ตอนที่ 113 ซูเปอร์แบล็ควิโดว์
แม้ว่าเจมมาจะบอกกับซู่เจินว่าเธอต้องการหาอะไรทําให้จิตใจของเธอในตอนนี้มันสงบลง ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะวิจัยเกี่ยวกับตัวยาในตอนกลางคืนแบบนี้ แต่ถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น เพราะถ้าเกิดว่าอารมณ์ของเธอและซู่เจินในตอนนี้ไม่สงบลง เธอเกรงว่ามันจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งซู่เจินก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เจมมายังไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง … ห้องนอนของสกายก็อยู่ไม่ไกลจากห้องของเจมมามากนัก
ถึงแม้ว่าซู่เจินจะรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทําอะไรกับเธอ
ซ่เงินบอกราตรีสวัสดิ์กับเจมมาพร้อมกับหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของเขาทันที ซึ่งเขาในตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงรสชาติอันหอมหวานที่ติดอยู่ที่ปากของเขาได้อยู่เลย
และเนื่องจากในตอนนี้เจมมาได้รับความสามารถในการใช้พลังจิตไป ดังนั้นความปลอดภัยของเธอในตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี เพราะถึงอย่างไรก็ตามความสามารถในการใช้พลังจิตมันก็แข็งแกร่งมาก ซึ่งซูเจินก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของมันเป็นอย่างดี นอกจากนี้แม้ว่าเจมมาจะเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของ SHIELD แต่ถึงอย่างนั้นเวลาส่วนใหญ่เธอจะอยู่แต่ที่ฐาน ทําให้โดยพื้นฐานแล้วนักวิทยาศาสตร์จะไม่ค่อยได้พบกับอันตรายอะไรมากมายนัก
ส่วนทางด้านของสกาย ซู่เจินไม่ได้ให้ยาตัวนี้กับเธอ
ถึงแม้ว่าพลังของสกายในตอนนี้มันจะยังไม่ตื่นขึ้น แต่ความสามารถของเธอหลังจากที่พลังของเธอตื่นขึ้นมาแล้วนั้นมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนที่พลังของเธอจะตื่นขึ้นมานั้น เธอจะไม่ได้รับอันตรายอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าให้ยานี้ตัวกับเธอ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทําให้เกิดปฏิกิริยาอื่นๆแทรกซ้อนขึ้นมาหรือเปล่า ซึ่งตรงข้ามกับนาตาชาที่ยาตัวนี้สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเธอได้อย่างมหาศาล
ตอนเช้าที่นิวยอร์คจะค่อนข้างคึกคักเป็นเป็นพิเศษ สามารถมองเห็นคนที่เดินถือแก้วกาแฟด้วยความเร่งรีบกันเต็มไปหมด ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับการทํางานหนักหรือความยากลําบากของชีวิตเท่านั้น แต่พวกเขายังจะต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมาเป็นช่วงๆ พูดได้เลยว่าที่นี่ถ้าใจไม่ถึงอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน!
ในร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดใหญ่บริเวณริมถนน ซู่เจินกําลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างพร้อมกับกาแฟ 2 ถ้วยบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากําลังรอใครบางคนอยู่
“ดึงดอง”
เสียงกริ่งของประตูดังขึ้นมาพร้อมกับประตูที่ค่อยๆผลักเข้ามา ในขณะเดียวกันก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นมองไปรอบๆ ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็สังเกตเห็นซู่เจิน ทําให้เธอรีบเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“คุณมารอนานแล้วหรือยัง? ” นาตาชานั่งลงพร้อมกับหันไปถามทางซ้ําเงิน
” ผมเพิ่งมาถึง” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นาตาชาหยิบกาแฟขึ้นมาจิบแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “กาแฟมันเย็นขนาดนี้ คุณจะบอกว่าคุณเพิ่งมาถึงอย่างงั้นหรอ? “
“เย็น ? ไหนขอผมดูหน่อย” ซู่เจินแกล้งทําเป็นแปลกใจเล็กน้อย และค่อยๆหยิบถ้วยกาแฟของนาตาชาขึ้นมาดู พร้อมกับส่งคืนให้เธอ ” มันก็ยังร้อนอยู่ไม่ใช่หรอ ?”
“วิธีการของคุณมันโจ่งแจ้งเกินไปไหม? ฉันเห็นนะว่ามือของคุณมันแดงอย่างกับสีของหินหนืดเมื่อกี้นี้” นาตาชากลอกตาของเธอเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“มันก็ได้ผลดีไม่ใช่หรอ ?”
ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“อืม ฉันคิดว่าฉันน่าจะมีความสุขแบบนี้ทุกวัน ถ้าเกิดว่าฉันอยู่กับคุณ!” นาตาชาพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน!” ซู่เจินยิ้มและพูดต่อว่า” คุณอยากมีพลังเหนือธรรมชาติไหม? ตัวอย่างเช่น พลังจิต , คลื่นเสียง , การควบคุมจิตใจ , การทํานายอนาคต ฯลฯ”
“ทําไมจู่ๆคุณถึงถามขึ้นมาแบบนี้ล่ะ ?” นาตาชารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เธอก็ตอบซูเจนขึ้นมาว่า “แน่นอนสิ ฉันอยากมีพลังแบบนั้น เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยทําให้ฉันสามารถทําภารกิจต่างๆได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากกว่า เดี๋ยวก่อน! อย่าบอกนะว่าคุณสามารถทําให้ฉันมีพลังเหนือธรรมชาติได้งั้นหรอ ?”
ซูเจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
นาตาชารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณพูดจริงงั้นหรอ? เป็นเพราะความสามารถของคุณอย่างงั้นหรอ ? ไม่ใช่ว่าคุณเคยบอกกับฉันว่าคุณมีแค่ความสามารถในการกลืนกินและทําให้มันสามารถปรับเข้ากับร่างกายของคุณได้ ซึ่งมันก็ไม่สามารถคืนความสามารถที่คุณกลืนกินมาคืนให้กับเจ้าของเดิมได้ไม่ใช่หรอ? ”
“ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นความสามารถของผมสักหน่อย ?” ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาเบาๆ และค่อยๆ อธิบายขึ้นมาว่า “ผมมียาอยู่ตัวหนึ่งที่สามารถมอบพลังเหนือธรรมชาติให้กับคุณได้ ซึ่งหลังจากที่ผมลองทดสอบดูแล้ว ผมก็พบว่าอัตราความสําเร็จของมันมีสูงถึง 100% และไม่มีผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มียาตัวนี้อยู่ไม่มากนักและพลังหรือความสามารถมันก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งในตอนนี้ผมมี ทํานายอนาคต , พลังจิต , การควบคุมจิตใจ , คลื่นเสียง ดังนั้นคุณสามารถเลือกหนึ่งในสี่อันนี้ได้เลย”
“ยา?”
นาตาชาพึมพําขึ้นมาเบาๆ และเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง
“ฉันเอาความสามารถในการใช้พลังจิตเหมือนกับคุณ”
หลังจากนั้นไม่นานนาตาชาก็ตัดสินใจได้ ซึ่งเธอก็ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
บวกกับก่อนหน้านี้ที่ซู่เจินเคยแสดงให้เธอเห็นถึงความสามารถของพลังจิตและการทํานายอนาคตมาก่อนแล้ว ทําให้เธอค่อนข้างที่จะรู้เกี่ยวกับความสามารถทั้งสองอันนี้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าความสามารถทั้งสองอันนี้มันมีประโยชน์กับเธออย่างมหาศาล แต่ถ้าให้เธอเลือกระหว่างความสามารถทั้งสองอันนี้จริงๆ ก็ดูเหมือนว่าพลังจิตนั้นจะดีมากกว่า
ซู่เจินเอื้อมมือของเขาออกไปพร้อมกับวางขวดยาเอาไว้ในมือของเธอ ” คุณดื่มมันได้เลย”
“ตอนนี้เลย ?” นาตาชาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เปิดฝาขวดออกพร้อมกับดื่มมันเข้าไปทันที ซึ่งยาตัวนี้มันไม่มีกลิ่นหรือสีอะไรทั้งสิ้น ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่น้ําเปล่าธรรมดาๆ
“เสร็จแล้วงั้นหรอ ?”
หลังจากที่เธอดื่มจนหมดแล้ว นาตาชาก็หันไปถามกับซู่เจิน
“เอาล่ะ! เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเปิดห้องก็แล้วกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“เอ๊ะ??”
นาตาชาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ทําไมจู่ๆ คุณถึงได้พูดเรื่องเปิดห้องขึ้นมา ? นี่มันคือยาที่จะมอบพลังเหนือธรรมชาให้กับฉันไม่ใช่หรอ แต่นี่มันคืออะไร ? แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานความคิดนี้ก็ถูกทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไงท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเกิดว่าซูเจินต้องการทําเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาก็แค่พูดออกมาก็ได้ไม่ใช่หรอ?
“คุณอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง และหลังจากที่คุณตื่นขึ้นมา คุณก็จะมีความสามารถพิเศษ” ซู่เจินอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็วางเงินเอาไว้พร้อมกับเดินออกไปนอกร้าน โดยที่มีนาตาชากําลังควงแขนของเขาอยู่
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงแรมที่อยู่บริเวณใกล้เคียง พร้อมกับเปิดห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการของนาตาชาในตอนนี้ก็เริ่มไม่ค่อยดีจากผลของตัวยา เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องนาตาชาก็ผล็อยหลับไปทันที
ซู่เจินอุ้มนาตาชาไปวางไว้บนเตียง พร้อมกับนั่งลงข้างๆเธอ และค่อยๆดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ เพื่อเป็นการข้ามเวลารอนาตาชาตื่นขึ้นมา
หลังจากผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ซู่เจินก็รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้นาตาชากําลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว ทําให้เขาเก็บอนุภาคอีเทอร์กลับไปพร้อมกับมองไปที่เธอ หลังจากนั้นไม่นานนาตาชาก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ และยิ้มให้กับซู่เจินเล็กน้อย
“ยินดีด้วยสําหรับการวิวัฒนาการของคุณ” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“วิวัฒนาการ?”
” ซุปเปอร์แบล็ค วิโดว์ ถือกําเนิดขึ้นมาแล้ว” ซู่เจินพูดติดตลกขึ้นมาเล็กน้อย คุณลองใช้ความสามารถของคุณดูสิ”
“อืม!”
นาตาชาพยักหน้าขึ้นมาเบาๆ หลังจากนั้นเธอก็จ้องเขม็งไปที่แก้วน้ําที่อยู่ข้างๆตัวของเธอ
ในตอนแรกแก้วน้ํามันยังไม่ขยับ แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็ค่อยๆแกว่งไปแกว่งมา และเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนมันบินมาอยู่ต่อหน้าของนาตาชา ทําให้เธอรีบเอามือคว้าจับไปที่มัน และพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ฉันทําได้!”
” ทําไมมันไม่ค่อยเหมือนกับสิ่งที่คิดเลย ?” ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเล็กน้อยและอธิบายให้กับนาตาชาฟังว่า “คุณเพิ่งจะได้รับความสามารถพิเศษมา ดังนั้นคุณก็ควรปรับตัวให้ชินกับมันโดยเร็วที่สุด นอกเหนือจากการที่คุณสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้แล้ว คุณยังสามารถสร้างเกราะพลังจิตขึ้นมาป้องกันตัวของคุณเองได้ สําหรับรายละเอียดและความสามารถอื่นๆ คุณสามารถใช้สาวน้อยพลังล่องหน หรือซูซานสตอร์มในการเป็นแบบอย่างได้”
“อืม!”
นาตาชาเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าความสามารถนี้มันจะไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้ความสามารถของเธอว่าเธอจะพัฒนามันไปในทิศทางไหน เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เธอก็สามารถต่อสู้กับคนที่มีความสามารถพิเศษคนอื่นๆได้แล้ว และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชนะ แต่ก็เธอก็พอที่จะหาทางเอาตัวรอดได้!
” แต่ก่อนหน้านั้น ผมยังมีบางอย่างที่ต้องทําก่อน!” ซูเจินหันไปมองนาตาชาพร้อมกับมุมปากของเขาที่ยกขึ้นเล็กน้อย
แค่นาตาชามองดู เธอก็เข้าใจความหมายของซู่เจินได้ในทันที
“งั้นฉันก็ไม่ต้องจ่ายเงินสําหรับตัวยาที่คุณให้ฉันมาแล้วใช่ไหม?”
เมื่อนาตาชาพูดจบ เธอก็ยกเท้าทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาและค่อยๆเอาไปพาดที่คอของซู่เจิน เอาไว้พร้อมกับค่อยๆดึงตัวของเขาเข้ามา เมื่อซู่เจินเห็นท่าทางที่ยั่วยวนของนาตาชา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว