อารมณ์ของนาตาชาในตอนนี้เริ่มที่จะควบคุมไม่อยู่ ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านาตาชาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์อันนี้จะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดความกลัวภายในจิตใจของเขา แต่อารมณ์ความบ้าคลั่งมันก็ไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ เพระว่ามันถูกควบคุมเอาไว้ภายในจิตใจ และเมื่อเขาได้กลิ่นเลือดจาง ๆ จากอากาศมันก็ทำให้ความบ้าคลั่งนั้นค่อย ๆ เกิดขึ้นมาอีกครั้งภายในจิตใจของเขา
ไม่นานความบ้าคลั่งก็เริ่มครอบเงาซู่เจินอย่างรวดเร็ว!
เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน … เสื้อผ้าค่อย ๆ ถูกถอดออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ …
ซู่เจินในตอนนี้ไม่ได้สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น และเขาก็ต้องขอยอมรับเลยว่าซู่นาตาชาเป็นคนที่เร่าร้อนเป็นอย่างมาก ….
“อ๊า … “
เสียงร้องของเจ็บปวดดังขึ้นมาพร้อมกับความสุขที่มากล้น …. ท้ายที่สุดแล้วมันก็ …. จบลง!
ซู่เจินไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ? เพราะว่าในตอนนั้นเวลามันไม่ได้มีความหมายสำหรับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และหลังจากที่พวกเขาผ่านศึกสงครามอันหนักหน่วง พวกเขาทั้งสองคนก็กอดกันและผล็อยหลับไป ….
เช้าวันรุ่งขึ้นซู่เจินค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง และผ้าม่านที่ปริ้วไหวไปมาตามสายลม ในขณะเดียวกันซู่เจินก็ค่อย ๆ ปรับสายตาของเขาให้เข้ากับแสง
มันขาวและนุ่มมาก
ซู่เจินหันหน้าไปมองที่นาตาชาที่กำลังหลับอยู่
ทันใดนั้นความทรงจำเมื่อคืนก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวของซู่เจินอย่างช้า ๆ และเมื่อเขามองไปยังนาตาชาที่กำลังหลับอยู่ กับตัวตนอันแสนบ้าคลั่งของเธอเมื่อคืนนี้
มันชั่งเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวจริง ๆ!
โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เธอเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตั้งมากมายขนาดนั้น จนเขาเกือบที่จะควบคุมเธอเอาไว้ไม่อยู่!
และเมื่อซู่เจินมองไปยังคราบเลือดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่มุมปากของนาตาชา เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และเตรียมที่จะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นคราบเลือดสีแดงที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอน …
ซู่เจินถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ
“นี่มัน ?” ซู่เจินพึมพำขึ้นมาเบา ๆ เขาไม่คิดว่าเมื่อคืนนี้ที่นาตาชาเร่าร้อนซะขนาดนั้น จะยังคงมีร่างกายที่บริสุทธิ์อยู่ ?
นี่ถือว่าเป็นกำไรครั้งยิ่งใหญ่ของเขาใช่ไหม?
เมื่อซู่เจินนึกถึงเหตุการณ์อันบ้าคลั่งเมื่อคืน และมองไปยังใบหน้าที่กำลังหลับด้วยความสุขของเธอในตอนนี้ นอกจากคำว่ากำไรจำนวนมหาศาลแล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก
ตอนนี้เธอคือแม่มายดำ ? หรือ แบล็ควิโดว์ ?
ซูเจินส่ายหัวเบา ๆ และค่อย ๆ เอามือของนาตาชาออกจากตัวของเขาอย่างช้า ๆ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำอย่างแผ่วเบา
เมื่อซู่เจินอาบน้ำแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว นาตาชาก็ตื่นขึ้นมาพอดี เธอเอียงศรีษะเล็กน้อยและมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับว่าเธอกำลังรับแสงแดดอันอบอุ่นจากอากาศยามเช้า
“คุณตื่นแล้วงั้นหรอ … คุณจะกินอะไรไหมหรือว่าจะนอนต่อ ?“
ซู่เจินเดินเข้ามาถามเธออย่างแผ่วเบา
“ไม้เท้าอันนั้นอยู่ที่ไหนงั้นหรอ ?”
นาตาชาหันไปถามซู่เจินอย่างรวดเร็ว
ซู่เจินรู้สึกใบ้กินทันที “คุณถามถึงไม้เท้าเป็นประโยคแรกหลังจากที่คุณตื่นเนี้ยนะ ? “
“หรือว่าคุณจะให้ฉันถามอย่างอื่น ? ฉันควรถามคุณว่าเมื่อคืนนี้รู้สึกยังไงงั้นหรอ ? ฉันขอยอมรับกลับคุณตรง ๆ เลยว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันค่อนข้างซับซ้อนกับฉันมาก ทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี แต่อย่างน้อย … ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะไม่ลืมเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน“ นาตาชากล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ
แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังสามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อยู่ดี
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นาตาชาไม่ได้โกรธซู่เจินเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นตั้งแต่ที่เธอได้พบกับซู่เจินครั้งแรกเธอก็มีลางสังหรณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ?
“ผมก็เหมือนกัน!“
ซู่เจินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่นาตาชาพูด แม้ว่าในตอนแรกเขาจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย .. ใครใช้ให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วถามเกี่ยวกับภารกิจของเธอทันทีละ ?
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นเพียงแค่มือใหม่ แต่เสแสร้งทำเป็นว่ามีประสบการณ์และไม่ไยดีเกี่ยวกับเขา
และด้วยสิ่งนี้มันก็ทำให้ซู่เจินค่อนข้างที่จะไม่พอใจเกี่ยวกับมัน
“ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งไปกังวลเกี่ยวกับมัน … ดังนั้นสิ่งที่คุณจะต้องทำในตอนนี้ก็คือการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือจิตใจ … เอาล่ะนอนลงได้แล้ว!” ซู่เจินเดินเข้ามาหานาตาชาและพูดขึ้นมาเบา ๆ
นาตาชาลังเลเล็กน้อยเพราะว่าสิ่งนั้นมันคือภารกิจของเธอ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นแววตาและการแสดงออกที่ห่วงใยของซู่เจิน เธอก็เริ่มรู้สึกถูกมันดึงดูดเล็กน้อยและค่อย ๆ พยักหน้าเห็นด้วยเบา ๆ
“คุณคิดอะไรอยู่งั้นหรอ?”
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ นาตาชาก็สงบลงอย่างกะทันหัน ซู่เจินก็เลยถามขึ้นมาอย่างสงสัย
นาตาชาส่ายหัวของเธอเล็กน้อยและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าการมีคนมาคอยห่วงใยฉันแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง!”
“เดี๋ยวคุณก็ชินมันไปเอง เพราะว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต“ ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ฉันได้พูดเอาไว้กับคุณเมื่อคืนมันจะเป็นความจริง แถมมันยังเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำมากจริง ๆ อย่างที่ฉันได้พูดเอาไว้ด้วย ราวกับว่าฉันมีความสามารถในการทำนายอนาคตอะไรอย่างงั้นแหละ“ นาตาชาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อเธอนึกถึงคำพูดเยาะเย้ยของซู่เจินเมื่อวานนี้
ซู่เจินก็ยิ้มเช่นกัน
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็เต็มไปด้วยความไพเราะ
“แล้วสกายล่ะ“
นาตาชาเอียงหัวของเธอเล็กน้อยและถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมกับมองไปที่ซู่เจินด้วยความสนใจ
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
ซู่เจินไม่ได้ตอบแต่กลับถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม โดยที่เขาไม่ได้แสดงท่าทางกังวลอะไรออกมา
“คุณเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีเลยจริง ๆ!”
นาตาชาส่ายหัวและเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อย
“แน่นอนว่าสกายเป็นแฟนของผมและผมก็รักเธอมาก แต่ผมก็รักคุณเหมือนกัน และถ้าหากว่าคุณต้องการให้ผมเลือกระหว่างคนใดคนหนึ่งผมขอบอกตรงนี้เลยนะว่าผมทำไม่ได้ ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือคุณก็เป็นแฟนของผมอีกคนหนึ่ง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วผู้ชายที่มีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน พวกเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากมายผมพูดถูกไหม ? และตราบใดที่ความรู้สึกที่คุณมีต่อผมมันคือเรื่องจริง คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนอะไรทั้งนั้น“ ซู่เจินยิ้มและพูดต่อว่า “แน่นอนว่าคุณสามารถปฏิเสธผมได้ เพราะถึงยังไงผมก็เป็นคนจีน และคนจีนก็ยังมีประเพณีบางอย่างที่พิเศษอยู่ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะตอบผมยังไง ผมก็จะเอาคุณมาเป็นผู้หญิงของผมอยู่ดี!”
“ประเพณีอะไร ?”
“ในประเทศจีนสมัยโบราณ คนที่เป็นจักรพรรดิหรือราชาสามารถมีภรรยาได้ 3 คน และนางสนมอีก 4 คน และเหล่าฮาเร็มของเขาอีกมายมาย … นี่แหละประเพณีของประเทศจีน!“ ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม
แน่นอนว่านาตาชาก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน และเธอก็ไม่คิดด้วยว่าซู่เจินจะเอาสิ่งนี้มาอ้างเป็นเหตุผลของเขา
จักรพรรดิ? ราชา?
มันคือเป้าหมายที่คุณเล็งไว้ตั้งแต่แรกใช่ไหม?
แต่ทันใดนั้นนาตาชาก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “ถ้าเกิดว่าฉันมีผู้ชายคนอื่นล่ะ?”
“ผมจะฆ่ามันทุกคนที่เข้าใกล้คุณ!“ ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย แต่สำหรับนาตาชาแล้วเธอคิดว่าซู่เจินไม่ได้พูดล้อเล่นอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ! คุณชนะ”
นาตาชายักไหล่เบา ๆ “ฉันไม่ได้คิดที่จะมีผู้ชายคนอื่นอยู่แล้ว มีแค่คุณคนเดียวก็พอ! อย่างไรก็ตามสภาพร่างกายของฉันในตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดังนั้นคุณควรที่จะบอกฉันได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“มันคือไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ เป็นอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นที่แอสการ์ด มันมีความสามารถในการทำให้ผู้ถือครองแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่จะต้องแลกมากับความบ้าคลั่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน และชิ้นที่เราเจอมันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนของมันเท่านั้น และผมจะหาส่วนที่เหลือของมันให้เจอให้ได้!”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่คุณงั้นหรอ?” นาตาชาถามขึ้น
ซู่เจินยิ้ม “ใช่! และดูเหมือนว่า… มันจะมีผมเพียงแค่คนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมัน! “