ซูหลุนมองไปที่ซูมู่เกอ ที่แสดงท่าทางให้เขาเงียบไว้
“เจ้าเป็นใคร?” ซูมู่เกอกดเสียงให้ต่ำลงและถาม
“ใต้เท้าซู ข้าเองเจ้าค่ะ” ยายฟางตอบมา
“ยายฟาง เจ้าทีอะไรรึ?”
“เอ่อ ใต้เท้า ท่านไม่ได้ทานอาหารเช้าและข้ากลัวว่าท่านจะหิว ข้าจึงนำอาหารมาให้เจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ท่านยาย ขอบคุณ ข้ากินอาหารมาจากข้างนอกแล้ว ตอนนี้ข้ายังไม่หิว ท่านกลับไปทำงานท่านเถอะ”
“เจ้าค่ะ ข้ากลับก่อน ถ้าท่านหิว โปรดแจ้งข้าด้วย ข้าจะนำมาให้ท่าน”
“ได้ท่านยาย ขอบคุณ”
เสียงฝีเท้าของยายฟางดังห่างออกไป
ซูมู่เกอเดินกลับไปที่เก้าอี้เพื่อนั่งลงและมองไปที่ซูหลุนซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
“ท่านพ่อ ท่านจะเชื่อมันหรือไม่ มาถึงจุดนี้แล้ว เราควรมาคิดหาวิธีแก้ปัญหาต่อไปข้างหน้ากันดีกว่า”
แน่นอน ซูหลุนรู้ว่าอะไรสำคัญกว่า และซูมู่เกอพูดถูกในสิ่งนี้
ถ้านางไม่ได้ปลอมตัวเป็นเขา การหายตัวไปอย่างกะทนหันของเขาย่อมถูกเอามาเป็นข้อได้เปรียบของผู้ไม่หวังดี ตอนนี้ตระกูลซูทั้งหมดอาจถูกลงทัณฑ์ไปแล้ว
แต่สำหรับพฤติกรรมที่อาจหาญของซูมู่เกอ ซูหลุนยังคงคิดว่ามันไม่น่าเชื่อ
“ข้าจะบอกให้ใครสักคนส่งเจ้ากลับไปที่เมืองชุนหยาง เก็บไว้เป็นความลับจนกว่าเจ้าจะตาย”
“ไม่ ยังไม่ได้” ซูมู่เกอปฏิเสธเขาโดยไม่คิด
ความโกรธที่ซูหลุนเพิ่งระงับไว้กลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดว่ากำลังเล่นเกมอยู่หรือ? เมื่อไหร่เจ้าจะหยุด!”
ซูมู่เกอยิ้มเยาะจากใจของนาง นางถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตของคนทั้งตระกูลซู แม้ว่าจะไม่ใช่จุดเริ่มที่นางทำ แต่ซูหลุนกลับตำหนินางโดยบอกว่านางแค่พูดเล่น
คิดถึงสิ่งนี้ ซูมู่เกอแสดงสีหน้าเย็นชาต่อซูหลุน
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าข้าทำเล่นๆหรือ? อาจมีโรคระบาดในเขตและข้าเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ แน่ใจหรือว่าต้องการให้ข้ากลับไปตอนนี้?”
“โรคระบาด!” รูม่านตาของซูหลุนขยายออกด้วยความประหลาดใจ
“ท่านพ่อ ผ่านคลาย ข้ากำลังพูดถึงความเป็นไปได้”
“คนไข้เหล่านั้นอยู่ที่ไหนจงพาพวกเขาออกจากเขตโจวทันที พวกเขาต้องไม่อยู่ที่นี่” เขาไม่สนใจชีวิตของผู้ป่วยเลย
“ตอนนี้องค์ชายสองและใต้เท้าเซี่ยกำลังเฝ้าดูอยู่”
“ใต้เท้าเซี่ย?” ในช่วงที่เขาเข้าสู่เขตหย่าเหมินเขาถูกเรียกตัวจากผู้บังคับบัญชาของเขา องค์ชายสอง องค์ชายสองกล่าวถึงราชาแห่งจินในคำพูดของพวกเขาหลายครั้ง เขาไม่คาดคิดว่าราชาแห่งจินจะปรากฏตัวในเขตโจว ราชาแห่งจินคนนี้น่าจะคือใต้เท้าเซี่ยที่ซูมู่เกอพูดถึง
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? และเจ้ามีความสามารถแค่ไหนที่จะรักษาผู้ป่วยเหล่านั้นได้?”
“ข้ากำลังพยายาม”
“นานแค่ไหน ใช้เวลานานแค่ไหนที่เจ้าจะรักษาคนเหล่านั้นได้?”
ซูมู่เกอไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นไปเปิดชุดเครื่องมือแพทย์และหยิบขวดกระเบื้องออกมา เมื่อวานนางแช่หนอนไว้บางส่วน
ซูมู่เกอคาดว่าจะได้เห็นหนอนที่ตายแล้ว แต่หนอนที่แช่อยู่ในยายังมีชีวิตอยู่!
ซูมู่เกอมองไปที่ขวดกระเบื้อง ตกใจและพูดไม่ออก
“ด้วยยาเดียวกัน ปริมาณหนอนเท่ากัน และในเวลาเหมือนกัน หนอนพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่”
เกิดอะไรขึ้น…..
มีอะไรผิดพลาดหรือ?
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน ถ้าเจ้าไม่สามารถรักษาคนเหล่านี้ให้หายภายในสามวัน เจ้าจะต้องกลับเมืองชุนหยางทันที” หลังจากซูหลุนพูดจบ เขาหงุดหงิดเมื่อพบว่าซูมู่เกอไม่ได้ฟังเขาเลย
“เจ้าได้ยินข้าไหม?”
“ตกลง!”
ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นทันใด หากมีความแตกต่าง มันเป็นเลือดที่นางตั้งใจหลอกเซี่ยโฮวโม่เมื่อวันก่อนให้หยดลงในขวดกระเบื้องที่มีหนอน
เป็นเพราะเลือดของเขาหรือเปล่า?
“ดี ข้าสัญญากับท่าน แต่ถึงตอนนั้น ‘ใต้เท้าซู’ ก็เป็นเพียงแค่ข้า” ซูมู่เกอวางฝาขวดและมองไปที่ซูหลุน
ซูหลุนกำลับจะหักล้าง แต่เนื่องจากไม่มีใครเคยเห็นการปลอมตัวของนางในวันนี้ เขาโล่งใจเล็กน้อย
เขามองไปที่ซูมู่เกอและต้องยอมรับว่าการปลอมแปลงใบหน้าของนางนั้นคล้ายกับของเขาจริงๆ อย่างไรก็ตามนางมีความสูงน้อยกว่าเขา ซึ่งสามารถรับรู้ได้โดยคนใกล้ชิดเขาเท่านั้น
“ตกลง แต่เจ้าควรป้องกันไม่ให้ตระกูลซูมีปัญหา ไม่เช่นนั้น….”
“ท่านพ่อ ข้าหวงแหนชีวิตของข้ามากกว่าท่าน” ซูมู่เกอขัดจังหวะซูหลุน สิ่งที่นางต้องการตอนนี้คือไม่หาเซี่ยโฮวโม่ให้เร็วที่สุดและพิสูจน์การคาดเดาของนาง
“ข้าจะอยู่ในโรงแรมที่ถนนด้านหลังเขตหย่าเหมิน อีกสามวันข้างหน้า ไปหาข้าที่นั่นถ้าจำเป็น”
“ไม่มีปัญหา ท่านพ่อ ท่านควรระวังและอย่าให้ใครเห็นหน้าท่าน”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูหลุนเปิดประตูและตรวจดูว่ามีใครอยู่หรือไม่ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากประตูทางด้านหลังเขตหย่าเหมิน
หลังจากที่ซูหลุนจากไปแล้วซูมู่เกอก็ไปที่ห้องของเซี่ยโฮวโม่พร้อมกับขวดกระเบื้องในมือนาง “ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดกับใต้เท้าเซี่ย” นางพูดกับผู้คุ้มกันที่หยุดนางอยู่นอกประตู
“ปล่อยเขาเข้ามา”
ช่วงเวลาที่ซูมู่เกอพูดจบ มีเสียงของเซี่ยโฮวโม่ดังออกมา
เธอเดินเข้ามาและเห็นเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะในชุดคลุมสีเข้มที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
“ใต้เท้าเซี่ย ข้ามีการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ข้าคงรู้วิธีฆ่าหนอนพวกนั้นแล้ว”
คิ้วของเซี่ยโฮวโม่เลิกขึ้นเล็กน้อย “โอ้?”
“ อย่างไรก็ตาม ข้าต้องการให้ท่านเสียสละ”
ก่อนที่เซี่ยโฮวโม่จะตอบว่ารับ ซูมู่เกอไม่รอช้าที่จะจับมือใหญ่ของเขา ชูนิ้วขึ้นและแทงด้วยเข็มเงิน
เซี่ยโฮวโม่รู้สึกเสียวจิ๊ดเล็กน้อยจากปลายนิ้วของเขา และเลือดของเขาก็ถูกบีบลงในขวดกระเบื้องโดยซูมู่เกอแล้ว
ริมฝีปากของเซี่ยโฮวโม่กระตุก “เลือดของข้าใช้เป็นยาได้จริงหรือ?”
ซูมู่เกอเทหนอนลงในขวดกระเบื้อง และหยดเลือดละลายลงในยาด้วยความเร็วที่รวดเร็วและมองไม่แทบไม่ทัน ในไม่ช้าสีของหนอนที่ดิ้นอยู่ในยาก็เปลี่ยนไป และตายลงในไม่ช้า!
“เยี่ยม มันทำ…” ซูมู่เกอมองไปที่นิ้วที่มีเลือดออกของเซี่ยโฮวโม่อย่างตะกละตะกลามเหมือนหมาป่าเห็นเนื้อ
เซี่ยโฮวโม่ยังยืดตัวตรงนั่งบนเก้าอี้และมองไปที่จานกระเบื้อง
“ข้าคิดว่าหนอนพวกนี้ถูกวางยาพิษจากยา แต่ต่อมาข้าได้ทำการทดลองอีกครั้งและพบว่าพวกมันจะไม่ถูกฆ่าหากเพียงแค่แช่ในน้ำยานั้น ใต้เท้าเซี่ย ท่านจำได้ไหมว่าข้าเคยหยดเลือดของท่านลงไปในขวดลายครามตอนที่นั่งในรถม้าก่อนหน้านี้”
เซี่ยโฮวโม่ลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
แน่นอน ซูมู่เกอจะไม่บอกเขาว่าตอนนั้นนางตั้งใจ!
“อืม”
“รอก่อนนะ ใต้เท้าเซี่ย” ซูมู่เกอกล่าวจบจากนั้นนางก็หันหลังวิ่งไปที่ห้องของนาง นางได้แบ่งหนอนจากปอดของเด็กออกเป็นหลายๆส่วน เพื่อเก็บไว้ใช้ในการทดลอง
นางเอาหนอนอีกสองส่วนกลับมาที่ห้องของเซี่ยโฮวโม่
“ใต้เท้าเซี่ย ลองดูอีกครั้ง”
เซี่ยโฮวโม่ไม่รังเกียจ เขาแทงนิ้วอีกครั้งด้วยเข็มเงินและหยดเลือดลงในขวดกระเบื้องที่มีหนอนอยู่
เลือดสีแดงหยดลงบนหนอนสีขาวและเพียงครู่เดียว หนอนที่มีชีวิตชีวาก็เหี่ยวเฉาและตายไป
“ใต้เท้าเซี่ย ข้าขอขอบคุณท่านในนามชาวเมืองโจว”
ดวงตาของเซี่ยโฮวโม่มืดลงเมื่อเขาเห็นซูมู่เกอพยายามกลั้นริมฝีปากที่กำลังอยากจะยิ้มกว้างของนาง
นางเอาเลือดจากเขาไปศึกษาในภายหลัง ตั้งใจว่าจะพยายามทำยาให้ดีที่สุดภายในสามวัน
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่นิ้วของเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทำไมเลือดของเขาถึงฆ่าหนอนพวกนั้นได้? เป็นเพราะเขาถูกวางยาพิษโดยพิษเลือดแดงหรือไม่? และหนอนพวกนั้นถูกฆ่าด้วยเลือดอาบยาพิษ?
“ใต้เท้า โจวฉิ่วและกองทหารที่เขานำไปกลับมาแล้วขอรับ” ตงหลินเดินเข้าไปในห้องและกระซิบ
เซี่ยโฮวโม่ยับยั้งความคิดของเขา “ให้พวกเขาเข้ามา”
โจวฉิ่วและโจวเหว่ยเดินเข้ามาในห้อง
“ใต้เท้า”
“ว่ามา”
โจวฉิ่วมองไปที่โจวเหว่ยและพูดรายงาน “ใต้เท้า เราเดินไปตามถ้ำเมื่อวานนี้และพบรอยเท้ามากมายเต็มไปหมดในนั้น และอุโมงค์นำเราออกไปสู่เชิงเขา!”
มีการกระตุกเล็กน้อยระหว่างคิ้วของเซี่ยโฮวโม่
“เราสำรวจรอบๆเชิงเขาสักพักก่อนที่เราจะพบว่ามีภูเขาอีกสองลูกจากทางออก มันเป็นชายแดนของแคว้นฉู่ขอรับ” โจวเหว่ยกล่าว
“การขุดอุโมงค์แบบนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน?” เซี่ยโฮวโม่ถามเขาช้าๆ
“มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการขุดอุโมงค์ดังกล่าวขอรับ”
เซี่ยโฮวโม่ใช้นิ้วเคาะเก้าอี้เบา ๆ “พวกเขากำลังจะทำงานร่วมกัน ร่วมมือจากภายในกับอีกฝ่ายจากภายนอก แต่พวกคนตะวันตกเหล่านั้นทำงานกับใคร?”
“ใต้เท้า ท่านหมายความว่าบางคนในแคว้นฉู่สมรู้ร่วมคิดกับคนตะวันตกหรือไม่ขอรับ?” ตงหลินกัดฟันและพูดอย่างโกรธ ๆ นายท่านของพวกเขาหยุดคนตะวันตกเหล่านั้นด้วยเลือดของเขาในสนามรบ แต่มีบางคนในราชสำนักของจักรวรรดิสมรู้ร่วมคิดกับคนตะวันตกเพียงเพื่อเห็นแก่ความต้องการส่วนตัวที่เห็นแก่ตัวของพวกเขา!
“ใต้เท้า เราควรทำอย่างไรต่อไป?”
เซี่ยโฮวโม่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฝนตกปรอยๆ นอกหน้าต่าง เสียงของเขาฟังดูห่างไกล “ส่งคนไปจับตาดูมันอย่างลับๆ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ”
“ขอรับ”
“ใต้เท้า มีอีกเรื่อง….” ตงหลินเดินไปหาเซี่ยโฮวโม่และกระซิบกับเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาสีดำของเซี่ยโฮวโม่ก็เหลือบมองเล็กน้อย
…………………….
หลังจากที่ซูมู่เกอมั่นใจว่าหนอนสามารถฆ่าได้ด้วยเลือดของเซี่ยโฮวโม่ นางทำยาในตอนกลางคืนและไปที่หอผู้ป่วย ผู้ป่วยจะถูกระงับชั่วคราวในวันรุ่งขึ้น
แม้ว่านางจะหาวิธีฆ่าหนอนพวกนั้นได้แล้ว นางต้องรอบคอบมากขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ช่วงเวลาที่ซูมู่เกอถือชุดยาของนางไปที่ประตูห้องพักผู้ป่วย เสี่ยวหู่วิ่งออกมา
“ใต้เท้าซู ท่านอยู่นี่เอง ตามข้ามาข้างในเถอะขอรับ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้ พวกเขากล่าวว่าควรนำผู้ป่วยที่เป็นโรคระบาดทั้งหมดออกไป”
หัวใจของซูมู่เกอเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง “โรคระบาดอะไรกัน! เรื่องไร้สาระ!”
ซูมู่เกอวิ่งเข้าไปพร้อมกับเสี่ยวหู่และเห็นผู้ป่วยถูกพาออกไปจากห้องพักรักษาโดยกลุ่มคนที่ดูเหมือนทหาร
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร? หยุด!”
พวกเขาทั้หมดหันมาสบตากับซูมู่เกอ
ผู้นำของพวกเขามองไปที่ซูมู่เกอ เริ่มก่อน
“เจ้าเป็นใคร?”
มองผู้ป่วยที่ถูกโยนลงบนพื้นระเกะระกะ ซูมู่เกอหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของนาง “ข้าเป็นเจ้าเมืองชุนหยาง เจ้ากำลังทำอะไร และเจ้าจะพาพวกเขาไปที่ไหน?”
ผู้นำไม่สนใจตัวตนของซูมู่เกอเลย
“คำสั่งนี้ข้าได้รับจากองค์ชายสอง ผู้ที่มีโรคระบาดควรย้ายออกไปจากเขตโจวทันที ผู้ใดฝ่าฝืนต้องตาย”
“โรคระบาด? พวกเขานี่นะ พวกเขามีโรคระบาดอะไร?!”
“ใต้เท้า พวกนี้เป็นผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคระบาด!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้นำพูด คนเหล่านั้นที่ให้บริการทั้งในและนอกหอผู้ป่วยต่างหวาดกลัวและจ้องไปที่ผู้ป่วยที่นอนอยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้
ซูมู่เกอกำหมัดแน่น “เรื่องไร้สาระ โรคนี้ไม่ใช่โรคติดเชื้อ มันไม่ใช่โรคระบาดแต่อย่างใด เจ้าห้ามเอาเขาไปไหน!”
ผู้นำหัวเราะเยาะ “หยุดพล่ามซะ พาพวกเขาออกไป!”
ซูมู่เกอกัดฟันและเดินไปปิดประตูอย่างกล้าหาญ “ใครกล้า?”