Gate of God – ตอนที่ 1022 ห้าเงาหนึ่งวิญญาน

ตอนที่ 1022 ห้าเงาหนึ่งวิญญาน

ตอนที่ 1022 ห้าเงาหนึ่งวิญญาน

  เหล่าศิษย์ต่างตกอยู่ในความหวาดหวั่นกองทัพอสูรและปีศาจที่ปรากฎขึ้นนั้นแข็งแกร่งเกินไป มันเหนือกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้นัก

  ด้านมู่ซิงหลินยู่และตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสามคนที่ยู่ด้านหลังโจวฉีก็ดูงุนงงเช่นกัน

   เมิ่งเทียนหายไป? มู่ซิงรู้สึกว่าเมิ่งเทียนไม่ควรจะหายตัวไป อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

  กลับกันหลินยู่และกองทัพอสูรปีศาจแปลกใจเพราะพวกเขาเห็นร่างหนึ่ง

  ฟางเจิ้งจือ!

  เขาควรจะอยู่ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ

  ’ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?’หลินยู่งงงวยมาก ก่อนที่เขาจะนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

  เมิ่งเทียนหายไป

  แต่ฟางเจิ้งจือปรากฎตัวขึ้น?   หรือสิ่งที่นายน้อยกังวลนั้นกลายเป็นเรื่องจริง?!หลินยู่รู้สึกหวาดกลัวทันที

  ถ้าฟางเจิ้งจือเป็นเมิ่งเทียนจริงๆมันหมายความว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งปีเขากลับแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้

  เขายังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่อีกหรือเปล่า?

  ด้านกองทัพปีศาจและอสูรต่างตกอยู่ในความสับสนเช่นกัน

  ทันใดนั้นเองเสียงของโจวฉีได้ดังขึ้น ฟางเจิ้งจือคือเมิ่งเทียน เมิ่งเทียนคือฟางเจิ้งจือ! 

  น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและบรรยากาศแห่งความตาย

   อะไรนะ?! 

   ฟางเจิ้งจือคือเมิ่งเทียน?! 

   เป็นเรื่องจริงงั้นรึ?! 

  กองทัพปีศาจและอสูรไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่โจวฉีพูดได้อย่างไรก็ตามตอนนี้โจวฉีเป็นผู้บัญชาการกองทัพในปัจจุบัน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ

  มันเป็นความจริงที่น่าหวาดกลัว!

  …

  ฟางเจิ้งจือรู้ว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยตั้งแต่ที่สู้กับโจวฉีแล้วดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจที่โจวฉีพูดเช่นนั้น

  อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้โจวฉีถึงยืนอยู่ด้านหน้ากองทัพอสูรและปีศาจ

  มันควรจะเป็นฉินเซียนไม่ใช่หรือ?

  ยิ่งไปกว่านั้นโจวฉีน่าจะบาดเจ็บหนักอยู่ไม่ใช่หรือ?

  จากนิสัยของเขาแล้วสิ่งแรกที่น่าจะทำหลังบาดเจ็บหนักคือหนีแต่ตอนนี้เขากลับปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง

  แปลก

  แปลกมาก

  ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ฟางเจิ้งจือเห็นก้าวเดินออกมาด้านหน้าพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อย

   ข้าขอแนะนำตัวข้าคือโจวฉีผู้บัญชาการกองทัพอสูรและปีศาจคนปัจจุบัน 

   อะไรนะ?!ผู้บัญชาการ? 

  ไม่เพียงแต่ฟางเจิ้งจือคนเดียวที่งุนงงแม้แต่โม่ฉานฉือและกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ทั้งหมดต่างุนงงไม่แพ้กัน

  ’ผู้บัญชาการไม่ใช่ฉินเซียนงั้นหรือ?’

  ’ทำไมถึงกลายเป็นโจวฉีได้?’

  ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไรก็ตามไม่มีอสูรและปีศาจคนไหนคัดค้านสิ่งที่โจวฉีพูด แสดงว่ามันเป็นเรื่องจริง

   ฉินเซียนตายไปแล้ว โจวฉีกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

   … 

   … 

  ปากของโม่ฉานฉืออ้าค้าง

   เจ้าเป็นคนฆ่าเขางั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือถาม

   ใช่ โจวฉีพยักหน้า

   ทำไม? 

   เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นผู้บัญชาการ โจวฉีอธิบายอย่างไม่รีบร้อนมากนัก

   ใช่แล้วเขาอ่อนแอจริงๆ ฟางเจิ้งจือพยักหน้าเห็นด้วยกับโจวฉี

  มู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าคนอื่นๆต่างพูดไม่ออก

  ’ฉินเซียนอ่อนแอ?’

  ถ้าฉินเซียนอ่อนแอแล้วพวกเขาล่ะ?

   ข้านั้นทำสิ่งที่ต่างออกไปจากฉินเซียน โจวฉีกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

   งั้นรึ?ต่างกันตรงไหน?  ฟางเจิ้งจือต้องการเห็นสีหน้าของโจวฉีภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำ

  อย่างไรก็ตามนอกจากผ้าคลุมหน้าแล้วยังมีเหมือนหมอกดำๆซ้อนอยู่ด้านใต้อีกชั้น

  เห็นได้ชัดว่าโจวฉีไม่อยากให้ใครเห็นหน้าตาของเขา

  มันแปลกจริงๆ

   ข้าชอบพูดตรงๆและไม่ชอบการพูดคุยที่เสียเวลา โจวฉีกล่าวเรียบๆ

  ฟางเจิ้งจือแปลกใจเล็กน้อยโจวฉีที่อยู่ตรงหน้ามีนิสัยต่างออกไปจากโจวฉีที่เขารู้จัก

  อย่างไรก็ตามทั้งตัวเขาโม่ฉานฉือ มู่ฉิงเฟิง กลุ่มพันธมิตรสวรรค์ต่างอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาบอกว่าไม่ชอบพูดคุยแต่ตอนนี้เขากำลังคุยกับฟางเจิ้งจืออยู่

   แล้วทำไมเจ้ายังไม่โจมตีล่ะ? ฟางเจิ้งจือตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

   ข้ามีเรื่องที่กังวลอยู่ โจวฉีกล่าวเบาๆ

  มันเป็นเหตุผลที่ตรงไปตรงมา

  มันอาจจะเป็น…หยุนชิงวู

   ดูเหมือนข้าจะตัดสินใจได้ถูกต้องที่ไว้ชีวิตหยุนชิงวู ฟางเจิ้งจือยิ้มหลังจากที่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของโจวฉี

   ถูกต้อง โจวฉีพยักหน้า

   ข้าเดาว่ากองทัพของเจ้าคงไม่กล้าโจมตีตราบใดที่หยุนชิงวูยังอยู่ในมือของข้า รอยยิ้มของฟางเจิ้งจือเริ่มสว่างขึ้น

   ไม่ข้ากังวล แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่กล้าลงมือ  โจวฉีส่ายหัว

   พูดตรงๆกว่านี้ได้ไหม? 

   ข้าต้องการเจรจากับเจ้า 

   เจรจาอะไร? 

   ข้าได้ยินว่ามนุษย์ได้จัดการประชุมพันธิมตรสวรรค์ขึ้นที่ภูเขาสวรรค์อย่างไรก็ตามมันถูกขัดเพราะประตูเทพเจ้าของปีศาจและอสูรได้เปิดออกเสียก่อน 

   เจ้าได้ยินถูกแล้ว 

   ข้าต้องการจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ต่อ    จัดการประชุมพันธิมตรสวรรค์ต่อ? รอยยิ้มของฟางเจิ้งจือค่อยๆจางหายไป

  เขาคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆแต่ไม่ได้คาดคิดว่าเขาต้องการจะจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ต่อ

  แปลก

  มันแปลกมาก

  ที่สำคัญคือโจวฉีจะจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ไปทำไม?

  เป้าหมายของการประชุมคือเพื่อจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ขึ้นมาแต่โจวฉีเป็นปีศาจ

   เจ้าเป็นใครกันแน่? ฟางเจิ้งจือถามคำถามที่เขาไม่เคยคิดจะถาม เขารู้สึกว่าโจวฉีไม่ใช่โจวฉี

  แต่บรรยากาศแห่งความตายที่ปล่อยออกมาจากร่างนั้นเป็นของโจวฉีจริงๆ

  หรือเขามีน้องชาย?

   โจวฉี อย่างไรก็ตามเขาตอบกลับเรียบๆ   แล้วถ้าข้าไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขการเจรจาของเจ้าล่ะ? ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้ว เขาอารมณ์เสียกับคำตอบของโจวฉี

  อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะถามต่อเพราะโจวฉีไม่มีทางบอกเขาแน่นอน

   ดูด้านหลังข้าเจ้าไม่มีตัวเลือก  โจวฉีไม่แปลกใจกับคำตอบของฟางเจิ้งจือ เขาชี้ไปที่ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสี่พร้อมด้วยกองทัพอสูรและปีศาจที่ยืนอยู่ด้านหลัง

   ตาย! 

   ตาย! 

   … 

  เสียงคำรามจากกองทัพในตอนนี้ต่างจากตอนที่ฉินเซียนเป็นผู้บัญชาการอย่างชัดเจน

  ความดุร้ายของพวกเขาแทบไม่ต่างจากตอนที่หยุนชิงวูยังอยู่

   เจ้าคิดว่ามนุษย์จะแพ้แน่นอนถ้าเกิดสงคราม? ฟางเจิ้งจือจับดาบแน่นและชี้ไปที่ลำคอของโจวฉี

   ใช่แล้วเมื่อเกิดสงครามขึ้น ข้าก็แค่ตรึงเจ้าไว้กับข้า จากนั้นก็ส่งตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสี่ไปจัดการปิงหยางกับเหยียนซิว พวกเขาจะตายในไม่ถึงสิบห้านาที  โจวฉีตอบอย่างมั่นใจ

   เจ้ากำลังขู่ข้า? ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้ว

   ข้าแค่บอกแผนการของข้าให้เจ้าฟังแน่นอนว่าข้าพูดเรื่องที่ข้ากังวลไปแล้วด้วย ข้าไม่อยากจะทำตามแผนการนั้นเท่าไรนัก ถ้าพวกเราจบด้วยการเจรจามันก็เป็นเรื่องดี? 

   เจ้าต้องการจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ขึ้นอีกครั้ง? 

   ใช่แล้ว 

   เป้าหมายของเจ้าคืออะไร? 

   ในเมื่อมันเป็นการประชุมที่ต้อนรับทุกสำนักทั่วโลกนั้นหมายความว่าต้องรวมสำนักปีศาจและอสูรด้วย  โจวฉีอธิบายอย่างสงบ

   สำนักอสูรและปีาจ?ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อน การประชุมพันธิมตรสวรรค์ไม่ต้อนรับสำนักเล็กๆหรอกนะ  ฟางเจิ้งจือปฏิเสธทันที

   ไม่แปลกที่เจ้าไม่เคยได้ยินมันพึ่งถูกตั้งขึ้นวันนี้โดยเผ่าอสูรและปีศาจ จำนวนศิษย์ก็ประมาณสองแสนคน ข้าคิดว่ามันคงไม่เรียกว่าเป็นสำนักขนาดเล็ก  โจวฉีไม่หงุดหงิดกับความไร้ยางอายของฟางเจิ้งจือราวกับเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดี

   เจ้าคิดว่าสามารถสร้างสำนักขึ้นด้วยตัวเองง่ายๆงั้นรึ?อสูรและปีศาจมีสถานที่ตั้งสำนักแล้วงั้นหรือ? หากไม่มีพวกเจ้าก็เป็นได้แค่กองทัพเถื่อน ไม่นับเป็นสำนัก 

   โชคดีที่พวกเรามีที่ตั้งสำนักของตัวเองแล้วที่หนองน้ำยักษ์ 

   หนองน้ำยักษ์?มันเป็นอาณาเขตของจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ มันไม่ใช่ของเจ้าถ้าไม่มีอะไรมายืนยัน!  ฟางเจิ้งจือยังคงพูดต่อไป

   …    ข้าสามารถรับรองให้ได้ 

  ขณะที่ทุกคนต่างพูดไม่ออกกับคำพูดของฟางเจิ้งจือเสียงของหยุนชิงวูได้ดังขึ้น

   หยุนชิงวูเจ้าเป็นตัวประกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น  ฟางเจิ้งจือหันไปมองหยุนชิงวูตาขวางทันที

   ข้าเป็นตัวประกันแต่ข้าเองก็เป็นธิดาของจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือเช่นกัน ดังนั้นข้าสามารถรับรองได้ว่าหนองน้ำยักษ์นั้นเป็นที่ตั้งของสำนักอสูรและปีศาจ  หยุนชิงวูไม่สนใจสายตาของฟางเจิ้งจือ

   หยุนชิงวูข้ากังวลถึงความเป็นอยู่ในอนาคตของเจ้าในฐานะตัวประกันจริงๆ  ฟางเจิ้งจือกำหมัดแน่น

   ในเมื่อข้าเป็นตัวประกันของเจ้าเจ้าอยากทำอะไรก็แล้วแต่เจ้า 

   … ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออกจริงๆ

  ทันใดนั้นเองโจวฉีก้าวไปด้านหน้าและโค้งหัวให้หยุนชิงวู ขอบคุณมากนายน้อย งั้นฟางเจิ้งจือเจ้ายังมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่? 

   แน่นอน! ฟางเจิ้งจือตอบโดยไม่ลังเล

   งั้นรึ?ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าไม่ชอบการพูดคุยที่เสียเวลา  โจวฉีดูเหมือนกำลังจะหมดความอดทน

   แต่ข้าชอบ! ฟางเจิ้งจือไม่ใส่ใจ

   … โจวฉีอ้าปาก แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี หลังจากผ่านไปสักพักในที่สุดเขาก็ถามอีกครั้ง  เจ้ามีคำถามอีกมากไหม? 

   หนึ่ง 

   งั้นเชิญ 

   เจ้าสามารถฆ่าฉินเซียนได้ในกี่กระบวนท่า? แสงสีเงินปรากฎขึ้นในดวงตาของฟางเจิ้งจือขณะที่เขาถามคำถาม

  มันเป็นเต๋าวิญญาน

  ทำให้เขาสามารถมองเห็นอีกโลกได้

  ขณะที่แสงสีเงินปรากฎขึ้นฟางเจิ้งจือเห็นโลกที่เต็มไปด้วยสีดำและขาว เงาสีขาวมากมายปรากฎขึ้นเหนือกองทัพอสูรและปีศาจ

  ต่างจากเงาสีดำที่อยู่บนพื้นมันเป็นเงาของดวงวิญญาน

  ทุกคนมีหนึ่งดวงวิญญานและทุกดวงวิญญานจะมีหนึ่งเงา ไม่ว่าจะเป็นอสูร ปีศาจหรือมนุษย์ก็ตาม ไม่มีความแตกต่างกัน

  อย่างไรก็ตามดวงตาของฟางเจิ้งจือต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะมองโจวฉี

  มันเป็นเพราะ…มีห้าเงาปรากฎอยู่บนร่างของโจวฉี!

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท