ้นเท่านั้น

  เต๋าอาชูร่านั้นแข็งแกร่งมาก

  อย่างไรก็ตามดูเหมือนพลังป้องกันของราชาอสูรจะแข็งแกร่งกว่มาก

  โฮก!ราชาอสูรยกร่างขึ้นอีกครั้ง คลื่นอากาศก่อตัวขึ้นที่กรงเล็บของมัน โดยไม่ลังเลมันตะปบไปที่เหยียนเฉียนหลี่ทันที

  ทันใดนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น

  เหยียนเฉียนหลี่ที่ร่างปกคลุมด้วยสีแดงเห็นลำแสงสีฟ้าสว่างขึ้นและแทบจะหายไปในทันที

   ไม่! เมื่อหลินยู่เห็นแสงนั้น เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดพลาด อย่างไรก็ตามราชาอสูรอยู่ใกล้กับเหยียนเฉียนหลี่มากเกินไปเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรได้

  แม้แต่หนานกงมู่ก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน

  เขารอให้ฟางเจิ้งจือช่วยปิงหยางโดยใช้เต๋าสวรรค์อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดคิดว่าฟางเจิ้งจือจะใช้เต๋าสวรรค์กับเหยียนเฉียนหลี่กับปิงหยาง

   เขาไม่ช่วยปิงหยางแต่ช่วยเหยียนเฉียนหลี่?!  แม้แต่หนานกงมู่ก็ไม่คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แม้เขาจะต้องการโจมตีแต่มันก็สายเกินไปแล้ว

  นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งจือได้มาถึงตำแหน่งที่เหยียนเฉียนหลี่ยืนอยู่แล้ว

  ครืน!ท้องฟ้าส่องสว่างเป็นแสงห้าสีที่ต่างกัน ฟ้า เขียว ดำ แดง เงิน แสงทั้งห้าสีหมุนวอยู่รอบกงล้อแห่งการจุติเหนือหัวของฟางเจิ้งจือ

  เต๋าสวรรค์เต๋าชีวิต เต๋านรก เต๋าอาชูร่าเต๋าวิญญาน

  สัญลักษณ์อันซับซ้อนทั้งห้าทำให้ท้องฟ้าส่องสว่างราวกับท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยห้าสี

   อะไรกัน?! 

   นั่นมันกงล้อแห่งการจุติเต๋าแห่งการจุติทั้งห้า! 

   การรวมกันของเต๋าทั้งห้า! 

  เหล่าศิษย์ต่างมองไปที่กงล้อแห่งการจุติเหนือหัวของฟางเจิ้งจือมันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเหตุการณ์แปลกๆเช่นนี้

   เจ้าเด็กเหลือขอสามารถเข้าถึงเต๋าทั้งห้าแห่งการจุติได้จริงๆ?! แม้แต่มู่ฉิงเฟิงเองก็ตกตะลึง

  เขาเคยเห็นกงล้อแห่งการจุติในการต่อสู้ที่ศาลาเต๋าสวรรค์

  แต่ตอนนั้นฟางเจิ้งจือสามารถเข้าถึงเต๋าแห่งการจุติได้เพียงสามจากหก

  แต่ตอนนี้ฟางเจิ้งจือแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนนั้นการใช้เต๋าแห่งการจุติได้ถึงห้าในหกมันสมควรแล้วที่จะบอกว่าตอนนี้เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก

  นึกถึงเรื่องในอดีต…

  มู่ฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความเสียดายและอารมณ์อันซับซ้อน

  ราวกับทุกอย่างเป็นโชคชะตา

  อย่างไรก็ตามอดีตไม่สามารถแก้ไขได้

  กงล้อแห่งการจุติเปล่งแสงออกมาก่อนที่จะรวมกันกลายเป็นดาบยาวสีแดงในมือของฟางเจิ้งจือ

  มันเป็นดาบยาวที่เกิดจากเต๋าอาชูร่าแต่กลับมีคำหนึ่งปรากฎอยู่บนใบดาบ…

  ผสาน!

   ตาย! กงล้อแห่งการจุติเหนือหัวของฟางเจิ้งจือหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ไป

  ดาบยาวสีแดงแทงไปที่หน้าผากของราชาอสูรอีกครั้ง  มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เหยียนเฉียนหลี่โจมตีไปก่อนหน้านี้

  อย่างไรก็ตามครั้งนี้ดาบสามารถเจาะผ่านการป้องกันของราชาอสูรได้

  ตึง!กรงเล็บทั้งสองข้างของราชาอสูรปะทะเข้ากับร่างของฟางเจิ้งจือ แต่มันกลับอ่อนแอมากจนไม่เกิดผลอะไร

  นั่นเป็นเพราะราชาอสูรได้สูญเสียสมาธิจากการบาดเจ็บที่หน้าผาก

  เขาต้องการที่จะล่าถอย

  อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถอยได้

  พลังอันรุนแรงได้ตรึงร่างของเขาไว้ที่พื้นโซ่จำนวนหนึ่งผูกมัดร่างกายของเขาไว้

  ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะแสดงความเมตตาเพราะการต่อสู้นี้จะตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติ

  ดาบยาวที่แทงเข้าไปในหน้าผากของราชาอสูรระเบิดออกและกลายเป็นลำแสงสีแดงจำนวนมาก  ล้านคมดาบ

  วิชาลับสุดยอดของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรเซี่ย!

  มันแทงเข้าที่หัวของราชาอสูรอย่างต่อเนื่องเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับชิ้นเนื้อที่ลอยว่อนไปทั่ว

   โหดเหี้ยมมาก! หลินยู่รู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง เขาไม่คาคดคิดว่าความตายจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้

  ราชาอสูรได้ตายลงแล้ว!

  ดูเหมือนหลินยู่จะรู้แล้วว่าตำแหน่งการยืนของฟางเจิ้งจือนั้นเป็นกับดักขนาดใหญ่

  ใช้ปิงหยางเป็นเหยื่อล่อ

  ส่วนฟางเจิ้งจือจะใช้โอกาสขณะที่ทุกคนกำลังเพ่งสมาธิไปที่ปิงหยางโจมตี

   ข้าเข้าใจแล้วเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม!  หนานกงมู่เองก็คิดได้เช่นกัน

   เจ้าเด็กเหลือขอแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดนัก…นอกจากพลังแล้วเขายังเจ้าเล่ห์มากแผนการของเขานั้นเกินกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้นัก!  ถ้าโม่ฉานฉือไม่เห็นฉากตรงหน้ากับตาตัวเอง เขาคงไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

  มันเร็วเกินไป!

  ราชาอสูรตายเร็วเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดนัก!

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท