ตอนที่ 111 ทางเลือกของหลี่เสี่ยวลู่
หลังจากซู่เจินสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งรออย่างสบาย ๆ
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งจะต่อสู้กับคนพลังภูผาหิน เบน ซึ่งมันก็ไม่ได้ทําให้เขาเอาจริงเลยแม่แต่น้อย หรือจะเรียกได้ว่ามันยังไม่สามารถอุ่นเครื่องให้กับเขาได้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าความสามารถของเบนมันค่อนข้างที่จะเดาทางได้ง่ายมาก เขามีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งบวกกับการโจมตีที่รุนแรง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายในการจัดการกับคนที่มีความสามารถแบบนี้
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรทํา ซู่เจินก็เริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ประการแรกเลยก็คือความแข็งแกร่งของเขา เพราะว่าในตอนนี้เขายังมีวิธีการต่อสู้ที่ค่อนข้างจะน้อยอยู่ บวกกับการที่เขายังไม่มีวิธีการโจมตีที่รุนแรงมากกว่านี้ ซึ่งอนก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวอะไรกับมันมากนัก เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถเข้าไปในดันเจี้ยนเพื่อหาความสามารถพิเศษอย่างอื่นได้ในภายหลัง
ส่วนประการที่สองก็คือ กลุ่มพันธมิตรสงครามหรือ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา!
แม้ว่าการที่เอลเลียตแรนดอล์ฟจะถูกครอบงําโดยมีดคู่แห่งความกลัวในครั้งนั้นจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยากมากที่จะรับประกันว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาอีกในอนาคต ซึ่งพันธมิตรสงครามจะยังไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้รวมถึงสกายและนาตาชาที่จะต้องทําภารกิจอันตรายอะไรต่าง ๆ มากมาย ซึ่งความสามารถของพวกเธอในตอนนี้ก็ยังอ่อนอยู่มาก
ซึ่งในอนาคตสกายจะสามารถปลุกความสามารถของเผ่าพันธุ์อินฮิวแมนส์ขึ้นมาได้ หลังจากนั้นเธอก็จะกลายเป็นแม่สาวคลื่นไหวสะเทือน ที่สามารถเอาชนะแม็กนีโต้และฆ่าวูล์ฟเวอรีนได้ตามฉบับการ์ตูนคอมมิค แต่ในทางด้านของนาตาชานั้นเธอค่อนข้างที่จะอ่อนแอและไม่ได้มีความสามารถพิเศษแบบคนอื่นเขา!
“ฉันไม่รู้ว่าเจมมาจะสามารถสร้างยายน R ขึ้นมาได้เมื่อไหร่ เพราะเมื่อมันสําเร็จแล้วมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขาได้อย่างมหาศาล!” ซู่เจินพิมพ์ขึ้นมาเบา ๆ ในใจของเขา และเริ่มคิดถึงเรื่องของเฟลิเซ่ต่อ เพราะถึงยังไงเฟลิเซ่ก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาปกติทั่วไป ซึ่งในโลก DC ก็มีอันตรายอยู่มากมายเช่นกัน บวกกับการที่เขาไปปรากฏตัวที่นั่นมันจะต้องดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ มากมายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงจําเป็นที่จะต้องหาอะไรบางอย่างเอาไว้ให้เธอเพื่อป้องกันตัวเอง
ชุดเกราะเหล็ก ?
ซูเจนนึกถึงเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าทักษะการบินของเฟลิเซ่ก็ถือว่าค่อนข้างจะดีมาก ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนักกับชุดเกราะเหล็ก นอกจากนี้ชุดเกราะเหล็กมันยังสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเธอได้อย่างมหาศาล อย่างน้อยก็จนเขาจะสามารถพัฒนาตัวยายืน R ให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ ดังนั้นชุดเกราะเหล็กมันจึงเป็นตัวเลือกแรกที่ซู่เจินคิดว่าเหมาะสมที่สุด
ถึงแม้ว่าโทนี่จะป้องกันชุดเกราะเหล็กของเขาเอาไว้อย่างแน่หนา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ยากเกินไปที่เขาจะเอามันมา
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาสามารถศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับมันด้วยตัวของเขาเองก็ได้
“อาหารของคุณเสร็จแล้ว”
ในขณะที่ซูเจินกําลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาขัดจังหวะความคิดของเขา และหลังจากที่ซู่เจินจ่ายเงินอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินถืออาหารออกจากร้านอาหารพร้อมกับเดินไปที่ตรอกที่ไม่มีคน และบินออกไปทันที หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็บินมาถึงยานบิน ทําให้สกายและคนอื่น ๆ รู้สึกมีความสุขมากเมื่อพวกเขาเห็นว่าซูเจินเอาอาหารจีนกลับมา
ซู่เจินแวะไปถามถึงความคืบหน้าในการวิจัยยายืน R จากเจมมาเล็กน้อย ซึ่งผลที่ออกมามันก็ค่อนข้างดีเพราะว่าตอนนี้เจมมาสามารถคิดค้นสูตรผสมของตัวยาได้เรียบร้อยแล้ว และถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ได้ทดสอบ แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะ 70 % แล้วที่เธอมั่นใจว่าเวลาใช้ยาตัวนี้ไปมันจะได้รับความสามารถพิเศษอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน! สิ่งนี้ทําให้ซู่เจินรู้สึกมีความสุขมากและเขาก็บอกกับเธอว่าถ้าเกิดว่าเธอทํามันสําเร็จแล้วให้เธอช่วยทําสําเนาเกี่ยวกับผลของการวิจัยและวิธีการทดลองให้กับเขาด้วย
ซึ่งการวิจัยตัวยาของเจมมานั้นเธอจะเน้นไปที่การแก้ไขความสามารถบางอย่าง ทําให้มันน่าจะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการนํามาทดลอง
หลังจากที่ซู่เจินอยู่รับประทานอาหารเย็นกับสกายเสร็จเรียบร้อย เขาก็รอจนกว่าทุกคนจะกลับไปพักผ่อน หลังจากนั้นเขาก็กดเข้าสู่ดันเจี้ยนแห่งแรกทันที
ทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวของซูเจินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องนอนของเขาในดันเจี้ยน
ซูเจินมองออกไปที่นอกหน้าต่างเล็กน้อย เขาก็พบว่าตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกมันเต็มไปด้วยดวงดาวบนท้องฟ้าที่แพร่งพราวระยิบระยับส่องประกายในยามค่ำคืน
เมื่อลองเช็คเวลาดูเขาก็พบว่าตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงคืน
ซู่เจินเดินออกมาจากห้องเพื่อไปตามหาคีร่าทันที
เมื่อซู่เจินเดินมาถึงห้องของคีร่าเขาก็พบว่าตอนนี้ห้องของเธอมันไม่ได้ล็อคอยู่ ทําให้เขาค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของซูเจินจะเบามาก แต่ถึงอย่านั้นคีร่าก็ยังไม่ได้นอนหลับสนิท ทําให้เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็พบว่าตอนนี้กําลังมีคนยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ซึ่งเธอก็จําซู่เจินได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและลุกขึ้นมานั่งด้วยความดีใจ
“มาสเตอร์คุณกลับมาแล้วงั้นหรอ ? ”
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และนั่งลงข้าง ๆ เธอพร้อมกับหยิบสูตรยาของเจมมาส่งให้กับเธอและพูดว่า “ดูนี่สิมันคือสูตรของยายน R ที่ผมได้ไปลองศึกษาค้นคว้ามา ตามสูตรอันนี้มันน่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบในการผลิตตัวยาได้ อย่างไรก็ตามอัตราความสําเร็จของยาตัวนี้มันก็ยังไม่แน่นอน ดังนั้นเธอก็ควรนําไปให้นักวิจัยของเธอลองศึกษามันเพิ่มเติมดูก่อน และถ้า กิดว่ามันไม่ได้มีอันตรายอะไรมากมาย เธอก็หาคนมาทดลองยาตัวนี้ได้เลย และผมก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดีในเร็ว ๆ นี้!”
“ค่ะ! เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เร็วที่สุด” คีร่ารีบลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยเริ่มก็ได้” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ!” คีร่าพยักหน้าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “มาสเตอร์! ตอนนี้คนที่คุณตามหาพวกเขาได้หาตัวของเธอเจอเรียบร้อย แล้วตอนนี้เธอก็อยู่ภายในฐานแห่งนี้ คุณ … อยากเจอเธอไหม ? ”
หลี่เสี่ยวลู่ ?
ผู้หญิงที่ได้ครั้งแรกของเขาไป ซึ่งมันก็เป็นครั้งแรกที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะว่าตอนนั้นเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ทําให้ซู่เจินรู้สึกผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับเธอ และไม่ต้องพูดถึงว่าระหว่างเขาและเธอมันไม่ได้มีความรู้สึกที่พิเศษอะไรต่อกันเลย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ได้มีความสัมพันธ์ในแบบนั้นกันไปแล้ว ซึ่งซู่เจินก็ไม่สามารถยอมรับได้เด็ดขาดถ้าเกิดว่าวันหนึ่งจะมีผู้ชายคนอื่นที่จะมาอยู่เคียงข้างเธอในอนาคต
” บอกผมมาหน่อยสิว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมจะเป็นคนที่ไปหาเธอเอง ส่วน ณก็นอนพักผ่อนต่อได้เลย”
คีร่ารีบอธิบายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากซู่เจินก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที
สถานที่ที่หลี่เสี่ยวลู่อยู่ในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างดี แม้ว่าเสรีภาพของเธอจะถูกจํากัด แต่ถึงอย่างนั้นภายในห้องของเธอมันก็มีทุกอย่างที่จําเป็นเตรียมไว้ให้กับเธอหมดแล้ว และเมื่อซู่เจินเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบว่าตอนนี้หลีเสี่ยวลู่ยังไม่นอน เธอแต่งตัวเสร็จสรรพและกําลังนั่งรออยู่พร้อมกับขนมในมือของเธอ ราวกับว่าตอนนี้เธอกําลังรอใครบางคนอยู่
เมื่อเห็นว่าซู่เจินเดินเข้ามา เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา
“รู้ใช่ไหมว่าผมกําลังมา ?”
ซู่เจินถามขึ้นมาพร้อมกับสายตาของพวกเขาที่สบเข้าหากันหลังจากที่เขาพูดจบ
หลี่เสี่ยวลู่ไม่ได้ตอบ แต่เธอกับหยิบสมุดเล่มเล็กออกมากางให้ซูเจินดู ซึ่งภายในสมุดเล่มนั้นมันมีภาพอยู่ และภายในภาพมันก็คือภายในห้องนี้ที่มีเธอกําลังพูดคุยอยู่กับใครอยู่สักคนเพียงแต่ว่าคน ๆ นี้กับดําสนิท ราวกับว่าตัวของเขาเป็นผี ทําให้เธอไม่สามารถบอกได้ว่าเขาคนนี้เป็นใครกันแน่
“ฉันรู้แค่ว่าคืนนี้ฉันจะเจอใครสักคน ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่ในกรณีนี้ ฉันก็คิดว่า แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทํานายอนาคต คุณก็เดาได้ใช่ไหม ? ” หลี่เสี่ยวลู่พูดขึ้นมา
ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “งั้นคุณก็น่าจะเดาจุดประสงค์ที่ผมตามหาคุณได้ใช่ไหม
“น่าจะ!” หลี่เสี่ยวลู่ยังไม่ยอมรับในทันที
“แล้วคําตอบของคุณล่ะ ?”
“ฉันยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกงั้นหรอ ? “ หลี่เสี่ยวลู่ถามกลับมาและพูดขึ้นมาอย่างขมขึ้นว่า “ตั้งแต่วินาทีนั้นที่คุณบังคับฉัน ฉันก็ไม่ทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีทางเลือก แต่คุณไม่ต้องการเลือกมันเอง!”
ซู่เจินส่ายหัวและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ในตอนนั้นที่ผมหมดสติไปแล้ว และคุณก็ตื่นขึ้นมาเร็วกว่าผม ซึ่งถ้าเกิดว่าคุณเกลียดผมมากจริง ๆ คุณก็สามารถฆ่า ผมในตอนนั้นเลยก็ได้แต่คุณก็ไม่ทําและเลือกที่จะหนีไปแทน อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณพูดขึ้นมาก่อนหน้านี้มันถูกต้องแล้ว เพราะว่าตอนนี้ คุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ และไม่ว่าผมจะต้องใช้วิธีอะไรผมก็จะต้องเอาคุณมาเป็นผู้หญิงของผมให้ได้ และถ้าเกิดว่า … คุณไม่ต้องการให้ผมแตะต้องตัวคุณ ผมก็จะไม่ทํา!”
และถ้าเกิดว่าฉันต้องการล่ะ ? ”
หลี่เสี่ยวลู่เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับถามไปทางซู่เจิน