“นายหญิง ชอนจูคุกเข่าอยู่ที่สนาม นางบอกว่าคุณหนูใหญ่จะขับไล่นางออกจากคฤหาสน์ นางขอร้องให้ท่านช่วยนาง” หลีหม่าเปิดม่านและเดินเข้าไปในห้อง กระซิบบอกนางอัน
นางอันอารมณ์เสียกับการร้องไห้ไม่หยุดของซูเหวินม่อซึ่งเป็นชื่อของลูกชายนางจ้าวและซูหลุนให้ชื่อนี้กับเขา
ทารกร้องไห้มาตลอดตั้งแต่ถูกส่งมาที่นี่ นางอันโกรธมากจนอยากโยนเขาลงบ่อน้ำไปเลย
ชอนจูเป็นสายให้นางอันวางตัวนางไว้รอบๆนางจ้าว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่แปลกที่นางมาที่นี่ตอนนี้
“นางทำผิดอะไร? เพียงเพราะนางเรียกหาหมอไม่ได้ ซูมู่เก๋อจึงขับไล่นางออกจากคฤหาสน์งั้นรึ?”
“ข้าน้อยได้ยินมาว่าเป็นเพราะ….” หลีหม่าเล่าลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับยายของมู่เก๋อ – แม่ของนางเจ้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางอันสงบลง
“ตอนนี้นางทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว ไม่ใช่ทำให้นางออกไปง่ายเกินหรือ? เจ้ารู้ว่าข้าหมายถึงอะไร หลีหม่า”
…………………..
นางจ้าวเกือบเสียชีวิตจาการคลอดครั้งนี้ นางอ่อนแอมากจนมู่เก๋อต้องดูแลนางอย่างเป็นห่วงมาก
“มู่มู่ เจ้าขอให้คนอื่นไปสอบถามเกี่ยวกับท่านยายของเจ้าหรือไม่?”
มู่เก๋อรู้ว่านางจ้าเป็นห่วงท่านยายของนางเสมอ
“คุณหนูมู่เก๋อ นายหญิงอันกำลังมาเจ้าค่ะ”
มู่เก๋อยังพูดไม่จบ และมีเสียงของเยว์รู่
นางอันกำลังมา เดายาก
“พี่สาว เจ้าสบายดีหรือ?” มู่เก๋อไม่ได้พูดอะไร แต่นางอันคุยก่อนแล้วเดินไปหานางเจ้าอย่างนุ่มนวล นางอันสวมชุดสีแดงอ่อนสวยงามและสง่างาม
นางเจ้ายังคงไม่กล้ามองนางอัน เนื่องจากความกลัวและความด้อยกว่าหลายปี แม้ว่านางจะไม่พอใจกับนางอันที่เลี้ยงดูลูกชายของนางก็ตาม
นางจ้าวก้มหน้าและพึมพำ “ขอบใจ นายหญิงอัน ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก ข้าอยากรู้เกี่ยวกับลูกชายของข้าที่….”
นางเจ้ายังพูดไม่ทันจบประโยค นางอันก็พูดอย่างมีชัยว่า “เจ้ารู้ไหมเหวินม่อค่อนข้างน่ารักและสนิทสนมกับข้า เขาหวังว่าจะได้นอนด้วยกันกับข้าในตอนกลางคืน” ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้และหยุดลง
“บางทีเจ้าอาจไม่รู้ว่านายท่านให้ชื่อกับนายน้อยว่า ซูเหวินม่อ”
นางอันกำลังโกรธนางจ้าวโดยเจตนา แม้แต่ชื่อของลูกชายของนางต้องให้ผู้อื่นเป็นคนบอก ดังนั้นนางจ้าวจึงปวดใจ
นางจ้าวตาแดงก่ำ
“น้องชายของข้าอายุเพียงไม่กี่วันและเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากกินและนอน แต่ข้าก็รู้สึกขอบคุณที่ท่านกรุณาดูแลเขาอย่างตั้งใจ”
นางอันสะอึกและมองไปที่ซูมู่เก๋อ นางรู้สึกว่าซูมู่เก๋อเปลี่ยนไปมาก ในอดีตซูมู่เก๋อไม่มีความกล้าหาญและไม่มีปัญญาจะพูดประโยคดังกล่าวแน่
แต่มันไม่สำคัญ……
นางอันหยุดยิ้มและขมวดคิ้ว “ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า พี่สาว ในวันที่เจ้าต่อสู้กับความลำบาก ชาวบ้านจากหมู่บ้านจ้าว เมืองหนานเจิงชื่อจวนซีส่งข่าวว่ามารดาของเจ้าป่วยหนักและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น นางจึงกระตือรือร้นที่จะได้พบกับเจ้าและมู่เก๋อ บังเอิญว่าเจ้าเพิ่งให้กำเนิดเหวินม่อและไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านมีงานราชการที่ต้องจัดการและเขาไม่มีเวลาที่จะไปไหนได้”
นางจ้าวรู้จักจวนซีและนางมักจะขอให้สามีของจวนซีนำสิ่งของไปให้มารดาของนาง
เมื่อนางจ้าวได้ยินเช่นนั้น นางก็กังวล นางจึงเปิดผ้าห่มขึ้นและตั้งใจจะลูกขึ้น
ซูมู่เก๋อหยุดนางอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ ท่านอยู่ในช่วงของการกักตัวหลังคลอด ท่านจึงไปไหนไม่ได้”
“แต่ มู่มู่ ท่านยายของเจ้าอยากที่จะเจอแม่มาก แม่ต้องกลับไป”
ในขณะนั้น นางอันเสริมอย่างไม่แยแสว่า “ข้าได้ยินจากนายท่านว่ามารดาของเจ้ารักเจ้ามากที่สุดตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเกิด….”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น นางจ้าวยิ่งเศร้ามากขึ้นและตาแดงก่ำ
“มู่มู่ อย่าหยุดแม่ แม่ต้องกลับไป”
นางจ้าวโง่มาก มู่เก๋อต้องการทำให้นางมีสติ เพราะรู้ว่านางอันมีเจตนาไม่ดี
ถ้านางจ้าวกลับไปที่หมู่บ้านนั้น นางจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยได้ไหม?
“ตอนนี้ ท่านไม่ได้อยู่ในสภาพดี ท่านจึงไม่สามารถเดินทางไกลได้ ถ้ามู่เก๋อกลับไปพบมาดาของเจ้า มันจะแสดงถึงความกตัญญูของเจ้าด้วย” นางอันกล่าว
นางจ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่ายหน้า
ซูมู่เก๋อเป็นผู้หญิงที่จะแต่งงาน มันสมควรหรือไม่ที่จะปล่อยให้นางไปไกลๆคนเดียว? นางจ้าวสับสน แต่นางยังคงมีสติเมื่อมีบางอย่างเกี่ยวกับลูกสาวของนาง
“เจ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของมู่เก๋อใช่หรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะขอให้นายท่านจัดให้มีคนคุ้มกันเพิ่มขึ้นเพื่อติดตามนาง ข้าคิดว่าป้าจางจะมีความสุขมากที่ได้เห็นมู่เก๋อ บางทีนางอาจจะฟื้นฟูสุขภาพของนางได้” นางอันกล่าว
“แต่มู่เก๋อ….” นางจ้าวพูดขัด
“ตอนนี้เจ้าได้เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้แล้วนะ ข้าจะเตรียมทุกสิ่งให้” นางอันไม่ไห้เวลานางจ้าวในการโต้กลับ ที่จริงนางแค่มาแจ้งการตัดสินใจ แต่ไม่ปรึกษากับพวกเขา
“มู่มู่ ท่านยายของเจ้า…” นางเจ้ากังวลเกี่ยวกับมู่เก๋อ แต่นางจางก็เป็นมารดาของนาง
ซูมู่เก๋อรู้ดีว่าถ้านางไม่ไป นางอันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทรมานนางจ้าว นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งเยวร์รู่และเหมยฮัวไป
“ท่านแม่ ข้าจะไปเอง”