ไม่มีใครในห้องนี้คาดคิดว่าซูมู่เกอจะมา และพวกเขาก็ต่างตกตะลึง
นางอันจับมือนางจ้าวราวกับว่าเป็นพี่สาวที่สนิทกันมาก ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
“ทำไมเจ้าไม่รายงานการมาถึงของคุณหนูใหญ่?” นางอันอ้าปากเอ่ยขึ้นก่อน
ซูมู่เกอเดินเข้าไปโค้งคำนับเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเดินเร็วเกินไปและสาวใช้ก็ไม่มีเวลาพอที่จะรายงานได้ โปรดอย่าตำหนิพวกเขา”
นางอันละมือออกจากนางจ้าวและกำลังจะจับมือของซูมู่เกอ แต่ซูมู่เกอหันหลังกลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายกับนางอัน
“นายหญิง วันนี้ท่านมีเวลามาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าค่ะ?”
“อืม ฟังเสียงเจ้าเหมือนกับไม่ยินดีที่จะต้อนรับข้า”
เมื่อพูดเช่นนั้น นางอันก็มองไปที่นางจ้าวด้วยสายตาขุ่นมัวและแข็งกร้าว นางจ้าวเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“มู่มู่ นายหญิงอันมาเยี่ยมแม่และน้องชายของเจ้า”
ซูมู่เกอมองไปที่นางอันอย่างไม่แยแส นางเริ่มสงสัยเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของนางอัน จากที่เมื่อไม่นานมานี้ที่นางเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ
“นายหญิง มันเป็นความเกรงใจท่านอย่างมาก มันก็ค่ำแล้วและข้าเชื่อว่ามีงานและหน้าอื่นๆ ในคฤหาสน์รอให้ท่านจัดการ ข้าไม่กล้าให้ท่านเสียเวลาของท่านต่อแม่ของข้าและน้องชาย”
นางอันยังนั่งนิ่งโดยไม่มีเจตนาที่จะจากไปราวกับว่านางไม่รู้ว่าซูมู่เกอไม่ชอบนาง “อันที่จริงแล้ว ข้ากำลังคุยกับพี่สาวว่าเจ้าจะอายุสิบห้าปีนี้แล้วและเป็นวัยที่ต้องคิดเรื่องแต่งงานของเจ้าได้แล้ว เจ้าเป็นลูกสาวที่เกิดมาแท้จริงของคฤหาสน์ของเรา และเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะเรียนรู้ทักษะการดื่มและอาหาร ข้ากำลังคิดว่าถ้าเจ้ามาที่บ้านของข้าในวันนี้ถ้าเจ้าว่าง และเจ้าสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านั้นร่วมกับน้องสาวของเจ้าได้”
นางจ้าวพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
“มู่มู่ นายหญิงพูดถูก”
ไม่เหมือนเด็กสาวคนอื่นๆในวัยเดียวกัน ไม่มีความเขินอายในสายตาของซูมู่เก๋อ เมื่อพูดถึงการแต่งงานของนาง มีแต่ ความเศร้าโศก แทน
“นายหญิง ขอบคุณท่านมากสำหรับความมีน้ำใจ แต่ข้าต้องรักษานายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งในความเจ็บป่วยของนางในวันนี้และข้ากลัวว่าจะไม่มีเวลา”
“เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ ข้าได้ยินมาจากพ่อของเจ้าว่าแม้แต่หมอของจักรพรรดิก็ไม่สามารถทำอะไรกับอาการป่วยของนางได้ เจ้าได้พบกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนไหนที่สอนทักษะอันโดดเด่นเช่นนี้ให้กับเจ้า?”
เห็นได้ชัดว่านางอันต้องการให้ซูมู่เกอบอกความลับของนาง
ซูมู่เกอยิ้มและมองไปที่นางอัน “ข้าไม่รู้จะตอบคำถามของท่านอย่างไร นายหญิง ท่านก็รู้ว่าข้าเกือบจะตายไปแล้วก่อนหน้านี้ ในฐานะคนที่เคยเห็นราชาแห่งนรกอย่างข้าคงจะรู้อะไรมากกว่าคนอื่น ๆ ถูกหรือไม่?”
สีหน้าของนางอันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมือของนางที่ถือผ้าเช็ดหน้าก็กำแน่นขึ้นและเกร็งขึ้น นางหายใจเข้าลึก ๆ และยืนขึ้น
“เจ้าพูดถูกแล้ว มันค่ำมืดมากแล้วและข้าไม่ควรรบกวนพี่สาวของข้า ไปกันเถอะ”
ซูมู่เกอขอให้เหมยฮัวออกไปและปิดประตูทันทีที่นางอันก้าวพ้นไปแล้ว
นั่งในห้องโดยไม่มีคำพูดอีก ซูมู่เกอเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาบนโต๊ะช้าๆ แล้วจิบ
เป็นเวลานานพอสมควรเมื่อนางจ้าวสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องในห้อง นางเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว
“มูมู่…เมื่อวาน เมื่อวานเจ้าเหนื่อยมากไหมที่ไปคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง?” นางเจ้าไม่กล้าที่จะถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของซูมู่เก๋อ เนื่องจากนางบอกพวกเขาไปแล้วว่ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับราชาแห่งนรก
หลังจากที่ซูมู่เกอวางถ้วยชาในมือของนางลง นางมองไปที่นางจ้าวอย่างสิ้นหวัง เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของนาง ซูมู่เกอก็ถอนหายใจออกมา
“ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วเหรอรึเปล่าว่านางเคยปฏิบัติกับเราอย่างไรมาก่อน?”
ซูมู่เกอเป็นคนประเภทที่ต้องแบกรับความขุ่นเคือง ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของนางอันอย่างฉับพลันนั้นแปลกพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นตัว แม่ของนางจะไม่รู้สึกอะไรได้อย่างไร!
“ข้า ในฐานะแม่ ข้าคิดว่า…นางพูดถูก” นางจ้าวมองไปที่ซูมู่เกออย่างซื่อบื้อ “มูมู่ เจ้าไม่ใช้เด็กผู้หยิงตัวเล็กๆ อีกต่อไปแล้วและถึงเวลาที่เจ้าจะต้องพิจารณาการแต่งงานของเจ้าแล้ว ข้าไร้ประโยชน์มากที่ข้าไม่เคยออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลซูเลย นับประสาอะไรกับการหาครอบครัวที่เหมาะสมให้เจ้าแต่งงาน นางอันเท่านั้นที่ทำได้….”
ความโกรธเริ่มจางหายไปเมื่อซูมู่เกอได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากแม่ของนาง
“ท่านแม่ อย่าได้กังวล แม้ว่านายหญิงอันจะไม่สนใจข้า ข้ายังมีพ่ออยู่”
“ท่านพ่อของเจ้า? เขาจะจัดการสิ่งเหล่านั้นให้เจ้า…” น้ำเสียงของนางเจ้ามีความสงสัย
“แน่นอน! ท่านไม่เห็นของที่เขาส่งมาให้ข้าเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ? เขาจะทิ้งลูกสาวโดยไม่ดูแลได้อย่างไร?” เพื่อให้อารมณ์ของนางราบรื่น ซูมู่เกอต้องเอาซูหลุนออกมาเป็นโล่ของนาง
“นายหญิงอันไม่เคยชอบท่านมาก่อน และนางจะไม่เป็นแบบนี้ในอนาคต ท่านเข้าใจที่ข้าหมายถึงไหม?” เป็นไปไม่ได้เลยที่ใคร ๆ จะหลงรักคนที่พวกเขาไม่ชอบโดยจงใจขนาดนี้ มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่จะเชื่อการเปลี่ยนแปลงแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผล!
นางจ้าวไม่ได้โง่และนางรู้ว่าซูมู่เกอหมายถึงอะไร
“ข้ารู้และข้าจะระวังตัว”
“ท่านแม่ เป็นเรื่องดีที่เข้าใจลูก น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน? เขาหลับหรือ?”
ดวงตาของนางจ้าวสว่างขึ้นด้วยความสุขเมื่อพูดถึงลูกชายของนาง
“เขาหลับ เขาเป็นเด็กประเภทที่เงียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เขาไม่ชอบเสียงดังอย่างมาก”
……………………
เสียงฟ้าร้องดังก้องบนท้องฟ้า
สายฟ้าแลบเข้ามาด้านในฝาแคร่จนสว่าง
เป็นวันที่สามแล้วที่ซูมู่เกอไปรักษานายหญิงเมิ่ง
สภาพร่างกายของหญิงชราเมิ่งคงที่แล้ว หลังจากสองวันแรกของการรักษา อย่างน้อยก็ไม่มีสถานการณ์เฉียบพลันที่ทำให้คนอื่นๆไม่ได้เตรียมตัว
ซูมู่เกอขมวดคิ้ว เมื่อดึงม่านรถม้าออกไปและมองสายฝนที่กำลังโปรยปราย
ฝนตกมาหลายวันแล้ว โดยไม่ว่างเว้น บางครั้งฝนดูเหมือนว่ามันจะหยุดตก แต่จริงๆแล้วมันก็ยังตกพรำๆ
เมฆสีดำปกคลุมปทั่วท้องฟ้าราวกับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่หนาแน่นและมืดมิดพุ่งเข้าใกล้พื้นดินซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจลำบาก
“หลีกทาง! ให้เร็ว! พวกเจ้าทุกคน!”
ร่างบนม้าเต็มด้วยความเร็วสูงสุดกำลังวิ่งมาตามถนน และผ่านรถม้าไป นับว่าโชคดีที่มีคนไม่มากนักบนถนนในวันที่ฝนตก
“นั่นใคร? ม้าเร็วมากท่ามกลางสายฝน! มันอาจชนใครบางคน!”
คนขับรถม้าบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ ด้วยแส้บนหลังม้าของเขา เขาไปเร็วด้วยเช่นกัน มันเป็นกลางวันที่มืดเหมือนกลางคืนเนื่องจากสภาพอากาศ และจะเป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะไปถึงคฤหาสน์เมิ่งโดยเร็วที่สุดเผื่อฝนอาจจะตกหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ร่างของม้าที่วิ่งเร็วอย่างไม่หยุดจนกว่าเขาจะถึงหย่าเหมิน
“ใต้เท้า วิกฤตการณ์! มีสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตเมืองโจว!”
ซูหลุนกำลังอ่านเอกสารราชการเมื่อมีคนวิ่งเข้ามาในหย่าเหมินด้วยความเร่งรีบตื่นตระหนก มีชายอีกคนตัวเปียกปอนวิ่งตามเขามา
“เกิดเหตุอันใด?”
ชายที่ตัวเปียกหมดตัวคุกเข่าลงบนพื้นตาแดงก่ำมองไปที่ซูหลุน
“ใต้เท้าซู ทำนบเขตเมืองโจวแตกขอรับ และผู้พิพากษามณฑลก็ถูกน้ำท่วมขอรับ!”
หนังสือราชการในมือของซูหลุนร่วงหลุดลงไปกองกับพื้นและเขาเหมือนถูกแช่แข็งด้วยความตระหนก “เจ้ากำลังพูดอะไร?!”
……………………….
เมื่อซูมู่เกอถูกพาไปที่ลานอายุมั่นขวัญยืนโดยสาวใช้ มาม่าก็เดินออกมา
“มันคือคุณหนูใหญ่ซู ไปและเอาเตาอุ่นๆมา เร็วเข้า!” หลังจากทิ้งคำพูดเหล่านั้นไปยังสาวใช้ มาม่าก็พาซูมู่เกอเข้าไปในห้อง
“ขอโทษที่รบกวนท่านมาก คุณหนูใหญ่ซู ฝนตกหนักมาก! โปรดผลัดเสื้อผ้าของท่านเพื่อเอาไปทำความสะอาด”
หลังจากคืนก่อนหน้านี้ใช้เวลาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง ซูมู่เกอพาเยว่รู่ไปกับนางในวันรุ่งขึ้น และนางจะได้เตรียมชุดที่สะอาดให้เจ้านายของนางในวันที่ฝนตกเช่นนี้
“ได้เจ้าค่ะ”
ซูมู่เกอเข้าไปในห้องของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง หลังจากที่นางผลัดผ้าแล้ว
นางเห็นเมิ่งฉางเต๋อออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่ดูแข็งกร้าวและดวงตาที่เศร้าหมอง และคิดว่ามีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้นกับหญิงชราเมิ่งอีกครั้ง
เมิ่งฉางเต๋อหยุดชะงักเมื่อเห็นซูมู่เกอ
“คุณหนูซู เจ้ามาถึงแล้ว ข้ามีบางอย่างที่ต้องจัดการ ข้าขอฝากท่านแม่ไว้กับท่านด้วย ขอบคุณมาก”
“ได้เจ้าค่ะ ใต้เท้าเมิ่ง ไม่ต้องเป็นกังวล”
เมิ่งฉางเต๋อจากไปพร้อมกับคนของเขาทันที
“เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร! แล้วผู้เสียชีวิตล่ะ?”
เสียงของเมิ่งฉางเต๋อจางหายไปในขณะที่เขาเดินออกไปไกล ๆ ซูมู่เกอละสายตาและเดินเข้าไปในห้อง
มีเพียงหญิงชราเมิ่งและสาวใช้สองคนในห้อง และสาวใช้ก็ก้าวไปข้างหลังเมื่อเห็นซูมู่เก๋อเข้ามา
“นายหญิง ท่านดูดีขึ้นมากเจ้าค่ะ”
เมื่อสองวันก่อน ใบหน้าของหญิงชราเมิ่งซีดขาวราวกับกระดาษ แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางขึ้นซับสีเลือดบ้างแล้ว
“ใช่ ข้ารู้สึกมีพลังมากกว่าเมื่อก่อน”
ซูมู่เกอเปิดกล่องทางการแพทย์ของนางและหยิบเข็มเงินออกมาและท่อไม้ไผ่ดูดเลือดสำหรับการบำบัดโรค
“จุดประสงค์ของการบำบัดในวันนี้คือเพื่อช่วยขจัดความอับชื้นและความเย็นในร่างกายของท่านและทำให้หลอดเลือดของท่านไม่มีสิ่งกีดขวางมากขึ้น ท่านอาจจะรู้สึกเจ็ดปวดระหว่างการรักษานะเจ้าค่ะ แต่ได้โปรดอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วทุกอย่างจะดี”
“บ้องไม้ไผ่ดูดบำบัด?” นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งมองไปที่กระบอกไม้ไผ่ในมือของซูมู่เกอด้วยความอยากรู้
มีหนังสือทางการแพทย์มากมายที่อ่านในรัฐฉู่ ซูมู่เกอรู้ดีว่าการบำบัดด้วยบ้องดูดเลือดไม่ใช่เรื่องธรรมดา และคนทั่วไปไม่ทราบเรื่องนี้ แม้แต่แพทย์เอง
เมื่อร่างกายของนางฟื้นตัว นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งมีความเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของซูมู่เกอมากขึ้น และนางก็พยักหน้า นางนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงตามที่ซูมู่เกอสั่ง ปล่อยหลังและขาของนางเปลือยเปล่า
“ข้าจะใช้การฝังเข็มเพื่อไล่ความชื้นและความเย็นเคลื่อนไปที่ส่วนล่างของร่างกายท่าน แล้วข้าจะใช้การบำบัดด้วยการดูดเพื่อขจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายของท่านต่อเจ้าค่ะ” เป็นขั้นตอนปกติสำหรับซูมู่เกอในการอธิบายลำดับการรักษาของนาง เพื่อเป็นการให้คนไข้ผ่อนคลายในการรับฟังนาง
นางหยิบเข็มเงินขึ้นมาและแทงเข้าที่จุดฝังเข็มในส่วนบนของร่างกายของนายหญิงเมิ่ง เมื่อร่างกายค่อยๆผ่อนคลาย จากนั้นเธอก็เอากระบอกไม้ไผ่อังไฟ แล้ววางกระบอกไส้ไผ่ไว้ที่ขาอย่างรวดเร็วหลังจากอุ่นด้วยไฟแล้ว
“อุ๊ยย!”
นายหญิงเมิ่งส่งเสียงด้วยความประหลาดใจซึ่งทำให้มาม่าตกใจ นางเดินออกมาสองก้าวพร้อมกับใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตื่นตระหนกและตรวจสอบนายหญิงเมิ่ง
“นายหญิง เป็น ท่านเป็นอย่างไร?”
“อืมม….”
ผลของกระบอกไม้ไผ่เริ่มเผยให้เห็น นายหญิงเมิ่งเกร็งตัวเพราะความเจ็บปวด และมีเหงื่อเย็นที่หน้าผากของนาง
“คุณหนูซู เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิง? ไม้ไผ่สามารถ กระบอกไม้ไผ่ใช้รักษาผู้ป่วยได้จริงหรือ?” มาม่ามองไปที่ซูมู่เกอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เนื่องจากนายหยิงเมิ่งเจ็บปวดอย่างสาหัส แต่ซูมู่เกอก็ไม่ได้ทำอะไรเลย มาม่าไม่พอใจ
ด้วยการจ้องอย่างเย็นชาจากมาม่า ซูมู่เกอไม่ได้หยุดการกระทำของนาง
“เส้นเลือดของนายหญิงถูกปิดกั้นไม่ดี ข้ากำลังขจัดความชื้นและความเย็นออกจากร่างกายของนางหลังจากที่ข้าปลดล็อคเส้นเลือดของนางด้วยเข็มเงินของข้า ปฏิกิริยาเป็นเรื่องปกติสำหรับการเริ่มต้นของการรักษานี้เจ้าค่ะ”
ด้วยการวางกระบอกไม้ไผ่อันที่สองจากซูมู่เกอ นายหญิงเมิ่งเริ่มส่งเสียงดังขึ้นจากความเจ็บปวด
“คุณหนูซู โปรดหยุดเถอะ! นายหญิงไม่สามารถทนสิ่งนี้ได้!” เมื่อเห็นนายหญิงกัดฟันด้วยความเจ็บปวด มาม่ามองไปที่ซูมู่เกอด้วยความตื่นตัว
ในที่สุด ซูมู่เกอก็หยุดมือของนางและมองไปที่นายหญิงเมิ่ง
“นายหญิง ท่านรู้สึกว่าตัวเองสามารถทนสิ่งนี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ?”
รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากราวกับว่ามีคนเอาของบางอย่างออกจากร่างกายของนางพร้อมกับเส้นเลือดและกระดูกของนาง นายหญิงเมิ่งยืนยันว่าซูมู่เกอไม่ควรหยุด
“เจ้า…ทำการรักษาของเจ้า ทำมัน!” นายหญิงเมิ่งกัดฟันพูด และเลือกที่จะดำเนินการต่อไปด้วยความเจ็บปวด แม้ว่านางแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ซูมู่เกอหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่เหลือออกมา และวางทั้งหมดไว้บนขาของนายหญิงเมิ่ง
ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างกะทันหันและดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น นายหญิงเมิ่งตกอยู่ในอาการโคม่า
ตอนนั้นมาม่าตกใจมาก “นายหญิง! ได้โปรด! อย่าทำให้ข้ากลัว!”