“มันคืออะไร?”
แรนดอล์ฟมองไปที่ซู่เจินด้วยความสงสัย ราวกับว่าเขาไม่เคยรู้จักสิ่งที่ซู่เจินกำลังถืออยู่เลยแม้แต่น้อย
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ศาสตราจารย์แรนดอล์ฟ ตั้งแต่ที่ผมมาที่นี่และเอาไม้เท้าอันนี้ให้คุณดู คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมนั้นรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว ผมถึงได้มาหาคุณยังไงล่ะ!”
ศาสตราจารย์แรนดอล์ฟทำท่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และถามขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “คุณเป็นใครกันแน่“
“ผมชื่อซู่เจิน และผมก็คิดว่า … พวกเราจะคุยกันก่อนได้ไหม? “
“อืม!”
แรนดอล์ฟตอบขึ้นมาอย่างเฉยเมย เพราะว่าความประหลาดใจและความสงสัยของเขาในตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในห้อง และไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในห้อง ซึ่งท่าทางของเธอที่แสดงออกมาในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอเหลือบมองไปที่ซู่เจินเล็กน้อย และค่อย ๆ เดินออกจากวิลล่าไป
“ผมขอโทษที่มาขัดจังหวะความสุขของคุณ!“ หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป ซู่เจินก็หยักไหล่เบา ๆ พร้อมกับพูดขอโทษแรนดอล์ฟออกมา
แรนดอล์ฟจ้องมองไปที่ซู่เจินด้วยความประหลาดใจและถามว่า “คุณ … ไม่ได้รับผลกระทบจากมันงั้นเหรอ?”
แรนดอล์ฟสังเกตเห็นว่าซู่เจินถือไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ได้โดยไม่โดนผลกระทบของมัน ซึ่งโดยปกติแล้วไม่มีใครสามารถทนมันได้ ไม่เว้นแม้แต่ชาวแอสการ์ดก็ตาม ทำให้เขาเริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวของซู่เจินขึ้นมาเล็กน้อย
“ถ้าเกิดว่าผมไม่สามารถควบคุมมันได้ … ผมคงไม่มาหาคุณหรอก“ ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
แรนดอล์ฟพยักหน้าเบา ๆ และถามว่า “คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ? แล้วคุณรู้มาจากที่ไหน ?”
“ผมเคยไปที่แอสการ์ดอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นผมก็ได้จัดการกับเหล่าดาร์กเอลฟ์ไปจำนวนมากมาย และคุณก็น่าจะรู้ดีว่ายานบินของดาร์กเอลฟ์มันเป็นของผมอยู่ในตอนนี้!” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ
ดวงตาของแรนดอล์ฟเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและความไม่อยากจะเชื่อ “มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าพวกดาร์กเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมาก แถมพวกดาร์กเอลฟ์ก็ชอบอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เว้นแต่ว่าพวกดาร์กเอลฟ์ทั้งหมดจะตายในสนามรบ มิฉะนั้น … คุณก็ไม่สามารถเอายานบินของพวกดาร์กเอลฟ์มาได้อย่างแน่นอน! “
“คุณยังพูดไม่หมด เพราะว่าตอนนี้มาเลคิธได้ถูกผมฆ่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือดาร์กเอลฟ์เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในลูกน้องของผมอยู่ในตอนนี้!“
“ฉันจะต้องใจเย็น ๆ !“
แรนดอล์ฟเดินไปที่ตู้ไวน์และหยิบไวน์ออกมาพร้อมกับค่อย ๆ รินไวน์ลงในแก้ว เขายื่นให้กับซู่เจินแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ดื่มมันอย่างช้า ๆ และพูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่าข้อมูลที่ฉันรู้มันจะล้าหลังเกินไปแล้วสินะ …. คุณเป็นตัวอะไรกันแน่ ? เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์โลกธรรมดา ๆ จะสามารถชนะดาร์กเอลฟ์ได้“
“สำหรับผมไม่มีคำว่าเป็นไม่ได้!”
ซู่เจินหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ และค่อย ๆ ควบคุมพลังงานของอนุภาคอีเทอร์ให้มาลอยอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมอนุภาคอีเทอร์ให้กลายเป็นชุดออกรบและสวมใส่มันเข้ากับร่างกายอย่างรวดเร็ว ภายใต้สายตาอันประหลาดใจของแรนดอล์ฟ
“นี่มันอนุภาคอีเทอร์!“
เมื่อแรนดอล์ฟเห็นอนุภาคอีเทอร์ที่ซู่เจินปล่อยออกมา เขาก็เชื่อในทันทีเลยว่าซู่เจินเป็นคนจัดการกับดาร์กเอลฟ์อย่างแน่นอน
“ในเมื่อคุณมีอนุภาคอีเทอร์อยู่แล้ว ไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์สำหรับคุณไม่ใช่หรอ ? ทำไมคุณถึงยังมาหาฉันอีกล่ะ เพื่ออะไร? ” แรนดอล์ฟถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้าผมจำไม่ผิดคุณน่าจะเคยเป็นช่างตีเหล็กมาก่อน ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณช่วยเปลี่ยนไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์อันนี้ให้กลายเป็นมีดคู่ให้ผมหน่อย!“ เมื่อซู่เจินพูดจบ เขาก็ใช้พลังของอนุภาคอีเทอร์สร้างลักษณะมีดคร่าว ๆ ให้กับแลนดอล์ฟดู
แรนดอล์ฟถึงกับประหลาดใจว่าซู่เจินรู้จักตัวตนของเขาได้อย่างไร แถมยังรู้อีกว่าเขาเป็นช่างตีเหล็ก เพราะว่าเมื่อก่อนเขาอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาโดยตลอด แม้แต่แอสการ์ดก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา และคิดว่าเขานั้นได้ตายไปแล้ว
“ถ้าเกิดว่าคุณช่วยผม ผมจะช่วยคุณซ่อนตัวและเก็บความลับเอาไว้ให้ และคุณรู้ไหมว่าผมค่อนข้างจะสนิทกับคนที่แอสการ์ดมากดังนั้น …. “ ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มของซู่เจินในตอนนี้มันก็คือการข่มขู่อ้อม ๆ ต่อแรนดอล์ฟดี ๆ นี่เอง
“ฉันก็อยากช่วยคุณนะ แต่มันทำไม่ได้!“ แรนดอล์ฟพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “เพราะว่ามันมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเกิดว่าคุณต้องการมีดเพียงแค่เล่มเดียวแน่นอนว่าฉันทำได้ แต่ถ้าเป็นสองเล่มล่ะก็ฉันไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอนเพราะว่ามันมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ!”
“แค่นี้มันยังไม่พออีกงั้นหรอ?”
ซู่เจินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากมิติเก็บของ
“แล้วถ้าใช้นี่ล่ะมันพอไหม?”
แรนดอล์ฟมองไปที่ของที่ซู่เจินหยิบออกมา “นี่มันชุดเกราะของแอสการ์ด คุณไปเอามันมาจากที่ไหน?”
“ผมบอกแล้วว่าผมสนิทกับคนที่แอสการ์ดมาก!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและถามต่อว่า “สามารถใช้ชุดเกราะอันนี้เป็นวัตถุดิบได้ไหม?”
“ถ้าเกิดว่าอาวุธและชุดเกราะของแอสการ์ดมันเป็นวัสดุที่คล้าย ๆ กันฉันก็สามารถสร้างมีดทั้งสองเล่มขึ้นมาได้ แต่มันอาจจะทำให้เวทมนต์ภายในตัวของไม้เท้ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง!“ แรนดอล์ฟพูดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างงั้นหรอ?“
สิ่งที่ซู่เจินต้องการจริง ๆ ก็คือความสามารถในการเพิ่มความโกรธและความแข็งแกร่ง ซึ่งถ้าหากว่าผลกระทบเหล่านี้หายไปหลังจากที่เขาเปลี่ยนรูปร่างมัน มันจะดีกว่าไหมถ้าเกิดว่าเขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นมีดคู่ด้วยพลังของอนุภาคอีเทอร์?
“ถ้าคุณเปลี่ยนมันเป็นมีดคู่ เวทมนตร์ภายในมันจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ทำให้ความแข็งแกร่งของมันถูกลดลงตามธรรมชาติ อันที่จริงหลักของเวทมนต์อันนี้มันง่ายมากนั่นก็คือทำให้ผู้คนหวาดกลัวและสร้างความโกรธ เว้นแต่ว่า … คุณจะหาสิ่งที่คล้าย ๆ กันมาแทนที่ มิฉะนั้นเอฟเฟคของมันคงไม่เท่าเดิมอย่างแน่นอน!” แรนดอล์ฟอธิบายอย่างช้า ๆ
“ความกลัว ความโกรธ … “
ซู่เจินเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับวางไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์เอาไว้ข้าง ๆ หลังจากนั้นเขาก็ดื่มไวน์อย่างช้า ๆ และก้มหน้าใช้ความคิดอย่างเงียบ ๆ
แรนดอล์ฟไม่ได้พูดแทรกหรือรบกวนอะไรซู่เจิน
“ที่จริงแล้วผมมีสิ่งหนึ่งที่คล้าย ๆ กับสิ่งที่คุณต้องการอยู่ แต่เจ้าสิ่งนี้มันอันตรายเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นชาวแอสการ์ดมันก็ยังอันตรายอยู่ดี” ซู่เจินดื่มไวน์และพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ “มันก็คือคริสตัลที่สามารถดูดกลืนความกลัวจากผู้อื่นได้ และถ้าหากว่ามีใครไปแตะต้องมัน มันจะทำให้คน ๆ นั้นติดเชื้อทันที และคุณก็จะกลายเป็นอัครสาวกแห่งความกลัว“
“มันคืออะไร … เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย!“
แรนดอล์ฟถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต แถมเขายังเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกลัวเชื้ออะไรนั่นแม้แต่น้อย!
เพราะถึงยังไงเขาก็มาจากแอสการ์ด!
ซู่เจินหยิบคริสตัลแห่งความกลัวออกมาจากมิติเก็บ ซึ่งมันมีลักษณ์เป็นคริสตัลสีส้มเม็ดเล็ก ๆ
และไม่ได้ดูมีอะไรพิเศษมากนัก
แต่แรนดอล์ฟกลับขมวดคิ้วขึ้นมาและพูดอย่างระมัดระวังว่า “มันแปลกมาก … ฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ข้างในคริสตัลอันนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนตัวสั่น ฉันมันใจได้เลยว่าคริสตัลอันนี้มันสามารถฆ่าฉันได้อย่างแน่นอน! มันเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ ! ฉันคิดอะไรออกแล้วล่ะ!”
แรนดอล์ฟในตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาพูดต่อว่า “คุณต้องการมีดสองเล่มจริง ๆ ใช่ไหม ? เพราะว่าฉันสามารถหลอมรวมคริสตัลอันนี้สร้างเป็นมีดหนึ่งอันที่สามารถดูดซับความกลัวได้ ส่วนอีกอันหนึ่งฉันจะทำให้มันสามารถนำความกลัวที่คุณดูดซับมาเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งและความโกรธให้กับคุณ! “
“เล่มหนึ่งดูดซับ ส่วนอีกเล่มหนึ่งปลดปล่อย นี่มัน …. ค่อนข้างจะน่าสนใจมากเลยที่เดียว!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม