Gate of God – ตอนที่ 1041 ตำนาน

ตอนที่ 1041 ตำนาน

ตอนที่ 1041 ตำนาน

    เขาเข้าไปในหมอกนั่นจริงๆ?!  

    เขาเป็นแค่เซียนธรรมดาๆเองนะ?  

    แม้เหยียนซิวจะฆ่าท่านหลิงหนิงได้แต่พิจารณาจากระดับการบ่มเพาะของเขาแล้ว เขาควรจะรออยู่ด้านนอกมากกว่า การเข้าไปด้านในเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ  

  อสูรและปีศาจต่างเยาะเย้ยเมื่อเห็นเหยียนซิวตรงเข้าไปในหมอกที่เกิดจากลมหายใจแห่งความตาย

  ด้านฝ่ายมนุษย์เองก็กังวลกับการกระทำของเหยียนซิวเช่นกัน

  สถานการณ์ที่การต่อสู้ด้านในหมอกแห่งความตายยังไม่ชัดเจนวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเหยียนซิวควรไปช่วยปิงหยางกับเหยียนเฉียนหลี่สู่กับหลินยู่ก่อน

  ตราบใดที่หลินยู่ตายแม้ว่าฟางเจิ้งจือจะแพ้โจวฉี แต่มนุษย์ก็ยังมีความหวังอยู่ โจวฉีอาจบาดเจ็บสาหัสหลังสู้กับฟางเจิ้งจือทำให้คนที่เหลืออยู่สามคนอาจจะเอาชนะได้

    เหยียนซิวเร่งรีบเกินไป!  

    เห้อเขายังเด็กเกินไปและขาดการไตร่ตรองที่ดี  

    น่าเศร้าเหลือเกินความหวังของพวกเราต้องมาพังทลายลงในมือของเขา  

  เหล่าผู้นำสำนักต่างถอนหายใจ

    ตาเฒ่ามู่ไม่มีอะไรจะพูดหรือ?  โม่ฉานฉือถามเมื่อเห็นมู่ฉิงเฟิงเงียบไป

    ข้าควรพูดอะไรงั้นรึ?  มู่ฉิงเฟิงถาม

    เกี่ยวกับการกระทำของเหยียนซิว?  

    เห้อ…ข้าก็ไม่ได้มีอะไรจะพูดมากนักนอกจาก…ข้าไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย  มู่ฉิงเฟิงส่ายหัว เขารู้ว่าเหยียนซิวอาจจะทำแบบนี้อยู่แล้ว

  ย้อนกลับไปในอดีตตอนที่ฟางเจิ้งจือบุกเข้าไปในศาลาหยินหยางด้วยตัวคนเดียวเพื่อช่วยชีวิตเหยียนซิวตอนนั้นเขาก็หุนหันพลันแล่นมิใช่น้อยเช่นกัน

  เพื่อน?

  มู่ฉิงเฟิงมองร่างที่หายเข้าไปในหมอกแห่งความตายแล้วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

    เจ้าไม่แปลกใจ?  โม่ฉานฉือจมอยู่ในความคิดหลังจากฟังคำพูดของมู่ฉิงเฟิง   ฮ่าฮ่า ก็จริง เจ้าไม่ควรจะแปลกใจที่เหยียนซิวจะตรงเข้าไปช่วนฟางเจิ้งจือ!  

    ใช่แล้วเพราะเขาคือเหยียนซิว!   วู่จวี้เอ๋อเองก็ถอนหายใจเช่นกันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

  …

  เหยียนซิวไม่รู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายนอก

  ร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยชุดเกราะสีแดงที่ทำจากเต๋าอาชูร่าเพื่อใช้ป้องกันลมหายใจแห่งความตาย

    รอข้าก่อน!  แม้ชุดเกราะสีแดงของเขาจะถูกกัดกร่อนด้วยลมหายใจแห่งความตายแต่เขากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย  ในใจของเขาคิดเพียงเรื่องเดียวคือไปถึงตัวฟางเจิ้งจือให้เร็วที่สุด

  ไม่นานเขาก็ไปถึงจุดศูนย์กลางของหมอก

  เขาสังเกตุเห็นร่างทั้งสองที่ยืนอยู่ทันที

    เจอแล้ว!  โดยไม่ลังเล เหยียนซิวพุ่งไปหาร่างที่คาดว่าเป็นฟางเจิ้งจือทันที

  อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นอีกร่างชัดเจนร่างของเขากลับแข็งค้าง

    หนานกง…มู่?!  

    หืม?เหยียนซิว?   ฟางเจิ้งจือหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงของเหยียนซิว

    โจวฉีอยู่ไหน?  เหยียนซิวมองไปยังหนานกงมู่ที่สวมใส่ชุดสีดำและมีหมอกสีเทาไหลออกมาจากร่างกาย

  มันเป็นลมหายใจแห่งความตาย

  อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดเหมือนกับฟางเจิ้งจือก่อนหน้านี้    หนานกงมู่คือโจวฉีโจวฉีคือหนานกงมู่   ฟางเจิ้งจืออธิบายเมื่อเห็นเหยียนซิวตกใจ

    อืมข้าเข้าใจแล้ว มาเริ่มสู้กันเถอะ   เหยียนซิวพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก

  นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งจือกล่าวออกมาชัดเจนขนาดนี้ต่อให้เขาพยายามปฏิเสธแค่ไหนแต่โจวฉีคือหนานกงมู่จริงๆ

    เหยียนซิวออกไปซะด้วยพลังของเจ้าไม่สามารถอยู่ในนี้ได้เกินห้านาที   หนานกงมู่กล่าวหลังจากเหลือบมองชุดเกราะสีแดงของเหยียนซิว

    หนึ่งนาทีก็เพียงพอ  เหยียนซิวไม่สนใจ เขาหยิบพัดสีเงินขึ้นมาทันที

    อืมมันเพียงพอจริงๆ  ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

  จริงๆแล้วเขาก็ต้องการให้เหยียนซิวออกไป

  แต่เขาไม่ได้พูดออกไป

  เพราะเขารู้ว่าเหยียนซิวไม่มีทางยอมในเมื่อเขาไม่ยอมก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องพูด

    ข้าจะโจมตีก่อน  เหยียนซิวพุ่งเข้าไปหาหนานกงมู่ทันที

    พวกเจ้าทั้งคู่มีเวลาไม่มากนักยกเว้นพวกเจ้าจะโจมตีเข้ามาพร้อมกัน  หนานกงมู่โบกดาบสีฟ้าและเขียวในมือจากนั้นลำแสงทั้งสองสีได้พุ่งเข้าหาเหยียนซิว

  มันเป็นการโจมตีธรรมดาๆ

  แต่ความเร็วนั้นกลับน่าเหลือเชื่อมาก

  แสงทั้งสองโจมตีเหยียนซิวจากด้านหน้าและด้านหลัง

  อย่างไรก็ตามเหยียนซิวไม่ได้หลบ

  นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าฟางเจิ้งจืออยู่ด้านหลัง

  ขณะที่แสงจากดาบทั้งสองกำลังกระทบเข้ากับร่างของเหยียนซิวแสงที่ต่างออกไปได้สว่างขึ้นจากด้านหลังด้วยความเร็วไม่แพ้กัน มันเป็นโซ่ตรวนรก

  ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อโซ่ปะทะเข้ากับแสงจากดาบทั้งสองเล่ม

  ในเวลาเดียวกันเหยียนซิวสะบัดพัดสีเงินไปทางหนานกงมู่

  ดาบยักษ์ที่เกิดจากผลึกสีแดงปรากฎขึ้นบนอากาศยิ่งไปกว่านั้นบนใบดาบยังมีโซ่ตรวนนรกพันอยู่

    หืม?!  หนานกงมู่ตกตะลึง

  เขารู้ว่าฟางเจิ้งจือและเหยียนซิวรู้จักกันมานานแล้วแม้พวกเขาจะมีระดับพลังที่ต่างกัน…

  ทั้งคู่กลับสามารถผสานการโจมตีได้เป็นอย่างดี

  เหตุผลคืออะไร?

  ความเชื่อใจงั้นหรือ?!

  หนานกงมู่ถอยหลังไปทันทีแต่ดาบยักษ์ที่พันด้วยโซ่ตรวนนรกได้มาถึงเหนือหัวของเขา

    จงแตกออก!  หนานกงมู่ตั้งดาบสีเขียวและฟ้าเป็นรูปกากบาทเหนือหัวของตัวเองจากนั้นลำแสงสีฟ้าและเขียวได้พุ่งออกมา

  อย่างไรก็ตามแทบจะในทันที…

  เขาได้ยินเสียงอันนิ่งสงบ

    ผสานอาชูร่า!  

  ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้น

  ดาบสีแดงปลดปล่อยแสงสีทองอ่อนๆออกมาราวกับมันมีชีวิตเป็นของตัวเองมันดูแหลมคมมากราวกับสามารถตัดผ่านได้ทุกอย่าง

  ร่างกายของหนานกงมู่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

  นั่นเป็นเพราะตามความคิดของเขาต้องเป็นดาบยักษ์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆแต่ความจริงกลับเป็นดาบของเขาที่แตกออก!

  อั้ก!หนานกงมู่กระอักเลือดออกมา

  เขาได้รับบาดเจ็บอย่างไรก็ตามในใจของเขากลับคิดถึงแต่เรื่องที่ฟางเจิ้งจือและเหยียนซิวผสานการโจมตีร่วมกันได้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้ต่อสู้ร่วมกันมานาน  ทำไม?

  ความไว้ใจความเชื่อใจระหว่างสหายมันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นรึ?

  หนานกงมู่เองก็ต้องการมีเพื่อนที่สามารถเชื่อใจได้ความจริงเขาคิดว่าเขาพบแล้วคนหนึ่ง

  แต่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะละทิ้งมันไปเอง

  เขาเลือกละทิ้งความเป็นเพื่อนไปเพราะเขามีสายเลือดของจักรพรรดิหยานเขาต้องทำภารกิจของตระกูลหนานกงให้สำเร็จ

    ฮ่าฮ่า…  หนานกงมู่หัวเราะจนร่างกายสั่นไหวเขาหัวเราะด้วยความเจ็บปวดและเดือดดาล ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว

  มันผิดงั้นรึ?

  เขาทำผิดจริงๆงั้นรึ?!

  คำถามเกิดขึ้นในหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขานึกถึงตอนที่ได้พบกับฟางเจิ้งจือครั้งแรก

  นึกถึงตอนที่ได้ร่วมต่อสู้กับฟางเจิ้งจือ

  บางทีครั้งหนึ่ง…เขาเองก็เคยสัมผัสได้ถึงถึงคำว่าเพื่อนเช่นกัน

  บางทีเขาควรจะเป็นคนที่ยืนอยู่เคียงข้างฟางเจิ้งจือเพื่อต่อสู้กับปีศาจและอสูร

  บางที…

  อาจจะไม่ควรมีคำว่า’บางที’อีกต่อไป

  นั่นเป็นเพราะเขาได้ตัดสินใจแล้วเขาเลือกที่จะละทิ้งทุกอย่าง ละทิ้งความเป็นเพื่อนทั้งหมดเพื่อเป้าหมาย

  ไม่มีการหันหลังกลับไปอีกแล้ว

  ไม่จำเป็นต้องเสียใจไม่จำเป็นต้องผิดหวังในเมื่อเขาได้เลือกแล้ว

    ข้าได้เลือกที่จะทรยศเพื่อนของข้าดังนั้นข้าจะไม่ทรยศตระกูลของข้าอีก ฟางเจิ้งจือ เหยียนซิว พวกเจ้าต้องตายในวันนี้!   ดวงตาของหนานกงมู่แดงก่ำ  แสงสีแดงส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเขา

  ตูม!สายฟ้าสีแดงผ่าลงมาจากท้องฟ้า

  มันกระทบกับหัวของหนานกงมู่เกิดเป็นภาพสัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดขนาดใหญ่

  ขณะเดียวกันกิ่งไม้สีขาวได้พุ่งออกมาจากร่างของหนานกงมู่มันกระจายไปทั่วทุกทิศทางและเกือบจะสัมผัสกับสัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดเหนือหัวของหนานกงมู่

    วิชาสังเวยเลือดกับต้นไม้เทพเจ้า?  ฟางเจิ้งจือแปลกใจมาก เขานึกไม่ออกว่าเคยมีตำนานพวกนี้ในโลกเก่าของเขา

  เขาไม่แน่ใจว่าโลกนี้เกี่ยวข้องกับโลกเก่าของเขายังไงแต่เขาคิดว่ามันต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน

  เช่นเรื่องภัยพิบัติในยุคโบราณที่บันทึกอยู่ในจารึกหิน

  มันเหมือนกับตำนานของเจ้าแม้หนี่วา

  เดี๋ยวก่อน!   เหมือนกัน?!

  ใช่แล้วแม้จะมีตำนานที่คล้ายกันแต่ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด

  แม้มันจะเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ฟางเจิ้งจือต้องพิจารณาพวกมันใหม่ทั้งหมด

  ต้นไม้เทพเจ้า…

  เรื่องเกี่ยวกับต้นไม้เทพเจ้าที่บันทึกไว้ในเอกสารโบราณปรากฎขึ้นในความคิดของฟางเจิ้งจือมีต้นไม้เทพเจ้าอยู่ห้าต้น

  ต้นแรกคือ’ต้นไม้อมตะ’

  มันถูกบันทึกไว้ใน’คัมภีร์ทะเลและภูเขา’

  ตามตำนานกล่าวไว้ว่าต้นไม้อมตะเติบโตขึ้นในดินแดนอมตะตอนใต้ใครก็ตามที่กินผลไม้จากต้นไม้นี้จะกลายเป็นอมตะ

  มันดูค่อนข้างเกินจริง

  แต่ถ้านำมันมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลกใบนี้…   มันสามารถตีความได้ว่า’ผลไม้จากต้นไม้สามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นเซียนมีอายุที่ยืนยาวและแข็งแกร่งขึ้น’

  มันเกี่ยวข้องกับต้นไม้เทพเจ้าของหนานกงมู่

  จริงๆแล้วพลังของหนานกงมู่และหนานกงเฮาได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากกินผลจากต้นไม้เทพเจ้าเข้าไป

  ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบันทึกเรื่องอื่นเกี่ยวกับต้นไม้เทพเจ้า

  ตำนานกล่าวว่ามันเติบโตขึ้นในทะเลตะวันออกและครั้งหนึ่งเทพีดวงอาทิตย์เคยใช้มันเพื่อลูกชายของนาง

  ต้นไม้นั้นอาจจะเทียบได้กับประตูที่เชื่อมต่อระหว่างดินแดนเทพเจ้ากับโลกแห่งความเป็นและตายอย่างไรก็ตามหลังจากที่มันถูกทำลาย ประตูที่เชื่อมต่อระหว่างสามดินแดนก็ได้หายไป

  ดูเหมือนว่ามันจะคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มาก

  อย่างไรก็ตามวิชาสังเวยเลือดมีไว้เพื่ออะไร?

  ทำไมหนานกงมู่ถึงต้องผสานวิชาสังเวยเลือดเข้ากับต้นไม้เทพเจ้า?

  ฟางเจิ้งจือคิดไม่ออกแต่เขามีลางสังหรณ์ถึงเรื่องอันน่าสะพรึงกลัว

  วิชาสังเวยเลือด…

  จักรพรรดิหยาน

  หนานกงเฮาและไป่ฉือเคยพูดถึงเรื่องนี้ที่ภูเขาสวรรค์

  ต้นไม้เทพเจ้าถูกปลูกหลังจากสงครามครั้งใหญ่และมีเพียงลูกหลานของจักรพรรดิหยานเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไม่เข้าใจบางเรื่อง

  ความสัมพันธ์ระหว่างต้นไม้เทพเจ้าและวิชาสังเวยเลือดคืออะไรกันแน่?   ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท