ตอนที่ 131 ลองความสามารถใหม่
“คุณอย่าพูดแบบนั้นสิ คุณรู้ไหมชุดนี้มันราคาตั้ง 30,000 ดอลลาร์ แถมมันยังเป็นชุดที่คล้ายๆกับสไตล์วิคตอเรียน ที่ได้ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงมันขึ้นมาใหม่ และถ้าเกิดว่าคนที่ออกแบบชุดนี้ขึ้นมาได้ยินคุณพูดขึ้นมาแบบนี้ เขาจะไม่โกรธคุณแย่เลยอย่างงั้นหรอ?”
ซู่เจินมองไปที่อีเดนพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความข่มขึ้นเล็กน้อย
อีเดนขดริมฝีปากของเธอและเสแสร้งแกล้งทําเป็นไม่สนใจเกี่ยวกับคําพูดของซู่เจิน แต่ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าพวกนี้มันก็สวยงามมากจริงๆ ถึงแม้ว่าราคามันจะแพงไปหน่อย แต่เวลาเธอสวมใส่มันมันก็ให้ความรู้สึกที่สบายเป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งเดียวที่เธอไม่ค่อยชอบเลยก็คือมันโปร่งใสมากเกินไป และถ้าเกิดว่ามันเป็นชุดที่รัดรูป เธอก็คงจะไม่ยอมใส่มันอย่างแน่นอน
ดังนั้นถึงแม้ว่าอีเดนจะสวมใส่ชุดนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ถอดชุดชั้นในที่อยู่ด้านในออก ทําให้ซู่เจินในตอนนี้รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
ซู่เจินแกล้งทําเป็นผิดหวังอยู่นาน และพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้อีเดนสวมใส่ชุดนี้โดยไม่มีชุดชั้นใน เพราะไม่งั้นมันจะไม่สามารถดึงเสน่ห์ที่แท้จริงของชุดนี้ออกมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นอีเดนก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ทําให้ซู่เจินได้แต่ยอมแพ้ด้วยความสิ้นหวัง
“คุณจะนอนในห้องของผมหรือห้องรับแขก ?”
ซู่เจินหันไปถามกับอีเดน
อีเดนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอนอนห้องรับแขกก็แล้วกัน”
“โอเค งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบาๆ
อีเดนขดริมฝีปากของเธอและค่อยๆถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณไม่โกรธฉันแล้วอย่างงั้นหรอ
“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร?”
“เพราะว่าฉันไม่ยอมให้คุณเห็นในสิ่งที่คุณต้องการ คุณก็เลยบอกให้ฉันไปนอน”
ซู่เจินส่ายหัวด้วยความมึนงงและพูดว่า “ผมไม่ได้เป็นคนที่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นสักหน่อย และถ้าเกิดว่าคุณปล่อยให้ผมเห็นในสิ่งที่ผมต้องการเห็นจริงๆ ผมก็ไม่มีอารมณ์ทําอะไรกับคุณหรอก เพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกง่วงเป็นอย่างมาก”
เมื่อเห็นว่าซู่เจินไม่ได้โกรธเธอจริงๆ อีเดนก็เดินไปที่ประตูอย่างช้าๆด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นเธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับมากล่าวขอบคุณกับซู่เจิน และเธอก็หันหลังกลับพร้อมกับเดินออกจากห้องนอนไป
หลังจากหยอกล้อกับอีเดนอยู่สักพักหนึ่ง ซู่เจินก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หลังจากที่เขาลงนอนบนเตียงได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกง่วงและผล็อยหลับไป
เขาหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้เหมือนกัน ซู่เจินค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับมองไปรอบๆเขาก็เห็นว่าตอนนี้ภายในห้องมันยังสลัวๆอยู่ ซึ่งข้างนอกมันก็ยังมืดอยู่ และมันก็อาจจะไม่สว่างในเร็วๆนี้
เขายืนขึ้นมาพร้อมกับบิดเอวไล่ความเมื่อย และก็ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาในตอนนี้มันจะฟื้นตัวได้เยอะมากแล้ว เพราะว่าตอนนี้ไวรัสเอ็กต์ตรีมมิส และความสามารถในการรักษาตัวเอง บวกกับความสามารถอื่น ๆ อีก 7 – 8 อันก็ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในตอนนี้เขาสามารถได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจและการหายใจได้อย่างชัดเจนมาก มันดังก้องอยู่ในหูของเขา
“นี่คือความสามารถสุดยอดการได้ยินใช่ไหม ?”
เขาได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจของอีเดนได้อย่างชัดเจน ในขณะที่เธอกําลังนอนอยู่ในห้อง ข้างๆมันเต้นเป็นจังหวะอย่างสงบ และก็ดูเหมือนว่าเธอกําลังหลับสนิทอยู่
ซึ่งเขาก็รู้จักความสามารถนี้เป็นอย่างดี และถ้าเกิดว่าเขาไม่หาวิธีการควบคุมมันให้ดี เขาจะต้องทรมาณกับความสามารถนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าเสียงมันจะเบาแค่ไหนเขาก็สามารถได้ยินมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันทําให้เขารู้สึกรําคาญหูเป็นอย่างมาก ดังนั้นซู่เจินจึงค่อยๆพยายามที่จะควบคุมมัน และค่อยๆปรับสเกลการได้ยินของเขาให้มันต่ําลงจนอยู่ในระดับที่พอดี
ซึ่งในตอนแรกมันก็ทําให้เขาหูหนวก และค่อยๆกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย
หลังจากที่เขาลองพยายามควบคุมอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลาไม่นานเขาก็สามารถควบคุมมันได้ตามที่เขาต้องการ โดยที่เขาสามารถขยายการได้ยินของเขาออกไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และถ้าเกิดว่าเขาไม่ต้องการได้ยิน เขาก็ปิดมันได้ แม้กระทั่งเขาสามารถปิดการได้ยินของเขาได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากศึกษาความสามารถสุดยอดการได้ยินอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นพลังจิตของซู่เจินก็เริ่มสั่นไหว หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อยๆโปร่งใสและหาย
ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้ใช้มันสักหน่อย ความสามารถนี้มันคงจะสูญเปล่าอย่างแน่น
“ล่องหนอน!”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข พร้อมกับลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเดินไปที่ประตู และค่อยๆเปิดประตูออกไปเบาๆ และไม่นานเขาก็เดินมาถึงห้องของอีเดน
ซึ่งในตอนนี้อีเดนก็กําลังนอนหลับอย่างสบายใจ และท่าทางการนอนของเธอในตอนนี้มันก็ชั่งดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว เธอนอนตะแคงข้างพร้อมกับห่มผ้าห่มเอาไว้ ทําให้ซู่เจินเหล่ตาของเขามองไปที่เธอเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันลึกลับว่า “คุณไม่อยากให้ผมเห็นนักใช่ไหม ผมอยากรู้จริงๆเลยว่าคุณจะยังใส่มันไว้ข้างในอยู่หรือเปล่าในตอนที่คุณกําลังนอนหลับแบบนี้ ขอโทษด้วยเพราะดูเหมือนว่าวันนี้มันจะเป็นวันของผม ฮิฮิ…”
ซู่เจินค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีเดนอย่างช้าๆ พร้อมกับเกาไปที่เท้าของเธอเบาๆ ซึ่งอีเดนก็รู้สึกถึงมันได้ แต่เธอก็ยังไม่ตื่นเธอทําเพียงแค่ขยับขาของเธอเล็กน้อย
หลังจากนั้นนิ้วของซู่เจินก็ค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไปเรื่อยจนเกือบจะถึงสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า ทันใดนั้นอีเดนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งและค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง
และเมื่อสังเกตไปมองรอบๆแล้วไม่เห็นอะไร มันก็ทําให้เธอเม้มปากบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นเธอก็พลิกตัวกลับไปนอนต่อ
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะน่ารักมากขนาดนี้”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่อีเดนที่กําลังนอนราบไปกับที่นอนอยู่ในขณะนี้ ทําให้ซู่เจินสามารถมองเห็นยอดของปลายภูเขาทั้งสองลูกได้อย่างชัดเจน บวกกับชุดนอนที่มันโปร่งใสทําให้เธอไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ของพวกมันเอาไว้ได้
แถมด้านล่างของเธอนั้นก็ไม่ได้ใส่กางเกงใน
ซึ่งเธอได้ถอดมันออกไปก่อนที่เธอจะนอน
“ดูพอแล้วหรือยัง ?”
ในขณะที่ซู่เจินกําลังจะเข้าไปมองดูใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าอีเดนลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงจริงจัง ทําให้ซู่เจินถึงกับตกตะลึง “ได้ยังไงกัน? ตอนนี้ฉันล่องหนอยู่ไม่ใช่หรอ? เธอรู้ได้ยังไง?”
“ฉันรู้นะว่าคุณกําลังมองมาที่ฉันอยู่ ซึ่งมันเกือบจะเนียนแล้ว ดังนั้นคุณควรที่จะออกมาไม่ งั้นฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ” อีเดนพูดขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นซู่เจินก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของเธอมันไม่ได้มองมาที่เขาเลย แถมท่าทางของเธอมันก็ดูลังเลเล็กน้อยด้วย
“เธอกําลังหลอกฉันอยู่อย่างงั้นหรอ?”
ซู่เจินกลั้นหายใจและยืนรออยู่เงียบๆเป็นเวลานาน
“ดูเหมือนว่าฉันจะกังวลมากเกินไปสินะ” หลังจากเธอรอมาอยู่สักพักหนึ่ง เธอก็พบว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ ทําให้เธอพึมพําขึ้นมาเบาๆ และกลับลงไปนอนตามเดิม
“เธอไม่หวาดระแวงมากเกินไปหน่อยอย่างงั้นหรอ?”
เมื่อเห็นว่าอีเดนจงใจหลอกเขาจริง ๆ ซู่เจินก็รู้เจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะดูเหมือนว่าประสบการณ์ที่เธอเจอมาในอดีตมันจะทําให้เธอตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ?
ดูเหมือนว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอมันจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ …
ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ และค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องของเขา
เพราะเมื่อเขาเห็นว่าอีเดนทําท่าทางแบบนั้นออกมา เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเอาเปรียบเธออีกต่อไป
หลังจากเวลาล่วงเลยจนมาถึงตอนเก้าโมงช้า อีเดนก็เดินมาเคาะประตูห้องนอนของซู่เจิน
เมื่อเห็นว่าอีเดนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “เป็นไง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม ?”
“ก็ไม่เลว
อีเดนจ้องมองไปที่ซู่เจินเป็นเวลานาน พร้อมกับพยักหน้าและพูดขึ้นมา