ตอนที่ 107 กลับคืนสู่เจ้าของ
เมื่อซู่เจินได้ยินเสียงตะโกนและสีหน้าที่ตกตะลึงของธอร์ เขาก็หันไปยิ้มให้กับธอร์เล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองที่มีดเล่มสีเงิน
เขาก้มตัวลงไปพร้อมกับเหยียดมือของเขาออกมา
และค่อย ๆ หยิบมีดเล่มสีเงินออกมาจากมือของเอลเลียตแรนดอล์ฟได้อย่างง่ายดาย
มีดเล่มสีเงินอยู่ในมือซ้าย ส่วนมีดเล่มสีดําอยู่ในมือขวา
เมื่อซู่เจินถือมีดทั้งสองเล่มเอาไว้ในมือ ทันใดนั้นมันก็มีพลังงานบางอย่างกําลังพลุ่งพล่านและหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันมันก็มีเสียงอะไรบางอย่างอยู่ในหัวของเขาอยู่ตลอดเวลาและกระตุ้นให้เขาทําลาย ทําลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
“คุณโอเคไหม?”
ธอร์พยายามเดินเข้าไปหาซูเงินอย่างยากลําบาก และถามเขาขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจ
ซู่เจินไม่ได้สนใจธอร์เลยแม้แต่น้อย เขาก้มหน้าลงพร้อมกับแขนของเขาที่สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
“รีบหยุดเขาเร็วเข้า อย่าให้เขาได้ถือมีด!”
ในขณะเดียวกันฮอว์กอาย , สตีฟโรเจอส์ และนาตาชา ที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเข้าพอดี ทําให้สตีฟโรเจอส์รีบตะโกนไปทางธอร์อย่างรวดเร็ว
สตีฟโรเจอร์รู้ว่ามีดคู่ทั้งสองเล่มนี้มันมีเวทมนต์อะไรบางอย่างอยู่ภายใน ซึ่งสิ่งนี้มันก็คือสาเหตุที่ทําให้เอลเลียตแรนดอล์ฟถูกควบคุมและกลายเป็นสัตว์ประหลาด
เมื่อได้ยินคําพูดของสตีฟโรเจอร์ ธอร์ก็เรียกค้อนของเขากลับมาและปาไปทางซู่เจินทันที แต่ทันใดนั้นซู่เจินที่กําลังก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มีดเล่มสีดําโบกสะบัดขึ้นมาเบา ๆ
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงปะทะกันดังขึ้นอย่างรุนแรง
ทําให้ค้อนของธอร์ถูกมีดของซู่เจินกระแทกบินหายไปในตัวตึกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันบินไปไกลแค่ไหน
หลังจากนั้นซู่เจินก็ค่อย ๆ เงยหน้าของเขาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ด้วยแววตาอันเย็นชาพร้อมกับชุดอนุภาคอีเทอร์ที่ปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของเขา
“สถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว … ดูเหมือนว่าเขาจะถูกควบคุมอยู่ ฉันควรทําอย่างไรดี ? ขนาดตอนเอลเลียตแรนดอล์ฟถูกควบคุมฉันยังรับมือกับเขาแทบไม่ได้และเกือบถูกเขาฆ่าตาย และตอนนี้มันดันกลายเป็นซู่เจิน แล้วฉันจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร ?” สตีฟโรเจอร์พูดขึ้นมาด้วยความสิ้นหวัง
แน่นอนว่าเขาคือกัปตันอเมริกา ที่ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรเขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาดด้วยจิตวิญญาณของชาวอเมริกัน แต่ตอนนี้เขาเริ่มสิ้นหวังขึ้นมาแล้วจริง ๆ
“ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ พวกเราทุกคนก็คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ! ฮอว์กอายพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา เพราะว่าตอนนี้เขาก็สิ้นหวังไปหมดแล้วเช่นกัน”
ลมหายใจแห่งความสิ้นหวังเริ่มแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
แต่ทันใดนั้นการแสดงออกที่เย็นชาของซูเงินก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขายิ้มขึ้นมาและพูดว่า “งั้นในตอนนี้ผมก็ขอบอกกับพวกคุณเอาไว้เลยว่าต่อให้เป็นเทวดาบนสวรรค์ก็ไม่สามารถช่วย พวกคุณได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพวกเขาได้ยินคําพูดของซู่เจิน พวกเขาก็ถึงกับตกตะลึงขึ้นมาทันที
” คุณ … คุณปกติดีใช่ไหม?” สตีฟโรเจอส์ถามขึ้นมาด้วยความมึนงง
“มันยังไม่ชัดเจนอีกงั้นหรอ?” ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับควงมีดในมือของเขาเล่น “มีดคู่ทั้งสองเล่มนี้มันเป็นของผม ถ้าเกิดว่าผมใช้มันแล้วเกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ผมก็คงทําให้คนอื่นหัวเราะผมแย่เลย”
“พระเจ้า! คุณทําให้พวกเรากลัวแทบตาย!” ฮอว์กอายอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“เจ้าบอกว่ามีดคู่ทั้งสองเล่มนี้มันเป็นของเจ้าอย่างงั้นหรอ ?” ธอร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย “แล้วทําไมข้าถึงรู้สึกได้ถึงเวทมนต์ของชาวแอสการ์ดที่อยู่ภายในมีดพวกนั้น ?”
“มีดพวกนี้ถูกดันแปลงมาจากไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์ ซึ่งผมก็ได้เอาสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรบางอย่างใส่เข้าไปภายในของตัวมีด ทําให้มีดพวกนี้มันแข็งแกร่งมาก! “ ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับมองไปที่เอลเลียตแรนดอล์ฟที่กําลังตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ “ฝีมือของคุณมันสุดยอดมาก … ผมพอใจมากกับมีดคู่แห่งความกลัวที่คุณสร้างขึ้นมา!”
เอลเลียตแรนดอล์ฟรีบกระโดดถอยห่างออกมาจากมีดคู่ทั้งสองเล่มด้วยไม่รู้ตัว เพราะว่าตอนนี้ภายในจิตใจของเขามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อมีดคู่ทั้งสองเล่มนี้ “พระเจ้า! อย่าให้ฉันเห็นมัน พวกมันน่ากลัวมาก”
เมื่อมองไปยังท่าทางที่หวาดกลัวของเอลเลียตแรนดอล์ฟ ซู่เจินก็รีบเก็บมีดกลับมาทันที และพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มันรู้สึกแย่มาก ราวกับว่าร่างกายของฉันกําลังถูกให้เจาะเป็นรู” เอลเลียตแรนดอล์ฟส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ซู่เจิน! เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าเจ้าปกติดี ?”
ธอร์ถามขึ้นมาด้วยควาเป็นห่วงเล็กน้อย
“แน่นอน!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยความหนักแน่น
“เยี่ยม! ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นคนที่วิเศษมากขนาดนี้ ขนาดอนุภาคอีเทอร์ก็ยังไม่สามารถทําอะไรกับเจ้าได้ และยังมีมีดคู่พวกนี้อีก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่ใช้มีดพวกนี้บ่อยเกินไป เพราะว่ามีดคู่อันนี้มันน่ากลัวมาก” ธอร์พูดขึ้นมาเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองทางเอลเลียตแรนดอล์ฟและพูด “เจ้าจะต้องกลับไปที่แอสการ์ดกับข้า!”
“ไม่… ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่น” เอลเลียตแรนดอล์ฟรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะหาตัวของเขาพบ หลังจากที่เขาได้ซ่อนตัวมาเป็นเวลานานมากแล้ว “ซู่เจิน! คุณเคยสัญญากับฉันเอาไว้ว่า ถ้าเกิดว่าฉันสร้างมีดทั้งสองเล่มนี้ให้กับคุณ … คุณจะปกป้องฉันจากคนที่ต้องการพาตัวของฉันไปไม่ใช่หรอ ? คุณคงจะไม่ผิดสัญญากับฉันใช่ไหม ?”
ธอร์ไม่คิดว่าระหว่างซูเงินและเอลเลียตแรนดอล์ฟจะมีข้อตกลงอะไรกันบางอย่าง ทําให้เขาหันไปมองที่ซู่เจินและพูดว่า “เขาเป็นคนของแอสการ์ด ดังนั้นตามกฏของแอสการ์ดแล้ว เขาจะต้องกลับไปที่แอสการ์ดเพื่อรับการลงโทษจากการที่เขาแอบหลบหนีมาที่นี่ บวกกับการที่เขาทําลายเมืองจนย่อยยับขนาดนี้”
เอลเลียตแรนดอล์ฟและธอร์จ้องมองไปที่ซู่เจิน ซึ่งซู่เจินก็ยืนคิดอยู่สักพักหนึ่งและค่อย ๆ ส่ายหัวออกมาพร้อมกับมองไปที่ธอร์และพูดว่า “ผมขอโทษ! ผมเกรงว่าผมจะปล่อยให้เขาไปกับคุณไม่ได้ เนื่องจาก … การที่เขาและผมได้สัญญากันเอาไว้ ซึ่งผมก็ไม่อยากผิดสัญญากับเขา”
” มันเป็นกฏของแอสการ์ด” ธอร์พูดขึ้นมามันก็ไม่ใช่
“แต่มันก็ไม่ใช่กฎของผมไม่ใช่หรอ ? และถ้าเกิดว่าคุณต้องการพาตัวของเขาไป ปัญหา!” ซู่เจินค่อย ๆ ยกมือของเขาขึ้นมาช้าๆ ทําให้ธอร์เริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที
“เจ้ากล้าลงมือจริง ๆ งั้นหรอ ? เพราะถึงยังไงเจ้ากับข้าก็เป็นเพื่อนกัน แถมเจ้ายังเป็นวีรบุรุษของชาวแอสการ์ดอีกด้วย!” ธอร์รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าซู่เจินยกมีดคู่ทั้งสองเล่มนั้นขึ้นมา เพราะตอนนี้ที่เขาสู้กับเอลเลียตแรนดอล์ฟมันก็ทําให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากพอแล้ว
“เนื่องจากการที่คุณบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน และผมก็เป็นวีรบุรุษของแอสการ์ด ดังนั้นผมก็หวังว่าคุณจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่ช่วยสร้างมีดคู่ทั้งสองเล่มนี้ขึ้นมาให้กับผม ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็แค่ชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่บนโลกก็แค่นั้น และเขาก็อยู่มานานมากแล้ว มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น บวกกับการที่เขาเป็นผู้มีพระคุณของชาวแอสการ์ด ถ้าเกิดว่าไม่มีเขาอยู่ที่นี่คุณก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอกนะธอร์!”
“เอาล่ะ! เดี๋ยวข้าจะไปบอกกับท่านพ่อให้ตามความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็แล้วกัน” เมื่อธอร์เห็นท่าทางที่แน่วแน่ของซูเจิน เขาก็ทําได้เพียงแต่พยักหน้าเห็นด้วย
สิ่งที่สําคัญที่สุดในครั้งนี้ก็คือถ้าเกิดว่าซู่เจินไม่เห็นด้วย การเจรจามันจะจบลงทันที
เพราะว่าเขาไม่ต้องการมีปัญหากับซูเงิน
“ขอบคุณ!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม และทันใดนั้นเขาก็เอามีดเล่มสีเงินแทงไปที่ธอร์ทันที
ธอร์ไม่ได้ตอบสนองอะไรออกมา เพราะเขาก็ไม่คิดว่าซู่เจินจะเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันแบบนี้ และในขณะที่เขากําลังจะตอบสนองเขาก็รู้สึกว่าพลังของความกลัวที่อยู่ภายในร่างกายของเขามันค่อย ๆ หายไป
“ขอบคุณ!” ธอร์หันไปพูดกับซูเงินทันที
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปดูดกลืนความกลัวที่อยู่ภายในร่างกายของ สตีฟโรเจอส์ ฮอว์กอาย และนาตาชาออกมา
“เยี่ยม! ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกกลัวแบบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ “ฮอว์กอายพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นาตาชาก็ยิ้มให้กับซู่เจินเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้ผลข้างเคียงและผลกระทบทั้งหมดจากพลังของความกลัวมันได้หายไปหมดแล้ว ทําให้ความรู้สึกผ่อนคลายภายในตัวของเธอตอนนี้ มันให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ