“ตกลง ท่านไปจัดการกับพวกเขาก่อน” ซูมู่เกอพูดแล้วหันกลับไปและเดินกลับไปที่ห้องพักชั่วคราวของผู้ป่วย
ที่ปรึกษาหลี่รู้สึกโง่เขลาอย่างสิ้นเชิง
“ใต้เท้าซู…..”
“ปังงง!”
ประตูถูกปิดเสียงดัง ที่ปรึกษาหลี่ถูกปฏิเสธ เขากังวลมากจนอยากจะร้องไห้ให้ได้
กล่าวกันว่าใต้เท้าเซี่ยดำรงตำแหน่งลำดับที่สามหรือสูงกว่าในราชสำนักจักรพรรดิ และท่าทางสง่าที่เขาได้รับเป็นสิ่งที่ต้องถือ ที่ปรึกษาหลี่ไม่เคยเห็นใครเหมือนเขามาก่อนในชีวิต เมื่อเจ้านายระดับสูงคนนี้มาถึงแล้ว ใต้เท้าซูไม่ได้พยายามทำให้เขาพอใจและไม่ได้ไปรับเขาทันที ไม่ใช่เขาแค่พยายามโยนชื่อทิ้ง!
ที่ปรึกษาหลี่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินกลับไปที่ที่ทำการหย่าเหมินเพียงลำพัง
ซูมู่เกอไปดูเด็กชาย ในระหว่างการตรวจเบื้องต้น ดูเหมือนว่าเขาจะมีไข้ แต่หลังจากจับชีพจรอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับปอดของเขา
อย่างไรก็ตาม ในยุคนี้ ไม่มีวิธีอื่นใดในการตรวจเพิ่มเติม นางต้องวางแผนในการรักษาในตอนนี้
ซูมู่เกอหยิบเข็มเงินหนึ่งเล่มออกมาจากน้ำยาฆ่าเชื้อ เจาะนิ้วของเด็กชายและบีบเลือดเพื่อตรวจในภายหลัง จากนั้นนางหยิบยาจากขวดกระเบื้องของนางให้เขาเพื่อลดอุณหภูมิ
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่รุนแรงของเด็กชาย ซูมู่เกอจัดห้องแยกให้เขาและมอบหมายให้คนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
นางยุ่งอยู่กับห้องพักผู้ป่วยชั่วคราวตลอดทั้งวัน เมื่อนางจับชีพจรของผู้ป่วยรายสุดท้ายเสร็จสิ้น ข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว
ซูมู่เกอวางพู่กัน เรียงลำดับตามลำดับหมายเลข และจัดลูกน้องเพื่อรับสมุนไพรทางการแพทย์และจัดเรียงให้กับผู้ป่วยตามรายการนั้น
ซูมู่เกอยืนยึ้นและยืดตัว เหนื่อยแค่ไหนที่ได้ดูแลคนไข้จำนวนมากในวันเดียว!
“ใต้เท้าซู มันค่ำมากแล้ว ท่านต้องการกลับไปที่ทำการหย่าเหมินหรือไม่ขอรับ?” ชายหนุ่มดูฉลาดจากที่ปรึกษาหลี่ถาม
ซูมู่เกอหยิบกล่องยาขึ้นมาบนหลังและพยักหน้า “ใช่ กลับกันเลย”
ชายหนุ่มเกาหัวของเขาในขณะที่เขาสังเกตซูมู่เกอถือกล่องเครื่องมือแพทย์อย่างสบายๆ เขาสงสัยว่าทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใต้เท้าซูรู้ทักษะทางการแพทย์
ในขณะนี้ฝนเบาบางลงมาก ซูมู่เกอพิงรถม้าและตกอยู่ในภวังค์
วันนี้ใช้พลังงานทั้งทางจิตใจและร่างกายของนางไปมาก นางไม่ได้ทำจากเหล็กและไม่ต้องสงสัยเลยว่านางรู้สึกอ่อนเพลียมาก
“ใต้เท้าซู ใต้เท้าซู เรามาถึงแล้วขอรับ”
ซูมู่เกอลืมตาขึ้น นางน่าจะหลับไป
นางขยี้ตา ยกกล่องเครื่องมือแพทย์ขึ้นแล้วกระโดดลงจากรถม้า
มันไม่ใจว่าเป็นเพราะนางยังไม่ตื่นหรือเท้าเริ่มหย่อนยาน ซูมู่เกอเซและล้มลงไปข้างหน้าเมื่อนางกระโดดลงจากรถม้า
นางตื่นเต็มตา แต่ไม่มีเวลาช่วยตัวเอง
ซูมู่เกอตระหนักว่าใบหน้าของนางใกล้พื้นมากขึ้นเรื่อยๆและนางก็หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง มันเป็นอะไรก็ให้มันเป็น นางปลอมตัวเป็นซูหลุนจึงไม่มีใครรู้ว่านางเป็นใครที่ล้มลง
แต่สักพักนางก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับพื้นโลก
ซูมู่เกอลืมตาขึ้นและต่อหน้านาง มันคือกำแพงผู้ชายคนหนึ่ง นางถูกยกขึ้นด้วยมือข้างเดียวโดยที่แขนของนางห้อยลงเช่นเดียวกับไก่ที่ถูกนกอินทรีจับ
“โอ้!”
ซูมู่เกอหายใจไม่มัน นางดิ้นรนอย่างหนักและสามารถหลุดออกจากมือนั้นได้
“ใต้เท้าซู เจ้าสบายดีไหม?”
ในขณะที่ซูมู่เกอขมวดคิ้วและลูบคอ ที่ปรึกษาหลี่รีบวิ่งไปด้านหน้านางด้วยใบหน้าที่กังวลและกระพริบตาปริบๆ
ซูมู่เกอยังคงตอบสนองช้า นางมองไปที่ที่ปรึกษาหลี่ที่ริมฝีปากกระตุก “ที่ปรึกษาหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
ที่ปรึกษาหลี่กังวลมากจนแทบจะตบต้นขาของตัวเองได้ ไม่มีทางเลือกอื่น เขาเผชิญหน้ากับบุรุษผู้เป็นอุปสรรคเดียวด้วยความกลัวและหวาดหวั่น “ใต้เท้าเซี่ย นี่คือใต้เท้าซูแห่งเมืองชุนหยางขอรับ”
ใต้เท้าเซี่ย?
ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคอของนางงอไปข้างหลัง นางถึงสามารถมองเห็น “กำแพง” ได้อย่างชัดเจน
เซี่ยโฮวโม่ลดดวงตาสีเข้มของเขาลง สายตาส่องแสงด้วยความหยิ่งผยองในยามค่ำคืน ซึ่งทำให้ไม่มีใครกล้ามองเข้าไป
ซูมู่เกอว่างเปล่าไปชั่ววินาที และลดสายตาลงอย่างรวดเร็วในขณะที่ดวงตาของชายคนนี้เฉียบคมมาก มันรู้สึกเหมือนมองได้แค่แวบเดียว เขาสามารถมองทะลุการปลอมตัวของนางได้แล้ว
ซูมู่เกอขยับก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วโค้งคำนับเล็กน้อย “ใต้เท้าเซี่ย”
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ซูมู่เกอด้วยมือของเขาที่ประสานไว้ด้านหลัง “ท่านขุนนางซู” คนนี้ช่างดูตัวเล็กและน่าสงสารซะจริงๆ
“ใต้เท้าซูทำงานหนักเพื่อประชาชนในเขตโจว ข้ายินดียิ่งนัก”
ซูมู่เกอเลิกคิ้ว ทุกคนสามารถพูดเฉกเช่นเจ้าขุนมูลนายได้ “ในฐานะเจ้าเมือง เราต้องให้คนของเราอยู่เหนือสิ่งอื่นใด โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ไม่ได้มาทักทายท่านในเวลาที่เหมาะสม ใต้เท้าเซี่ย”
ดูเหมือนว่าเจ้านายทั้งสองคนไม่มีแผนที่จะเข้าไปในหย่าเหมินเลย ที่ปรึกษาหลี่ต้องออกมาข้างหน้าพวกเขาและพูดด้วยเสียงต่ำ “ใต้เท้าซู ใต้เท้าเซี่ย ฝนยังคงตกอยู่ อากาศก็เย็นและจะทำให้เปียกในตอนค่ำเช่นนี้ ท่านทั้งสองอยากเข้าไปข้างใน….?”
“ที่ปรึกษาหลี่พูดถูก ใต้เท้าเซี่ย เชิญ”
ซูมู่เกอเหนื่อยมากจนจะหลับในทันทีเมื่อล้มตัวลงนอน แต่ตอนนี้นางต้องรับมือกับใต้เท้าบางคนจากราชสำนักที่ทำให้นางกำลังโกรธ!
เซี่ยโฮวโม่เหลือบมองซูมู่เกอเล็กน้อยแล้วหันกลับมาและเดินเข้าไปในประตูทางเข้า
ภายในห้องศึกษา
ท่านยายฟาง หญิงชราที่ซูมู่เกอช่วยชีวิตไว้ เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาที่อบอุ่นเหมือนบ้านในมือของนาง นางวางถ้วยชาลงมองที่ซูมู่เกอด้วยความกังวล จากนั้นก็ออกจากห้องไป ใต้เท้าซูยังไม่ได้ทานอาหารเลย…..
เซี่ยโฮวโม่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก และซูมู่เกอนั่งบนเบาะขวามือโดยมีที่ปรึกษาหลี่ยืนอยู่ด้านหลัง
ครู่หนึ่งก็ยังไม่มีใครยอมส่งเสียงปรึกษาหารือออกมา เงียบมาก!
ซูมู่เกอไม่สนใจที่จะคาดเดาความคิดของใต้เท้าคนนี้ ตอนนี้นางแค่อยากจะนอนหลับสบายๆ!
“ใต้เท้าเซี่ยคงต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ที่ปรึกษาหลี่ ท่านต้องไม่สุกเอาเผากินนะ”
ที่ปรึกษาหลี่ตอบว่าใช่ซ้ำๆ เขากล้าที่จะไม่ตั้งใจได้อย่างไร? เขารับใช้ใต้เท้าเซี่ยเหมือนยิ่งกว่าบูชาบรรพบุรุษของเขาเอง!
“ใต้เท้าซู ท่านสามารถฝึกฝนการแพทย์ได้หรือ?” เซี่ยโฮวโม่ถามด้วยเสียงทุ้มซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินในคืนที่เงียบสงบ แต่ซูมู่เกอไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมมัน
ชายคนนี้ถามคำถามที่เฉียบคม แม้ว่าซูมู่เกอจะเตรียมคำตอบไว้แล้ว นางยังคงถูกกดดันและหายใจไม่ออก เหมือนเผชิญหน้ากับภูเขาขนาดมหึมา
นางหายใจเข้าลึกๆ ตอบเบาๆ “ข้าได้ศึกษามาก่อน ตอนนี้เขตโจวขาดแพทย์ ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยเหลือ โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยถ้าหากข้าน้อยสนุกกับสิ่งที่ข้าน้อยได้ทำ”
เซี่ยโฮวโม่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซูมู่เกอ ในขณะที่เขาค่อยๆหมุนแหวนที่นิ้วหัวแม่มือหยกสีขาวและพูดว่า “ข้าเพิ่งมาถึงและไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ โปรดอธิบายให้ข้าได้รู้เพิ่มเติม ใต้เท้าซู”
ซูมู่เกอก้มหัวลงเล็กน้อยและขมวดคิ้ว นางไม่รู้เป้าหมายของผู้ชายคนนี้คืออะไร นางรู้สึกว่าเขากำลังจับเสียงที่นางเปล่งออกมา หากเขาพบบางสิ่งบางอย่าง หรือเขารู้จักพ่อที่เข้าหาง่ายของนางซึ่งทำให้เกิดความสงสัยแก่เขา?
ครู่หนึ่ง ซูมู่เอตื่นตระหนกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลอมตัวเป็นซูหลุน ถ้านางถูกจับได้นางจะตกที่นั่งลำบาก
ที่ปรึกษาหลี่คิดว่าซูมู่เกอไม่ตอบเพราะเหนื่อย เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและตอบว่า “ใต้เท้าเซี่ย ใต้เท้าซูเพิ่งมาถึงเขตโจวในช่วงเวลาสั้นๆ ข้าน้อยยังไม่ได้แจ้งถึงสถานการณ์ใดต่อใต้เท้าซูเลยขอรับ ถ้ามีอะไรที่ท่านต้องการรู้ โปรดถามข้าน้อยมาได้ตามที่ท่านต้องการ”
ด้วยความช่วยเหลือของที่ปรึกษาหลี่ ซูมู่เกอรู้สึกโล่งใจ แต่สิ่งที่นางไม่รู้คอืปฏิกิริยาทั้งหมดของนางถูกสังเกตพบโดยเซี่ยโฮวโม่
เซี่ยโฮวโม่ยืนขึ้นและพูดว่า “มันดึกมากแล้ว เราจะคุยกันในวันพรุ่งนี้” เขาเดินตรงไปที่ประตูทันทีที่เขาพูดจบ เมื่อเขาเดินผ่านซูมู่เกอเท้าที่กำลังก้าวของเขาก็หยุดลงชั่วครู่ ในทันใดนั้น ซูมู่เกอก็ไม่รู้สึกตัวและความกดดันเดียวกันก็โจมตีนางอีกครั้ง บอกตามตรงว่านางไม่ชอบความรู้สึกกดขี่เช่นนี้เลย
ในที่สุด เซี่ยโฮวโม่ก็จากไป ที่ปรึกษาหลี่รู้สึกโล่งใจมาก
“ใต้เท้าซู ท่านงานยุ่งทั้งวันและมันก็ดึกมากแล้ว โปรดพักผ่อนให้ดีในตอนนี้เถิดขอรับ ถ้าคุณต้องการ”
ซูมู่เกอพยักหน้าและเดินออกจากห้องศึกษา
ท่านยายฟางยังคงอุ่นอาหารอยู่ในครัว นางพาบางคนไปที่ห้องของซูมู่เกอ เมื่อรู้ว่านางกลับมาแล้ว
“ใต้เท้าซู ท่านเป็นขุนนางที่ดีจริงๆ ได้โปรดทานอาหารร้อนๆเจ้าค่ะ”
ซูมู่เกอมองไปที่ยายฟางยิ้มด้วยความขอบคุณและกล่าวว่า “ขอบคุณมาก ท่ายยายฟาง ตอนนี้ดึกมากแล้ว โปรดไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
ซูมู่เกอไม่ได้ทานอาหารกลางวันด้วยซ้ำ ตอนนี้นางหิวมากเกินกว่าจะรู้สึกว่าหิวแล้ว ดังนั้นนางจึงกินอะไรนิดหน่อยก่อนเข้านอน
นางง่วงมาก แต่จิตใจของนางเต็มไปด้วยความคิดต่างๆนาๆเมื่อนางหลับตาลง
“ทุกสิ่งย่อมมีทางออกเสมอ! ทำไมคิดมาก!” ซูมู่เกอดึงผ้านวมคลุมหัวและหลับตาลง ในไม่ช้านางก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
สนามหลังบ้านของเขตหย่าเหมินไม่ใหญ่นัก มีเพียงห้าหรือหกห้อง ในขณะที่ห้องของเซี่ยโฮวโม่อยู่ตรงข้างกับซูมู่เกอซึ่งมีบันไดไม่ถึงสิบก้าว
ภายในห้องของเซี่ยโฮวโม่ตะเกียงน้ำมันกำลังเปล่งแสงสลัวและเงาดำก็ส่องเข้ามา
“นายท่าน”
เซี่ยโฮวโม่นั่งอยู่หลังโต๊ะอ่านเอกสารที่ที่ปรึกษาหลี่มอบให้มาก่อนหน้านี้
เขาตอบกลับว่า “ใช่”
เงาดำกล่าวว่า “ซูหลุนออกจากเมืองชุนหยางไปยังเขตโจวเมื่อสิบกว่าวันก่อน แต่เขาที่นี่เพียงวันนี้วันเดียวที่ผ่านมา”
ตงหลินตอบพร้อมกับยกคิ้ว “จากเมืองชุนหยางไปยังเขตโจว มันจะใช้เวลาไม่ถึงสิบวันโดยการเดินเท้า!”
สายลับมองไปที่เซี่ยโฮวโม่และพูดว่า “นายท่านขอรับ ข้ายังพบว่าสายลับที่ขโมยแผนผังการป้องกันปรากฏขึ้นรอบ ๆ เขตหย่าเหมินของโจว ผู้ติดตามรายงานว่าสายลับเดินไปรอบ ๆ และพยายามเข้าไปข้างใน แต่เมื่อมันเห็นนายท่านของท่านไปถึง มันกลับออกไปตามทางที่มันมา”
เซี่ยโฮวโม่เก็บเอกสารและพูดว่า “จับตาดูสายลับและ ‘ใต้เท้าซู’ คนนี้ด้วย เราจะค้นหาว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไร”
“ขอรับ นายท่าน”
………………………..
ในวันต่อมา
ซูมู่เกอลุกขึ้นมาพร้อมด้วยความรู้สึกหนักหัว นางทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้น เปิดประตูออกไปและรู้สึกได้ทันทีว่านางถูกจับตามอง
ซูมู่เกอขมวดคิ้ว แต่เดินไปที่ลานบ้านอย่างใจเย็น
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม แต่ในที่สุดฝนก็หยุดตก
ซูมู่เกอได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างหลัง นางหันกลับไปและเห็นเซี่ยโฮวโม่ยืนอยู่ที่ระเบียบ สูงและเพรียว
เมื่อคืนนางเหนื่อยเกินกว่าจะทันเห็นรูปลักษณ์ของเขา แต่ตอนนี้นางสังเกตเห็นว่าเขาดู … ธรรมดาเกินไปซึ่งไม่ได้เข้ากับนิสัยใจคอของเขาเลย
“อรุณสวัสดิ์ ใต้เท้าเซี่ย”
เซี่ยโฮวโม่เดินไปที่ซูมู่เกอมองลงไปและพูดว่า “เช้าเหรอ? ใต้เท้าซูเกือบจะเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว”
ซูมู่เกอตัวแข็งทื่อและมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาที่ลึกล้ำเหล่านี้ทำให้นางประหลาดใจอย่างหมดจด
ทำไมดวงตาคู่นี้ถึงได้ดูคุ้นขนาดนี้?