มีเพียงเมิ่งฉางเต๋อและฮูหยินของเขา นายหญิงอาวุโสเมิ่งในลานอายุมั่นขวัญยืนเมื่อซูมู่เกอเดินเข้ามา
ระหว่างทางนางได้รับแจ้งจากเม่งเถียนเถียนว่าพ่อของนางออกไปที่เมืองหย่าเหมินเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนนี้แล้ว ด้วยตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เขาไม่สามารถหย่อนยานในการทำงานได้ง่ายๆ
“ท่านขุนนางเมิ่งและท่านนายหญิงอาวุโสเมิ่ง ข้าขอคาราวะ”
“คุณหนูใหญ่ซูไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไป” รอยยิ้มของเมิ่งฉางเต๋อนั่นอ่อนโยน และใบหน้าของผู้อาวุโสเมิ่งก็แสดงความอ่อนโยน
“เมื่อคืนเจ้านอนหลับสบายในคฤหาสน์เมิ่งหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ หลับสบายดี นายหญิงผู้อาวุโสเมิ่ง ขอบคุณสำหรับคำถามเจ้าค่ะ”
มาม่าเปิดม่านและเดินออกมาจากห้องหลักในขณะที่พวกเขากำลังทักทายกัน
“ท่านขุนนางเมิ่ง นายหญิงอาวุโสเมิ่ง นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งตื่นแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งฉางเต๋อลุกขึ้นยืน “คุณหนูใหญ่ซู โปรดมากับข้าและไปดูท่านแม่ของข้าด้วย”
ซูมู่เกอพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง หญิงชราเมิ่งกำลังนั่งพร้อมความช่วยเหลืออย่างระมัดระวังของมาม่า
แม้ว่าใบหน้าของนางจะยังซีดและเทาอยู่บ้าง แต่หญิงชราเมิ่งก็มีจิตใจปรอดโปร่งขึ้น
“ท่านแม่ ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือไม่?” เมื่อคืนนี้หลังจากกินยาไม่นานแม่เฒ่าเมิ่งหลับสนิท
นางมองไปที่ซูมู่เกอและพยักหน้า “ดีขึ้นมาก”
ซูมู่เกอเดินเข้าไปหานาง “ข้าขออนุญาตตรวจชีพจรของท่านเจ้าค่ะ”
“ได้สิ”
นายหญิงเมิ่งเอื้อมมือออกมาจากผ้าห่มและซูมู่เกอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียง ตรวจจับชีพจรของหญิงชราอย่างระมัดระวัง
ครู่ต่อมาซูมู่เกอขมวดคิ้วทั้งสองข้างของนางแทบจะชนกัน
เมิ่งฉางเต๋อที่ผ่อนคลายจิตใจก่อนหน้านี้ขมวดคิ้วตามนาง แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ซูมู่เกอวางมือลง ก่อนที่เมิ่งฉางเต่อจะเปิดปากถาม หญิงชราถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? ข้ากำลังจะตายหรือ?”
นางพูดคำเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายโดยไม่มีทีท่าตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว มีคนตายอยู่เสมอ มันน่าเสียดายที่จะตายตอนนี้แต่นางก็ยอมรับมันได้
“ท่านแม่!” ใบหน้าของเมิ่งฉางเต๋อบิดเบี้ยว
“ท่านย่าของข้าเป็นอย่างไร? บอกเรามาเถอะ!” เมิ่งซูซูใช้ความเงียบนี้เป็นสัญญาณว่าซูมู่เกอต้องการให้ทุกคนคาดเดาอย่างจงใจ
ซูมู่เกอก้มนา ไม่ได้พูดชั่วขณะ ในที่สุดนางก็พูดว่า “สภาพร่างกายของนายหญิงเมิ่งค่อนข้างซับซ้อน”
นายหญิงอาวุโสเมิ่งตกอยู่ในความกังวล “รักษาให้หายได้ไหม?”
ซูมู่เกอขมวดคิ้วหนักขึ้น
“คุณหนูใหญ่ซู ถ้าท่านมีปัญหาหนักใจใด มันไม่เป็นไร แต่โปรดแจ้งให้เราทราบ” หลังจากหลายปีในการรับราชการ ในไม่ช้าเมิ่งฉางเต๋อก็เข้าใจว่ามีบางอย่างที่ไม่สะดวกสำหรับ ซูมู่เกอที่จะพูดออกมา
“อาการเจ็บป่วยของนายหญิงเมิ่งสามารถรักษาให้หายได้ หากโรคเรื้อรังและโรคดื้อได้รับการรักษาในเวลาที่เหมาะสม มันอาจไม่สามารถรักษาได้ มันขึ้นกับเรื่องของเวลา”
เมิ่งฉางเต๋อสับสนเล็กน้อย ในขณะที่นายหญิงอาวุโสเมิ่งและหญิงชราเมิ่งรู้ได้ทันทีว่าซูมู่เกอพูดถึงอะไร
ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานเช่นซูมู่เกอ ถ้านางไปคฤหาสน์เมิ่งบ่อยเกินไป อาจมีข่าวลือที่อาจทำลายชื่อเสียงของนาง เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจะสามารถหาครอบครัวที่สืบเชื้อสายมาเพื่อแต่งงานได้อย่างไร?
ด้วยการสบตาโดยปริยาย ทั้งนายหญิงอาวุโสและนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งต่างรู้เหตุผลเบื้องหลังความลังเลของนาง
หากชื่อเสียงของซูมู่เกอถูกทำลายลง ตระกูลเมิ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลย เนื่องจากนางเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถให้ลูกชายของพวกนางแต่งงานกับลูกนางสนมที่ไร้ชื่อเสียงและห่างไกล……
ซูมู่เกอกำลังคิดหนังกับการบำบัดหลังจากนี้ที่ต้องอยู่ที่นี่ นางไม่ต้องการเชื่อมต่อกับครอบครัวเมิ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่ตราบเท่าที่นางสามารถได้รับอิสรภาพในการเข้าออกคฤหาสน์ซู นางไม่มีข้อติเตียนใด เพียงแค่นางไม่ได้คาดหวังว่าแม่และลูกสะใภ้จะถูกพิจารณามากขนาดนี้
เมิ่งฉางเต๋อไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครพูดอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะถามมากกว่านี้ก็ไม่เหมาะ เขาจึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ซู ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่สะดวก เราสามารถจัดคนไปที่คฤหาสน์ซูเพื่อรับเจ้าทุกวันได้”
นายหญิงอาวุโสเมิ่งขยับริมฝีปากเมื่อนางได้ยินเมิ่งฉางเต๋อพูดเช่นนั้น แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร ถ้านางห้ามไม่ให้ซูมู่เกอมาที่คฤหาสน์เมิ่งในตอนนี้ สามีของนางคงคิดว่านางไม่ต้องการให้แม่สามีของนางหายขาด!
หญิงชราเมิ่งมองไปที่ซูมู่เกออย่างลึกซึ้ง “ข้างวางใจให้เจ้ารักษาร่างกายชราของข้า!”
ซูมู่เกอพยักหน้าเบาๆ “ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
หลังจากรักษาด้วยการฝังเข็มอีกครั้ง ซูมู่เกอออกจากห้องอายุมั่นขวัญยืน
นางปฏิเสธคำเชิญร่วมรับประกชทานอาหารกลางวันของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งโดยบอกว่านางคิดถึงแม่และน้องชายของนาง
เมิ่งฉางเต๋อบอกว่านางต้องมาที่คฤหาสน์เมิ่งทุกวันตลอดทั้งเดือนนี้ เพราะแม่เฒ่าเมิ่งต้องการการรักษาทุกวัน
นางทิ้งสิ่งอื่น ๆ ไว้ข้างหลังให้เมิ่งฉางเต่อซึ่งกำลังจะคุยกับซูหลุน พ่อของนางเกี่ยวกับการเตรียมการ และนางเชื่อว่าซูหลุนจะมีความสุขมากที่ได้พบกับเมิ่งฉางเต๋อ
…………………….
ในเมืองห่างจากเมืองชุนหยางเพียงไม่กี่ไมล์ มีเงาสีดำสองสามเงาพุ่งเข้ามาในบ้านที่ต่ำต้อย
ไม่มีใครอยู่ในสนาม อากาศรอบ ๆ ก็จมลงเมื่อเงามืดเข้าไปข้างใน
ซีเยว่มองไปรอบ ๆ “นั่นคือพวกเรา”
ไม่นาน อากาศก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
หว่เยว่ช่วยหลิวเยว่เดินเข้าไปในห้องที่ส่วนกลางสุด
มันค่อนข้างสลัวและอาจทำให้คนรู้สึกอึดอัดเมื่อเข้ามาครั้งแรก
“ท่านขุนนาง หลิวเยว่กลับมาแล้ว”
เซี่ยโฮวโม่กำลังอ่านข้อมูลในมือของเขาจากสายลับเมื่อพวกเขาเข้ามา เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองพวกเขา
เพียงแค่มองเพียงครั้งเดียวทั้งสามคนก็อยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกหายใจลำบาก
“ข้าขออภัยที่เรื่องสายลับคนนั้นข้าไร้ความสามารถและได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าไม่ควรปล่อยเขาหลบหนีไป!”
“ออกไปและรับการลงโทษของเจ้าซะ” น้ำเสียงของเซี่ยโฮวโม่เป็นปกติโดยไม่มีความสุขหรือความโกรธ อย่างไรก็ตามหลิวเยว่และผู้ที่รับใช้เขามานานหลายปีรู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณแห่งความโกรธ!
“ขอรับ”
ทั้งสามคนกำลังจะจากไป
“เดี๋ยว”
ทั้งสามตัวแข็งทื่อขึ้นทันที
“นายท่าน ท่านจะสั่งการใด?”
ดวงตาสีเข้มของเซี่ยโฮวโม่ถูกพุ่งเจาะจงไปที่หลิวเยว่
“เจ้าบอกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเขา?”
“ขอรับ ข้าถูกเขายิ่งด้วยลูกศรเข้าที่ช่องท้องในระหว่างที่ข้าหมดสติไปชั่วขณะ….ถ้าไม่ใช่หญิงอัศจรรย์ – หมอรักษา ข้าอาจจะ….”
เซี่ยโฮวโม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แพทย์หญิงที่ทำการรักษาอย่างอัศจรรย์?”
หลิวเยว่พยักหน้า เขายังจำมันได้อย่างชัดเจนว่าเขาหายใจด้วยความเจ็บปวดและเกือบจะตายก่อนการรักษาของหมอหญิงคนนั้น แต่แล้วนอกจากความอ่อนแอที่เขารู้สึกได้ บาดแผลของเขาก็เกือบจะหายแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะพบหมอด้วยตัวเอง เขาไม่เคยเชื่อเลยว่านอกจากหมอกุ่ยจะมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
เมื่อมองลงไปเล็กน้อย ร่างเพรียวบางก็ฉายแววในความคิดของเซี่ยโอวโม่
“ตอนนี้เจ้าออกไปได้”
“ขอรับ”
ตงหลินเดินเข้ามาเพื่อพวกเขาออกไปแล้ว
“นายท่าน มันเหมือนว่าจะมีการกระทำที่ผิดปกติจากคนป่าเถื่อนของพวกตะวันตกเหล่านั้น ข้าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงฮวาเจิ้งเกี่ยวข้องกับพวกเขา”
เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เซี่ยโฮวโม่ส่งองค์หญิงฮวาเจิ้งไปยังเมืองหลวงพวกทางตะวันตกก็พร้อมที่จะสร้างปัญหา ดังนั้นจักรพรรดิจึงขอให้เขากลับไปที่ชายแดนเพื่อปกป้องเมือง
“อืม ฝนตกมากี่วันแล้ว?”
ตงหลินไม่เร็วพอที่จะตอบสนองต่อคำถามนี้ และเขาหยุดชะงัก นายท่านขอเขากำลังเปลี่ยนหัวข้าสนทนาอย่างรวดเร็ว!
“มันเป็นเวลาสามวันเต็มแล้วขอรับ”
เซี่ยโฮวโม่เคาะนิ้วกับโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ กระดูกข้อต่อของนิ้วเขาชัดเจนพอกับไม้ไผ่
“เร็วๆนี้”
ตงหลินมองอย่างงงงวย เร็วๆนี้? นายท่านหมายถึงเรื่องอะไร?
ก่อนที่ตงหลินจะเอ่ยปากถาม ประตูก็เปิดออกด้วยแรงผลัก ทันใดนั้นร่างที่เต็มไปด้วยความโกรธก็วิ่งถลาเข้ามาในห้อง
“เซี่ยโฮวโม่! ไอ้บ้า! ความเป็นชายของเจ้าผิดปกติ? หัวของมันถูกลาเหยียบไปแล้วหรือ? ข้าอยู่ในอ่างอาบน้ำมีโฟมเต็มตัวแล้วพวกเขาก็ลากข้าออกไป! ข้าต้องการหน้าข้ากลับคืนมา!” เสียงด่าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ตงหลินเงยหน้าขึ้นและเห็นชายคนหนึ่งที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิง ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมครึ่งตัวโปร่งใส ซึ่งเกือบจะถือได้ว่าโล่งโจ้งเลยแหละหากมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย …
เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายคนนั้น
“พาเขาออกไปและแต่งตัวให้เขา”
ชายคนนั้นแทบจะกระโดดย่ำเท้าอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ยิน
“ดี เจ้ารักความสะอาดและเจ้าไม่สามารถทนมองข้าแบบนี้ได้ เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นว่าใครทำให้ข้าเป็นแบบนี้! เจ้ากล้าไม่ชอบได้อย่างไรและหลีกเลี่ยงข้าแบบนี้ได้ยังไง!”
กุยหม่ากำลังจะเสียสติ!
เขากำลังอาบน้ำในโรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองชุนหยาง เมื่อจู่ๆก็มีคนจำนวนมากบุกเข้ามา และอุ้มเขาขึ้นไปบนถนนโดยไม่พูดอะไร เขาแทบจะขย้อนอาหารออกจากกระเพาะตั้งแต่เมื่อคืนเพราะการกระแทก!
แต่เมื่อเขามาถึงตำแหน่งของตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังฉากนั้น เขาก็ถูกตำหนิว่าสกปรกและไม่เป็นระเบียบ!
มีบางอย่างแกว่งไปมาภายใต้เสื้อคลุมสีขาวของชายคนนั้นและเซี่ยโฮวโม่ไม่สามารถยืนมองมันได้อีกต่อไป
“พาเขาออกไป!”
“หมอกุย ได้โปรดมากับข้าแล้วเราจะแต่งตัวให้ท่าน…”
ดูเหมือนว่าการสบถไม่เพียงพอสำหรับกุยหม่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นดวงตาของเซี่ยโฮวโม่ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เขาตะคอก โบกแขนเสื้อและจากไป
“ข้าอยากอาบน้ำร้อน และโรยด้วยกลีบดอกลิลลี่! กลีบดอกลิลลี่ทั้งตะกร้า! สบู่หอมด้วย!”
เซี่ยโฮวโม่ชอบความสะอาดและเขาไม่ชอบกลิ่นใด ๆ ? เยี่ยม! ตอนนี้เขาคงมีกลิ่นหอมมากพอแล้ว!
……………………
ซูมู่เกอถูหว่างคิ้วของนางอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางเห็นคนที่ขวางทาง
“ซูมู่เกอ บอกข้ามา เจ้าเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ซูจิงเหวินจ้องมองซูมู่เกอด้วยความอิจฉาราวกับว่านางกำลังจะฉีกซูมู่เกอออกเป็นชิ้นๆ
“แน่นอน มันเป็น….มันเป็นช่วงเวลาที่เจ้าไม่มีทางรู้”
“เจ้า! อย่าคิดว่าพี่เมิ่งจะชอบเจ้า! ผู้หญิงชั้นต่ำเช่นเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนางบำเรอเขาได้!”
“อืม เจ้าหมายความว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนางบำเรอของนายท่านเมิ่งเหรอ?” ซูมู่เกอยิ้มเยาะ
“เจ้า!” ซูจิงเหวินหน้าอกกระเพื่อมจากการหายใจแรงๆด้วยความโกรธ
“นังเลว ถ้าเจ้ากล้าเอาชนะความเสน่หาจากพี่เมิ่งของข้า….ข้าจะแก้แค้นเจ้ากลับอย่างสาสมแน่!”
ประโยคสุดท้ายฟังดูเหมือนสงครามได้เกิดขึ้นแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซูมู่เกอขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่านางจะไม่สามารถนึกถึงวิธีการที่ยอดเยี่ยมของซูจิงเหวินได้ แม่และน้องชายของนางยังไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อสู้ไปพร้อมกับนางได้
ความคิดดังกล่าวทำให้เกิดความโกรธและความเกลียดชังกับซูมู่เกอ นางเลิกคิ้วและจ้องมองซูจิงเหวินอย่างเยือกเย็น จ้องนิ่ง
“ซูจิงเหวิน เจ้าอย่าทำให้ตัวเองเสียใจจะดีกว่า ข้าสามารถช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งได้ และข้าสามารถทำให้คนตายอย่างเงียบ ๆ ได้ด้วย!”
“ยังไง เจ้ากล้า!”
“ทำไมข้าจะไม่กล้า? ทำไมไม่ลองมันดูล่ะ?”
ซูมู่เกอไม่สนใจนางและมุ่งหน้าไปที่ลานดอกท้อบาน
ดูร่างของซูมู่เกอที่หายไปที่ประตูโค้ง ซูจิงเหวินเซและเกือบล้มลง สาวใช้จับนางได้ทันเวลา
“คุณหนูสอง ท่านสบายดีไหม?”
หงายฝ่ามือขึ้น ซูจิงเหวินพบว่าฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น นาง…กลัวซูมู่เกอจนเหงื่อแตก!
เมื่อซูมู่เกอเข้าไปในลานดอกท้อบาน นางเห็นหลีหม่ายืนอยู่นอกประตู ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา
หลีหม่าเห็นซูมู่เกอเช่นกัน นางเดินมาข้างหน้าและโค้งคำนับด้วยความสุภาพ “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว”
“ใช่” นางอันและนางจ้าวนั่งอยู่ในห้องเมื่อซูมู่เกอเข้ามาและพวกเขาก็กำลังยิ้มแย้ม!