“ตื่นแล้วงั้นเหรอ?”
ซู่เจินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และได้ยินเสียงอันอ่อนหวานของซิฟดังขึ้นมาข้าง ๆ หูของเขา
มันเป็นคำพูดเดิม ๆ เหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่มันเป็นเสียงที่แตกต่างกันอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ครั้งที่แล้วซิฟนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาส่วนครั้งนี้เธอนอนอยู่ข้าง ๆ เขา
“ ทำไมคุณถึงตื่นเช้าขนาดนี้ละ ไม่นอนต่ออีกหน่อยงั้นหรอ? ” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ
ซิฟส่ายหัวเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าจะต้องกลับไปที่แอสการ์ด และรายงานให้พวกเขาทราบว่า มาเลคิธได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว! แล้วเจ้า…จะกลับมาหาข้าอีกใช่ไหม?”
“ แน่นอนว่าผมจะกลับมาหาคุณอย่างแน่นอน และขอเวลาให้ผมอีกไม่นานผมจะทำให้คุณได้อยู่เคียงข้างผมไปตลอดชีวิต!” ซู่เจินกล่าวคำมั่นสัญญาด้วยสายตาจริงจัง
“ข้าจะรอวันนั้น!” ซิฟพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้วซู่เจินก็อุ้มซิฟเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาและปล่อยให้ดาร์กเอลฟ์ขับยานบินไปที่ทางเข้าของทางลับ
“คุณจะให้ผมไปส่งไหม?” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย
ซิฟส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกับยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ไม่ ข้าสามารถกลับเองได้ และถ้าเกิดว่าข้าให้เจ้าไปส่งแล้วดาร์กเอฟล์เกิดทรยศและขับยานบินหนีไปล่ะ? “
“ผมจะคิดถึงคุณตลอดเวลา!”
“ข้าก็เช่นกัน!”
ซู่เจินกอดซิฟและจูบเธออย่างดูดดื่ม หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็แยกจากกัน ซิฟค่อย ๆ หันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูแผ่นหลังของซิฟที่ค่อย ๆ หายไปจากสายตาของเขา ซู่เจินก็หันกลับมาและเรียกดาร์กเอลฟ์ให้มาหาเขาในขณะที่ดาร์กเอลฟ์กำลังซ่อมประตูของยานอยู่ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ ซู่เจินก็สามารถบอกได้ทันทีเลยว่าหน้าตาของดาร์กเอลฟ์ตัวนี้มันเหมือนกับตัวร้ายเอามาก ๆ และเขาก็บอกให้ดาร์กเอลฟ์สอนเกี่ยวกับยานบินลำนี้ให้กับเขาต่อ!
ใช้เวลาประมาณสองวันกว่าที่ซู่เจินจะสามารถเชี่ยวชาญและเข้าใจยานบินลำนี้ได้อย่างท่องแท้และในเวลาเดียวกัน เวลาของความสัมพันธมิตรของอาณาจักรทั้งเก้าก็กำลังจะสิ้นสุดลง และตอนนี้ยานบินของซู่เจินกำลังล่องลอยไปในอวกาศ และทันใดนั้นเขาก็พบเข้ากับพื้นที่ที่คล้ายกับหลุมดำ และซู่เจินก็ขับยานพุ่งตรงเข้าไปทันที
แต่ว่าโชคของซู่เจินก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะไปปรากฏบนดาวโลก แต่ตอนนี้เขากับอยู่ส่วนไหนของอาณาจักรทั้งเก้าก็ไม่รู้? และเขาก็ตัดสินใจพุ่งตรงเข้าไปที่พื้นที่ที่คล้ายกับหลุมดำอีกครั้ง ทำให้เขาตอนนี้มาปรากฏตัวอยู่บนโลกเรียบร้อยแล้ว แต่ซู่เจินไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ที่ด้านล่างของยานมันเต็มไปด้วยน้ำทะเลและข้างหน้าของเขามันมีสะพานที่เชื่อมต่อกับเกาะอยู่ซึ่งสะพานมันยาวมาก ๆ !
“ที่นี่คงจะไม่ใช่สะพานโกลเดนเกตใช่ไหม ?”
ด้วยรูปร่างอันคุ้นตานี้ทำให้ซู่เจินนึกถึงสะพานโกลเดนเกตขึ้นมาเป็นสิ่งแรกทันที และดูเหมือนว่าสะพานโกลเดนเกตยังอยู่ในสภาพที่ดี และเขาก็ไม่รู้ว่าสะพานแห่งนี้ได้ถูกทำลายโดย แม็กนีโต และสร้างขึ้นมาใหม่หรือไม่ ?
ในขณะที่มียานบินปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันบนสะพานโกลเดนเกต ทำให้ผู้คนที่ขับรถสัญจรไปมามองไปที่ยานบินลำนั้นด้วยความตกใจ และเกือบเกิดความโกลาหลขึ้นมา
ความรู้สึกแรกของผู้คนโดยรอบก็คือ กำลังจะมีมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลก เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดครั้งล่าสุดที่กลางนิวยอร์กมันยังติดตาของพวกเขาอยู่
ไม่ใช่แค่คนเหล่านี้เท่านั้นที่ตกใจ เพราะว่าไม่นานหลังจากนั้นก็มียานบินของ S.H.I.E.L.D. ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีนิคฟิวรี่ที่กำลังเครียดคิดว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลก เลยทำให้เขามุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว!
“แจ้งไปที่อเวนเจอร์ส ให้พวกเขาเตรียมพร้อมรบตลอดเวลา!”
ตอนนี้ยานบินกำลังลอยอยู่เนื้อน้ำทะเล ทำให้น้ำทะเลบริเวณรอบ ๆ ของยานบินเกิดคลื่นกระเพื่อมไปมาอย่างรุนแรงจากกระแสอากาศโดยรอบที่ส่งออกมาจากยานบิน จนกลายเป็นเกลียวคลื่น
ลิฟต์บนยานบินค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาจากด้านบนของยานอย่างรวดเร็ว และท้ายของยานบินก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ มีบันไดอัตโนมัติเรียงตัวออกมาเป็นทางเดินแบบขั้นบันได
ซู่เจินที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์อย่างช้า ๆ ก็บังเอิญไปเห็นคน ๆ หนึ่งที่กำลังบินมาจากระยะไกล โดยสวมชุดเกราะเหล็กสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ เขาก็คือ ไอรอนแมน!
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอรอนแมนจะไม่กล้าทำลายชุดเกราะของเขาทั้งหมด และยอมทิ้งตัวตนของเขาในฐานะไอรอนแมนไป!”
เมื่อเห็นไอรอนแมนที่กำลังบินอยู่เหนือหัวของซู่เจิน เขาก็เม้มริมฝีปากของเขาและยิ้มขึ้นมา
“ทำไมถึงเป็นคุณ?”
ไอรอนแมนบินไปอยู่ตรงหน้าของซู่เจิน และถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“แล้วทำไมมันถึงเป็นผมไปไม่ได้ล่ะ?” ซู่เจินก็ถามกลับเช่นกัน
ไอรอนแมนมองไปที่ซู่เจินเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ยานบินของซู่เจินและพูดว่า “อย่าบอกนะว่ายานบินลำเบ้อเร่ออันนี้เป็นยานของคุณ ? มันสุดยอดมาก! เพราะว่านี่น่าจะไม่ใช่เทคโนโลยีของดาวโลกอย่างแน่นอน คุณสามารถให้ฉันลองศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยานลำนี้ได้หรือไม่ ?” ไอรอนแมนค่อย ๆ บินไปจอดลงข้าง ๆ ของซู่เจนและพูดขึ้นมาอย่างกับคนคุ้นเคย
ซู่เจินกลอกตาของเขาเล็กน้อยและพูดขึ้นมาด้วยความแกล้งโกรธเล็กน้อยว่า “อย่าได้คิด นี่เป็นยานบินที่ผมได้มาอย่างยากลำบาก คุณต้องการจะศึกษามัน ? แล้วทำไมผมถึงไม่ศึกษาค้นคว้ามันด้วยตัวเองแทนที่จะยกให้คุณล่ะ!“
“โห่ อย่าขี้เหนี้ยวเกินไปหน่อยเลยน่า! ฉันขอแค่ศึกษามันเอง เราไม่ใช่เพื่อนกันงั้นหรอ ? แถมฉันยังรู้จักกับนางแบบระดับซูเปอร์โมเดลเด็ด ๆ มากมาย และฉันคิดว่าพวกเธอจะต้องชอบคุณมากอย่างแน่นอน แถมฉันยังสามารถจัดงานเลี้ยงอันใหญ่โตให้กับคุณได้อีกด้วยนะ ขอแค่คุณให้ฉันได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยานบินลำนี้ก็แค่นั้นเอง!” โทนี่พูดขึ้นมาอย่างอ้อนวอน
“เฮ้! หยุดพูดกันก่อนได้ไหมและอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ยานบินของ SHIELD ค่อย ๆ หยุดลงและกัปตันอเมริกาก็เดินออกมาจากยานบินและตะโกนขึ้นมา
“นี่คือยานบินของผม! มันไม่ใช่การรุกรานของมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอน และฝากบอกผู้อำนวยการของคุณด้วยว่าผ่อนคลายได้แล้ว ไม่ต้องเครียด ๆ ” ซู่เจินกล่าวขึ้นมากับกัปตันอเมริกาด้วยรอยยิ้ม
“คุณควรไปบอกเขาด้วยตัวเอง!”
กัปตันอเมริกายักไหล่เบา ๆ และหยิบโทรศัพท์ที่ต่อสายของใครบางคนเอาไว้ขึ้นมา
ซู่เจินมองไปที่มันและไม่นานก็มีเสียงของ นิค ฟิวรี่ ดังออกมาจากโทรศัพท์เครื่องนั้น
“ซู่เจิน ดูเหมือนว่าคุณในตอนนี้จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ตอนแรกคุณก่อตั้งทีมของตัวเองขึ้นมา และตอนนี้คุณยังเอายานบินของมนุษย์ต่างดาวมาที่โลกอีก”
“ไม่หรอก ผมแค่บังเอิญได้ไปที่อาณาจักรของดาร์กเอลฟ์ และอาศัยอยู่ในแอสการ์ดสักพักหนึ่ง แถมผมยังช่วยฆ่ามาเลคิธผู้นำของเหล่าดาร์กเอลฟ์ให้พวกเขา และยานบินลำนี้ก็เป็นของสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ตอนผมสามารถฆ่ามาเลคิธได้แล้ว ดังนั้นแล้วยานบินลำนี้จึงเป็นของผม และมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย!” ซู่เจินพูดอธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ข้อมูลที่ซู่เจินได้อธิบายมามันมีจำนวนมากเกินไปทำให้ นิค ฟิวรี่ เงียบไปพักหนึ่งและพูดขึ้นมาว่า“อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้”
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่ต้องการยานบินลำนี้ ? ผมถึงบอกคุณไงว่ามันเป็นไปไม่ได้!“
“โอเค!” นิค ฟิวรี่ รู้อยู่แล้วว่าซู่เจินจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเขาจะพูดอะไรออกมา เลยพูดปฏิเสธดักเอาไว้ก่อน ทำให้เขารู้สึก…หดหู่จริง ๆ ! “แล้วคุณจะจัดการกับยานบินลำใหญ่ขนาดนี้ยังไง แล้วจะเอามันไปไว้ที่ไหน?”
“เรื่องนี้ผมไม่รบกวนผู้อำนวยการ นิค ฟิวรี่ ให้เหนื่อยหรอก ผมจะหาทางดูแลมันเอง!” หลังจากที่ซู่เจินพูดจบ สายก็ตัดไปทันที
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน เพราะเดี๋ยวผมจะต้องไปหาสถานที่จอดยานลำนี้อีก!” ซู่เจินหันไปพูดกับไอรอนแมนและกัปตันอเมริกา จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุดของยาน และยานก็ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
กระแสลมอันรุนแรงพัดไปรอบ ๆ บริเวณของตัวยาน แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับไอรอนแมนที่กำลังบินอยู่
“ผู้ชายคนนี้!”
กัปตันอเมริกาตะโกนขึ้นมาอย่างหดหู่เล็กน้อย
“ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีใช่ไหม ? เพราะว่าฉันเริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมาสักเล็กน้อยแล้วสิ!” กัปตันอเมริกานั้นตรงข้ามโทนี่โดยสิ้นเชิง เพราะว่าโทนี่รู้สึกชอบสไตล์การแสดงออกของซู่เจินเป็นอย่างมาก หลังจากที่เขาพูดจบก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว