บทที่ 67 ตัวตนที่แท้จริง
จิงหงส์ก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับเหยือกรินเหล้าและเติมลงถ้วยจนเต็มให้ซูมู่เกอ แต่นางไม่ได้นั่งลง
“ใต้เท้า ท่านอยากฟังข้าร้องเพลงหรือดูข้าร่ายรําเจ้าค่ะ?”
ซูมู่เกอเอื้อมมือไปจับข้อมือของนางบังคับให้นางนั่งลงข้างๆตัว
“อ๊ะ!”
“ใต้เท้า ท่านกําลังทําอะไร!?”
จิงหงส์เป็นคนแข็งแกร่งกว่าที่ซูมู่เกอคาดไว้ แต่นางก็ไม่ได้กําจัดมือของซูมู่เกอออกไปให้พ้นตัวนาง
“ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงผู้ให้ความบันเทิงเท่านั้นเจ้าค่ะ!”
ซูมู่เกอหัวเราะเบาๆ นางโอบมือที่เองของจิงหงส์จากด้านหลังฝังใบหน้าของนางลงที่คอของจิงหงส์แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ซูมู่เกอรู้สึกว่าร่างกายของจิงหงส์แข็งที่อขึ้น
ก่อนที่จิงหงส์จะขึ้นตัวออกไป ซูมู่เกอก็ปล่อยมือจากนาง
จิงหงส์จ้องมองซูมู่เกอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและหมุนตัวไปเปิดประตูโดยตั้งใจที่จะออกไป
ซูมู่เกอไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ นางรินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งถ้วยแล้วยกขึ้นจิบเหล้าไม่ได้เข้มข้นมาก แต่มีรสหวานเล็กน้อย
แน่นอน นางจะไม่ยอมเสีย 100 เหลียงที่จ่ายไปสําหรับค่ามื้ออาหารนี้แน่
อย่างไรก็ตาม จิงหงส์ยืนนิ่งหลังจากที่เปิดประตูราวกับว่านางถูกบังคับให้ยืนนิ่งอยู่กับที่
ซูมู่เกอคว้าน่องไก่บนโต๊ะกัดแล้วมองกลับไปที่นางอย่างอยากรู้อยากเห็น
น่าแปลกที่ มีร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูดูเหมือนจะขัดขวางการออกจากห้องของจิงหงส์!
“ราชา ราชาแห่งจิน ทําไม ทําไมท่านถึงอยู่ตรงนี้ ” มองไปที่ชายตัวสูงตรงหหน้านาง จิงหงส์รู้สึกวิญญาณของนางหลุดลอยไปและหัวใจของนางเต้นกระหนําใกล้จะทะลุออกมานอกอก
ซูมู่เกอมองออกไปที่นอกประตูและตัวแข็งในทันทีที่เห็นหน้าชายผู้นั้น
ชายหนุ่มในชุดคลุมสายรัดเอวสีแดงเข้มรูปดาบไขว้ มงกุฎหยกสีขาวมัดผมยาวดําขลับของ เขามีรูปทรงที่ละเอียดอ่อนและดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งใต้คิ้วที่ดูดุดันราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุความคิดของคนๆหนึ่งได้ในพริบตา
เขาหุ่นเพรียวมากและสูง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆเขาก็น่ากลัวพอๆกับการมาถึงของกองทหารนับพัน
ซูมู่เกอสําลักไก่ที่เพิ่งกัดเข้าปากในทันที
“อะ-แฮ่ม อะ-แฮ่ม…”
เซี่ยโฮวโม่!
จิงหงส์เพิ่งเรียกเขาว่าราชาแห่งจิน!
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขากลมกลืนลงตัว มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้เท่านั้นที่สามารถเข้ากับอารมณ์ของเขาได้
นางไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหล่อขนาดนี้!
สายตาของเซี่ยโฮวโม่จ้องตรงไปที่ร่างที่แข็งเกร็งของจิงหงส์แทน
สายตาของเซี่ยโฮวโม่จ้องตรงไปที่ร่างที่แข็งเกร็งของจิงหงส์แทน
“หลบไป”
จิงหงส์มันงงและก้าวออกไปด้วยความกลัวและดีใจ นางหลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น และนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พูดคุยกับเขา
เซี่ยโฮวโม่เดินไปหาซูมู่เกอและนั่งลง เพียงมองนางอย่างเงียบๆ
รู้สึกเหมือนถูกตรวจตราอย่างละเอียดและร่างกายของนางก็รู้สึกอึดอัด ซูมู่เกอทําได้เพียงหันไปมองเซี่ยโฮวโม่อย่างแข็งข็ง
เซี่ยโฮวโม่ยังมองดูนางในความเงียบๆ
บ้าเอ้ย! มันสั่นประสาทมาก!
“อืม มันดึกแล้ว ท่านแม่ของข้าอาจจะเรียกหาข้ากลับไปร่วมทานอาหารเย็น ข้าขออภัย” ซูมู่เกอต้องการหลุดพ้น ผู้ชายคนนี้อันตรายมากจนนางรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่านางควรอยู่ให้ห่างจากเขา
“หยุด”
ซูมู่เกอตัวแข็งและหยุด “ข้าจะสามารถรับใช้ท่านได้ขอรับ ฝ่าบาท?”
“นั่งลง”
ซูมู่เกอขมวดคิ้วและยังนิ่ง “ฝ่าบาท จิงหงส์จะอยู่กับท่านขอรับ”
จากนั้นจึงหงส์ก็รู้สึกตัว นางก้าวเข้าไปหาเขาอย่างเขินๆและเอียงอาย และกําลังจะรินเหล้าให้กับเซี่ยโฮวโม่
“ออกไป!” เซี่ยโฮวโม่พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา
จิงหงส์ตัวสั่นและมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความเศร้าสร้อย แต่นางไม่ได้ตอบรับคําสั่งของเขา
เมื่อเห็นความวางท่าของจิงหงห์ ซูมู่เกอหึในใจอย่างเย็นชา ด้วยความไม่พอใจ จิงหงส์ทําตัวดูเหมือนสาวพรหมจรรย์กับนางเมื่อกี้นี้ แต่ในเวลานี้นางแทบรอไม่ไหวที่จะแปะติดกับเซี่ยโฮวโม่!
เซี่ยโฮวโม่ก็ไม่ใช่คนดีแน่ มิเช่นนั้นเขาคงไม่มาหาความสําราญที่นี่!
ซูมู่เกอแอบตําหนิตัวเองที่ขี้ขลาดต่อหน้าเซี่ยโฮวโม่ การที่นางปลอมตัวเป็นซูหลุนในอดีต ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้! จึงไม่มีอะไรที่เซี่ยโฮวโม่สามารถทําอะไรนางได้!
หลังจากจินตนาการกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซูมู่เกอก็สงบลง ดึงจิงหงส์เข้ามาใกล้นาง แล้วนั่งลง
“พระองค์ช่างไร้ความปราณีต่อสตรีนัก ฝ่าบาท จึงหงส์กลัวพระองค์มาก”
ซูมู่เกอดึงจิงหงส์มานั่งข้างนางและขอให้นางรินเหล้าให้ถ้วยหนึ่ง “ฝ่าบาท จากความสนพระทัยของพระองค์ ให้หม่อมฉันดื่มถวายพระพรสักถ้วยด้วยเถิดพะย่ะค่ะ” หลังจากนั้นนางก็ดื่มเหล้าในถ้วยจนหมด
เซี่ยโฮวโม่หันมาสบตาสีเข้มและแตะแก้วเหล้า เมื่อเห็นเช่นนั้นจิงหงก็รีบเข้ามารินเหล้าให้กับเขา เขายังคงนิ่งและดื่มเหล้าหมดแก้ว
“ฝ่าบาท พระองค์เป็นนักดื่มที่ยอดเยี่ยมมาก! มา เติมอีกแก้ว!”
ตั้งแต่เซี่ยโฮวโม่เข้ามาในห้องนี้ เซี่ยโฮวคุณในห้องฝั่งตรงข้ามก็เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
“เซี่ยโฮวโม่? เขามาทําอะไรที่นี่?! ไปหามาว่าเขาอยู่กับใครในห้องนั้น!”
“พะย่ะค่ะ”
ในห้องนั้น ซูมู่เกอถือแก้วเหล้า กําลังรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก
เมาง่ายมาก นางไม่แตะเหล้าใดๆ ที่มีแอลกอฮอล์เกิน 10% ในอดีต
รู้สึกว่าเหล้ามีรสชาติเหมือนไวน์ผลไม้ที่นางเคยดื่มมาก่อน นางจึงผ่อนคลายความระมัดระวังและดื่มมากไป อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีผลรุนแรงขนาดนี้
ไม่ นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป! สติที่เหลืออยู่ของนางเตือนให้นางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
ซูมู่เกอยืนขึ้นโดยใช้มือของนางคําอยู่บนโต๊ะและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมึนเมา “ฝ่าบาท ข้าต้องขอตัวลากลับแล้วจริงๆ ข้าขออําลา”
แม้ว่านางจะรู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
นางเดินโซซัดโซเซไปที่ประตู แต่ยากมากเมื่อนางเปิดประตูนางก็ชนใครบางคน
“อา!”
“ใต้เท้า โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! อภัยให้ข้าด้วย! ข้าไม่ได้ตั้งใจทําเยี่ยงนี้ขอรับ!”
ซูมู่เกอมองลงไปและเห็นรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าของนางและนางก็ขมวดคิ้ว จากนั้นนางก็มองไปที่หญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นซูมู่เกอก็หมอบลงเพื่อมองหน้านางพร้อมกับเอียงศีรษะ
“เจ้า อึก…เจ้าทําเสื้อผ้าของข้าเปื้อน! อึก…”
สาวใช้กลัวจนแทบจะหัวฟาดพื้น นางตอบด้วยความสิ้นหวังว่า “ใต้เท้า ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ได้โปรดเมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ! ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆเจ้าค่ะ”
ซูมู่เกอพ่นลมหายใจดัง เอื้อมมือไปเชยคางของนางขึ้นมา
สาวใช้มีใบหน้ารูปไข่น่ารัก ดวงตารูปอัลมอนด์คู่หนึ่งที่แวววาวและมีสีแดงในเวลานี้ และเม้มริมฝีปากรูปเชอร์รี่ใต้จมูกโด่งสวยเป็นเส้นตรง แม้จะมีผิวที่ซีด แต่ความงามของนางก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้
แตกต่างจากความงามอันชดช้อยของจิงหงส์ ความงามแท้ของนางสามารถดึงดูดผู้คนได้เสมอ
“ตะ-ใต้เท้า….”
ซูมู่เกอรู้สึกได้ว่าตัวนางสั่น
“มี่เอ๋อร์ เจ้ากล้าทําให้แขกชั้นสูงของข้าขุ่นเคืองได้อย่างไร?! ออกไปให้พ้น! ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้าในภายหลัง!” จิงหงส์คิ้วขมวดและตําหนินางอย่างเย็นชา จากนั้นนางก็ช่วยซูมู่เกอและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้ “เจ้าเท้าเจ้าคะ ให้อภัยแก่ข้าด้วย นางยังเด็กไม่รู้กฎ ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยนางไปในครั้งนี้เจ้าค่ะ”
ด้วยรอยยิ้ม ซูมู่เกอพิงจิงหงส์และกอดเอวนางแน่นเข้า เมื่อมือเล็กๆของนางกําลังจะถึงหน้าอกของจิงหงส์ จู่ๆข้อมือของนางก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้
“โอ้ย! มันเจ็บ!”
ซูมู่เกอหันกลับไปและจ้องมองไปที่คนๆนั้น เพียงเพื่อจะพบหน้าเซี่ยโฮวโม่ยืนอยู่ด้านหลัง นางด้วยสายตาที่ดูเคร่งเครียด
“ท่านทิ้งข้างั้นหรือ ฝาบาท? ไม่ต้องกังวล คืนนี้ข้าไม่แย่งจิงหงส์กับพระองค์แน่พะย่ะค่ะ”
อย่างไม่คาดคิด เซี่ยโฮวโมดึงนางออกจากอ้อมแขนของจิงหงส์ จับเอวแล้วยกตัวนางขึ้นพาดไหล่ของเขา
“เอ๊ะ!”
ซูมู่เกอตกใจ แต่รู้สึกได้ว่าเลือดของนางพุ่งลงไปที่หัวของนางและนางก็ยิ่งหน้ามืดเวียนหัว ยิ่งขึ้น
นางรู้สึกได้เพียงภาพเบื้องหน้าที่กระพริบของนางตลอดเวลา เมื่อเท้าของนางแตะพื้น นางก็กลับมามีสติสัมปชัญญะมากขึ้น
นางเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยโฮวโม่ผู้ซึ่งใบหน้าซ่อนไว้ในความมืดครึ่งหนึ่ง รู้สึกว่าเลือดของนางพุ่งขึ้นมา
“ท่านกําลังทําอะไร?! มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่มีวิชาตัวเบา!”
นางมองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในลานโล่งที่ล้อมรอบไปด้วยความมืดและความเงียบที่น่ากลัว
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ดวงตาที่เบิกกว้างอย่างโกรธเกรี้ยวของนาง และทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปที่ใบหน้าของนาง
ซูมู่เกอยังคงโกรธอยู่ ยกมือของนางขึ้นและผลักมือเขาออกไป แต่เซี่ยโฮวโม่รวดเร็วมากจนซูมู่เกอรู้สึกเจ็บปวดอย่างกะทันหัน จากนั้นหน้ากากของนางก็ถูกฉีกออก
ในตอนนี้ ซูมู่เกอรู้สึกสติแตกอย่างสิ้นเชิง
นางจ้องไปที่ดวงตาสีเข้มของเซี่ยโฮวโม่ พร้อมกับการเต้นของหัวใจที่กระหน่ําขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณหนูซูมาเที่ยวหอนางโลมเพื่อความสนุกโดยการปลอมตัวงั้นรึ?” เสียงที่ไร้อารมณ์ของเซี่ยโฮวโม่ดังขึ้นท่ามกลางความมืด
ซูมู่เกอก็มีสติทันใด และคว้าหน้ากากมาไว้ในมือ “งานอดิเรกพิเศษ ฝ่าบาท มันไม่ใช่ธุระกงการของท่านมิใช่รึ?”
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่นาง “มันกลายเป็นว่าคุณหนูซูมีงานอดิเรกในการปลอมตัว ข้าสามารถพูดได้ว่าในเมืองชุนหยาง เจ้าปลอมตัวของเจ้าและทําในสิ่งที่เจ้าไม่ควรทํา”
จู่ๆซูมู่เกอก็รู้สึกหวาดระแวง เซี่ยโฮวโม่หมายถึงอะไร? เตือนนางงั้นหรือ?
“ข้าไม่รู้ว่าพระองค์กําลังพูดถึงอะไร ฝ่าบาท!”
เซี่ยโฮวโม่มองนางด้วยรอยยิ้มที่เข้าใจยาก “อาการป่วยของแม่ทัพหลินมีปัญหาอะไร?”
“อะไรนะ?!
เขารู้จุดประสงค์ของนางที่ไปที่หอบุปผชาติได้อย่างไร? มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถปกปิดจากเขาได้บ้าง?
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะไม่ยอมรับว่านางปลอมตัวเป็นซูหลุนเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คนอื่นนํามาข่มขู่ได้
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบเรื่องอาการป่วยของท่านแม่ทัพหลินหรือเพคะ?”
“ใช่”
ซูมู่เกอรู้โดยทันทีว่าที่เชี่ยโฮวโม่ต้องมาพบนางก็เพื่อข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของแม่ทัพหลิน
“ได้โปรดประทานอภัยแด่หม่อมฉันด้วยที่ไม่สามารถกราบทูลได้เพคะ” ด้วยเกียรติของแพทย์นางจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยโดยง่าย
เซี่ยโฮวโม่เลิกคิ้วและไม่บังคับนาง
“เจ้าค้นพบอะไรในหอนางโลมได้บ้างล่ะ คุณหนูซู?”
เขารับรู้ด้วยว่านางมาสืบหาข้อมูลในซ่อง!
ซูมู่เกอเม้มริมฝีปากของนางแน่น รู้ว่าชายผู้นี้จะไม่ปล่อยนางไปโดยง่าย หากคืนนี้นางไม่ยอมเปิดเผยอะไร
“สาวใช้ที่ชื่อ มี่เอ๋อร์ค่อนข้างแปลก นางมีกลิ่นยาที่ต้องการปกปิดด้วยกลิ่นหอม”
ในสถานที่เช่นหอบุปผชาติ แขกที่เข้าและออกเป็นผู้ที่มีฐานะร่ํารวยหรือสูงศักดิ์ ไม่มีทางที่สาวใช้ที่ป่วยจะทํางานต่อไปได้ เพราะนางสามารถแพร่กระจายความเจ็บป่วยไปยังแขกและเกิดข้อพิพาทโดยไม่จําเป็นได้
กลิ่นของยาในตัวพี่เอ๋อร์ไม่สามารถกลบด้วยกลิ่นเครื่องหอมที่รุนแรงเช่นนี้ได้ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านางป่วยหนักมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างผิดปกติที่ไม่มีใครในซ่องพบมัน!
“เจ้าจะตามหานางในภายหลังหรือไม่?”