ตอนที่ 86 โอลิเวอร์ ควีน
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูเจินเคยอุ้มเฟลิเซ่เอาไว้ในอ้อมแขนของเขาในขณะที่เขากําลังบินอยู่ ซึ่งเฟลิเซ่ในตอนนี้กําลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าความรู้สึกในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอกําลังนั่งอยู่บนเครื่องบินอย่างไงอย่างงั้น ” พวกเรากําลังไปที่ไหนกันงั้นหรอ ?” เฟลิเซ่ถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
” เมืองสตาร์ซิตี้!”
ซูเงินพูดออกมาพร้อมกับปล่อยพลังงานของแหวนอีเทอร์ออกมารอบ ๆ ตัวของพวกเขา และกลายเป็นเครื่องบินทันที โดยที่ซูเงินนั่งอยู่ด้านหน้าและเฟลิเซ่นั่งอยู่บนตักของเขา ซึ่งเฟลิเซในตอน นี้ก็ค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อยว่าทําไมแหวนวงนี้มันถึงสามารถสร้างอะไรขึ้นมาได้หลายอย่างมาก
“แล้วคุณจะไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ทําไม ? ” เฟลิเซ่ถามต่อขึ้นมาทันที
” ผมได้รับภารกิจมาว่าให้ไปตามหาซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งที่อยู่ใน เมืองสตาร์ซิตี้ ดังนั้นผมจึงอยู่กับคุณได้เพียงแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น เพราะว่าหลังจากนั้นผมมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องทํา และจะกลับ มาอีกทีก็หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง” ซูเงินอธิบายขึ้นมาอย่างคร่าว ๆ
เมื่อเฟลิเซได้ยินที่ซ่เงินพูดมันก็ทําให้เธอรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเธอได้ยินว่าเขาจะกลับมาอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง เธอก็กลับมามีความสุขอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไงซูเจินก็มีงานของเขาที่จะต้องทํา แถมเขายังต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ไว้บนบ่าของเขาอีก แค่นี้มันยังไม่เพียงที่จะพิสูจน์ว่าเขายังมีเธออยู่ในหัวใจของเขามากแค่ไหนอีกงั้นหรอ ?
ยิ่งไปกว่านั้นจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ชื่นชอบซูเปอร์ฮีโร่ ? ดังนั้นในเมื่อแฟนของเธอเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แล้วเธอจะไม่พอใจอะไรอีก ?
ในระหว่างทางเฟลิเซ่ก็นั่งคุยกับซูเงินอย่างสนุกสนาน และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงเหนือน่านฟ้าของเมืองสตาร์ซิตี้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ซ่เงินค่อย ๆ บังคับเครื่องบินลงจอดในพื้นที่โล่ง ๆ และไม่นานเครื่องบินก็หยุดลง
ซูเงินกอดเฟลิเซ่เอาไว้และพูดขึ้นมาว่า “ไปหาโรงแรมกันเถอะ”
“อืม!”เฟลิเซ่หยักหน้าเบา ๆ
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองสตาร์ซิตี้และเช็คอินเปิดห้องพร้อมกับสั่งอาหารจากทางโรงแรมมากินด้วยกันทันที
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนทานอาหารอะไรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงพอดี ทําให้ซูเงินในตอนนี้กําลังนั่งอย่างขี้เกรียจอยู่บนโซฟา พร้อมกับเฟลิเซ่ที่กําลังนอนอาบแดดอย่างมีความสุข และทันใดนั้นจู่ ๆ เฟลิเซ่ก็พูดถามขึ้นมาว่า
” ที่รัก! ไหนคุณบอกว่าจะไปหาซูเปอร์ฮีโร่ในเมืองสตาร์ซิตี้ไม่ใช่หรอ ? แล้วคุณจะไปเมื่อไหร่ ? ” เฟลิเซ่ถามขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
ซูเงินยิ้มและจูบไปที่เธอเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มาถึงแล้ว”
”เป็นเพราะฉันงั้นหรอ ? คนไม่จําเป็นที่จะต้องทําแบบนี้ เพราะตราบใดที่คุณยังอยู่กับฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะคิดถึงคุณมากและอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา แต่ .. เวลาของพวกเราที่ได้อยู่ร่วมกันมันก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น ดังนั้นฉัน จึงเต็มใจที่จะเป็นช้างเท้าหลังให้กับคุณ! “ เฟลิเซ่พูดขึ้นมาเบา ๆ
แน่นอนว่านิสัยของเฟลิเซ่เป็นแบบนี้มาโดยตลอด เพราะเธอรู้ว่าอะไรที่ควรทําและไม่ควรทําและอะไรคือสิ่งที่สําคัญที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วซ้ําเงินวางแผนไว้ว่าเขาจะไปเที่ยวกับเฟลิเซ่สักหนึ่งวัน หลังจากนั้นเขาก็จะไปหาโอลิเวอร์ ควีน เพราะว่าระยะเวลาเพียงแค่ 6 วันก็น่าจะเพียงพอแล้วสําหรับการที่เขาจะทําภารกิจหลักและภารกิจรองทั้งหมดให้เสร็จ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เฟลิเซ่พูดขึ้นมาแบบนั้น แล้วเขาจะกล้าพูดอะไรขึ้นมาได้อีก ?
ซูเจินจูบไปที่เธออย่างดูดดื่มและพูดว่า “งั้นคุณผู้หญิงช้างเท้าหลัง! หลังจากที่ผมเจอซูเปอร์ฮีโร่คนนี้แล้ว ผมจะรีบกลับมาหาคุณโดยเร็วที่สุด …”
“ไปดีมาดีนะคะที่รัก!”
เฟลิเซ่พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ หลังจากนั้นซูเจินก็ลุกขึ้นและออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันทางด้านของโอลิเวอร์ ควินที่ตอนนี้เพิ่งจะกลับมาจากการติดเกาะ สิ่งแรกที่เขาทําก็คือการไปหาลอเรลอดีตแฟนสาวของเขา และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้โอลิเวอร์ ควีนก็เหมาะสมกับฉายาของพ่อหนุ่มเพลบอยที่ได้รับมาจากเพื่อนของเขาจริง ๆ เพราะว่าเมื่อ 5 ปีก่อนที่เขาได้ไปล่องทะเล โอลิเวอร์ คลีนได้พาพี่สาวของลอ เรลไปล่องทะเลด้วยกัน และจนกระทั่งเกิดเหตุเรือล่มทําให้ทุกคน
ภายในเรือตายกันหมด ดังนั้นโอลิเวอร์ ควีนจึงต้องการที่จะมาขอ โทษลอเรลด้วยตัวของเขาเอง แต่เขาก็ต้องพบกับความล้มเหลม และไม่นานหลังจากนั้นเขากับทอมมี่ก็ถูกโจมตี และนี่ก็จึงเป็นสาเห ตุที่ทําให้เขาต้องมุ่งสู่เส้นทางของ แอร์โรว์อีกครั้ง
และแน่นอนว่าลอเรลก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก สวยพอ ๆ กับซาราห์พี่สาวของเธอ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วซูเงินก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับลอเรลมากสัก เท่าไหร่ เพราะว่าความรู้สึกของเธอมันซับซ้อนเกินไป ในตอนแรก เธอเป็นแฟนสาวของโอลิเวอร์ และหลังจากที่โอลิเวอร์ ตายจากไป 5 ปี เธอก็หันไปคบหากับทอมมีเพื่อนรักของโอลิเวอร์แทน ซี งมันเป็นเรื่องที่วุ่นวายและซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก และซูเงินก็ไม่อ ยากไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องตรงนี้สักเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ ไม่ได้อยู่ร่วมกันกับโอลิเวอร์อยู่ดี
ในขณะเดียวกันตอนนี้ซูเงินก็กําลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของถนน พร้อมกับถ้วยกาแฟในมือของเขา และกําลังมองไปที่ชายหญิง คู่หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนอย่างสบาย ๆ
ชายหญิงคู่นี้ก็คือโอลิเวอร์ ควินน์และลอเรล แลนซ์
ซึ่งในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีสถานการณ์ไม่ค่อยดีสัก เท่าไหร่ เพราะหลังจากที่ลอเรลพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา เธอก็หัน หลังเดินกลับไปที่สํานักงานกฎหมายของเธอทันที และไม่นานห ลังจากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยกับโอลิเวอร์ด้วยความ ไม่พอใจเล็กน้อย ชายคนนี้ก็คือทอมมี่
เพื่อนรักของโอลิเวอร์ ควีน ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สองที่ร่ํารวย
ทอมมี่ยักไหล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับพาโอลิเวอร์เดินไปที่ซอยบริเวณใกล้เคียงที่เขาจอดรถเอาไว้
ซึ่งซูเงินก็ไม่ได้ตามดูพวกเขาอีกต่อไป เพราะว่าตอนนี้เขากําลังรออยู่ … รอจนกระทั่งมีเสีย งปืนดังขึ้นพร้อมกับรถตู้ที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่ารถตู้ขับออกไปแล้ว ซูเงินก็รีบตามไปทันที
ซึ่งในตอนแรกความเร็วของเงินนั้นช้ามากเพราะว่าตอนนั้นยังมีคนอยู่รอบ ๆ จํานวนมากทําให้เขาไม่สามารถใช้ความเร็วของเขา ได้อย่างเต็มที่ และหลังจากที่เขาวิ่งมาสักพักเขาก็พบว่าตอนนี้ไม่ มีใครอยู่รอบ ๆ แล้วทําให้ซูเจินรีบบินตามรถตู้คันนั้นไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานรถตู้คันนั้นก็ขับเข้าไปในโรงงานร้างและหยุดลงพร้อมกับกลุ่มคนสวมหน้ากากที่ถือปืนเอาไว้ในมือของพวกเขาค่อย ๆ พาโอลิเวอร์ ควีนและทอมมี่เดินเข้าไปด้านในของโรงงานร้าง
ส่วนทางด้านของซูเงินในตอนนี้กําลังมองขึ้นไปที่หน้าต่างด้า นบนโรงงานร้างที่แตกอยู่ และไม่นานร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น อย่างช้า ๆ พร้อมกับเข้าไปด้านในทันที และเขาก็มองไปที่โอลิเวอร์ ควีนที่ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ และทอมมีที่นอนอยู่บนพื้นข้าง ๆ ของ โอลิเวอร์ ควีน
” แค่ก ๆ วิธีการพวกนี้มันไม่เก่าเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?”
ซูเงินส่ายหัวขึ้นมาอย่างลับๆ เพราะใครกันล่ะที่ทําให้โอลิเวอร์ ควีนต้องกลายมาเป็นพระเอกของเรื่องนี้ ? แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกี่ย วกับกลุ่มคนพวกนี้ที่มาหาโอลิเวอร์ ควีน ก็เพราะว่าพวกเขาอยากรู้ ว่าพ่อของโอลิเวอร์ ควีน นั้นได้ตายไปแล้วหรือยัง ?
“โอลิเวอร์ ควิน”
ชายที่สวมหน้ากากคล้ายกับหัวกะโหลกสีแดงต่อยไปที่หน้า ของโอลิเวอร์ ควันอย่างรุนแรง เพื่อปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา จากนั้น ชายคนนั้นก็หยิบเครื่องช็อตไฟฟ้ามาถือไว้ในมือของเขาพร้อมกับ ถามขึ้นมาด้วยน้ําเสียงทุ่มต่ําว่า “โอลิเวอร์ ควีน ไหนแกลองบอก มาสิว่าพ่อของแกรอดไหม?”
โอลิเวอร์ ควีนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ด้วยความมึนงงพ ร้อมกับมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงบ โดยที่เขาพยายามสังเกตุ คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังของชายที่สวมหน้ากาหัวกะโหลกสีแดง และอาวุธที่อยู่ในมือของพวกเขา ทําให้ชายที่สวมหน้ากากหัวกะ โหลกสีแดงถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ฉันถาม แกว่ายังไง แกก็ต้องตอบมาสิ!”
เมื่อเห็นว่าโอลิเวอร์ ควีนไม่ยอมตอบออกมา ชายที่สวมหน้ากาก หัวกะโหลกสีแดงก็เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ไปที่ตัวของโอลิเวอร์ ควีนทันที ทําให้โอลิเวอร์ ควีน ที่กําลังถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้กรีดร้อง ออกมาด้วยความทรมาณ
ชายที่สวมหน้ากากหัวกะโหลกสีแดงค่อย ๆ ก้มตัวของเขาลงพ ร้อมกับมองไปที่โอลิเวอร์ ควีน ” พ่อของแกรอดมาจากเกาะนั่นไหม ? เขาได้บอกอะไรกับแกบ้าง” ชายที่สวมหน้ากากหัวกะโหลกสีแดง ถามขึ้นมาพร้อมกับเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ไปที่ตัวของโอลิเวอร์ ควีนอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยความเจ็บปวดอย่างมหาศาลจากเครื่องช็อตไฟฟ้า ก็ทําให้โอ ลิเวอร์ ควีนในตอนนี้มีสภาพที่ดูเหมือนว่าเขากําลังที่จะยอมจํานน ต่อกลุ่มคนตรงหน้าของเขา
“ใช่เขาบอก เขาบอกมาฉันจะฆ่าแกยังไงเล่า!”
โอลิเวอร์ ควีน เหลือบมองไปที่ทอมมี่เล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าตอน นี้ทอมมี่กําลังหมดสติอยู่จริง ๆ หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้า ขึ้นไปมองไปชายที่สวมหน้ากากหัวกะโหลกสีแดงพร้อมกับพูดขี้ นมาด้วยน้ําเสียงทุ่มต่ํา
” เมื่อไหร่จะเริ่ม?”
ซูเจนอดไม่ได้ที่จะพึมพําขึ้นมาเบา ๆ เพราะว่าตอนนี้เขาอยาก เห็นจะแย่อยู่แล้วว่าทักษะการต่อสู้ของโอลิเวอร์ ควีน นั้นมันจะเก่ง ได้สักแค่ไหนกันเชียว!