เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่18 ปีศาจ

ตอนที่18 ปีศาจ

หลังจากไป๋หลงทำการรักษาอู้หยา ได้สักพัก ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นนอกค่ายกลที่ไป๋หลงทำไว้ก่อนที่จะทำการรักษาอู้หยา ภายนอกค่ายกลมีกลุ่มชายใส่ชุดสีดำเกือบ10 คนกำลังหาทางทำลายค่ายกลของไป๋หลง

“หัวหน้าค่ายกลนี้มันอะไรกันมันดูเป็นแสงสีทองที่ห่อหุ้มทั้งบ้านไว้ทำไมมันถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!! ” ชายชุดดำร่างเล็กกล่าวขึ้นถามชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้า

“ข้าจะไปรู้รึ ใช้พลังและอาวุธทั้งหมดที่มี ทำลายค่ายกลนี้ทิ้งซะ แล้วจัดการฆ่าเด็กที่ชื่อไป๋หลงทันที นี้เป็นคำสั่งของนายน้อย ” ชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือด ดาล

กลับมาทางไป๋หลง

ไป๋หลงสามารถสัมผัสได้ว่าค่ายกลกำลังโดนโจมตี แต่ไป๋หลง ไม่ได้กังวลแต่อย่างใดเพราะการโจมตีพันนั้น ไม่สามารถ สร้างลอยขีดข่วนให้กับค่ายกลของตน ได้ ถ้าคิดจะทำลายละก็ ต้องใช้อาวุธระดับราชันชึ้นไปเท่านั้น ตอนนี้ไป๋หลงมีเหงือ ออกตามทั่วร่าง พลังหายไปถึง2 ส่วนใน10 อู้เฉียงเห็นว่าไป๋หลงเริ่มอาการไม่ดีจึงรู้สึกเป็นห่วงไป๋หลง ไป๋หลงสังเกตุเห็นอู้เฉียงก็ยกยิ้มขึ้นในใจ คิดไม่ผิดที่ได้เป็นสหายกัน

” เอาล่ะท่าน อู้หยาขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ข้าได้ทำการขยายเส้นพลังของท่านให้ใหญ่กว่าคนทั่วไป10 เท่าเพื่อป้องกัน เผื่อท่านรับพลังของตนไม่ไหว เอาล่ะ ข้าอยากให้ทันปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะสังเกตุอาการของอู้หยาเป็นระยะๆ

อู้หยาได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้าให้ไป๋หลงเพื่อตอบรับว่าเข้าใจในคำบอกกล่าวของไป๋หลง อู้หยาไม่รอช้าปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในคราเดียวจนเกิดเสียง การระเบิดพลังขึ้น

ตู้มมมมม!!

หลังจากเสียงระเบิดของพลังในตัวของอู้หยาเงียบลง อู้หยาสัมผัสได้ว่า ตอนนี้เส้นพลังของตนนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังที่พร้อมจะประทุตลอดเวลา เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็บอกกล่าวแก่อู้เฉียง

“มันยังไม่จบ… ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อน อู้หยาจะสัมผัสได้ว่า มีพลังอีกสายที่กำลังทะลักออกมาจนเกิดเสียงระเบิดของพลังอีกครั้งนึง

ตู้มมม!! นักรบที่แท้จริงขั้น 9

ราชันนักรบ ขั้นที่ 1

2

3

4

อู้เฉียงตอนนี้กำลังตกตะลึงตัวมันนั้นที่มีระดับพลัง นักรบจิตวิณญาณขั้น1 รู้ได้ถึงความห่างชั้นของตัวเองและท่านแม่ อู้เฉียงใบหน้าเศร้าหมองเล็กน้อยที่ไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้อง สิ่งที่ตนรักได้ ไป๋หลงถึงแม้จะตกตะลึงกับการก้าวกระโดดของระดับพลังของอู้หยา แต่ไป๋หลงก็เหลือบมองสังเกตุเห็นอู้เฉียงที่มีใบหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย จึงเข้าใจได้ทันทีว่าอู้เฉียงกำลังคิดอะไรอยู่ ไป๋หลงแอบยิ้มอยู่ในใจ

” มะ ไม่น่าเชื่อ พลังของข้า ที่ไม่เลื่อนระดับเลยตลอด2ปีที่ผ่านมาจะสามารถ ทะลวงขั้นต่อไปอย่างง่ายดายแถมร่างกายข้ายังรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงข้ามั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ข้าสามารถเหอะเหินเดินอากาศได้แบบเมื่อก่อน หรือจะ ทำได้มากกว่านั้น ” อู้หยากล่าว ออกมาด้วยความดีใจ รู้สึกนับถือไป๋หลงอย่างแท้จริง

” ข้า อู้หยาเป็นหนี้ชีวิตท่าน ถ้าท่านมีปัญหาโปรดบอกข้า ข้าจะช่วยท่านโดยทันที ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนับถือ ไป๋หลงเห็นเช่นนั้น จึง รีบพยุง อู้หยาขึ้น

” ไม่เป็นไรหรอก ข้าช่วยเพราะข้ายากช่วยอีกอย่างข้าไม่อยากให้สหายของข้าป็นทุกข์ ด้วย ” ไป๋หลงกล่าวพลางเอามือไปกอดคอ อู้เฉียง

” ข้าขอขอบคุณท่าน ไม่สิ ไป๋หลง ข้าขอขอบใจเจ้ามาก อีกอย่าง… ” อู้เฉียงกล่างเว้นช่วงไว้ก่อนจะก้มหน้าลง ไป๋หลงรู้อยู่แล้วว่าอู้เฉียงต้องการอะไรจึงแกล้งถามไป

” มีอะไร? ถ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ข้าก็จะช่วยอย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะกลั้นหัวเราะเอาไว้

” ข้า…ข้าอยากแข็งแกร่งขึ้น อยากแข็งแกร่งแบบเจ้าไป๋หลง ช่วยสอนข้าด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากพอที่ข้าจะสามารถปกป้องคนที่ข้ารักเอาไว้ได้ ได้โปรดสอนข้าด้วย ” อู้เฉียงกล่าวออกมาก่อนจะนั่งลงกับพื้น ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปพยุง อู้เฉียงทันที

” ฮ่าๆ โถ่วข้าก็นึกว่าอะไรเรื่องแค่นี้เอง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน

” แค่นี้เอง? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความงุนงง

“ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็จะฝึกเจ้าเองอู้เฉียงพลังต่ำซะขนาดนี้ โดน อสูรตบทีเดียวข้าว่าเจ้าได้ตายแน่ๆ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวหยอกล้อแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยว

” นี้ เจ้า เจ้า ไป๋หลง… เฮ้อก็จริงของเจ้าที่พูดมาอาจจะถูกก็ได้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด ไป๋หลงเห็นดังนั้นจึงกล่าวบางอย่างแก่อู้เฉียง

” เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกอู้เฉียงข้าจะฝึกเจ้าแบบไม่ถึง2อาทิตย์เจ้าจะเก่งขึ้นแน่นอน หึๆ ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ รอยยิ้มของไป๋หลงตอนนี้ทำให้อี้เฉียง รู้สึกเย็นวาบ เลยทีเดียว

ตัดมาทางกลุ่มชายชุดดำ

” นี้ท่านหัวหน้าข้าได้ยินเสียงระเบิดจากข้างในด้วยมันเกิดอะไรขึ้นกัน ” ชายชุดดำร่างสูงโปร่งกล่าวถามแก่ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้า

” ข้าไม่รู้แต่ข้า หมดความอดทนแล้วข้าจะพังค่ายกลบ้าๆนี้แล้วเข้าไปทำงานของพวกเราให้เสร็จ ” เมื่อชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากล่าวจบก็ ระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น8 ออกมา สร้างความกดดันให้แก่ พวกลูกน้องที่อยู่ด้วยไม่น้อย ส่วนพวกชาวบ้านที่ไร้พลังหรือพลังต่ำจนเกินไป ก็ต่างกระอักเลือดกันออกมา ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากำหมัดแน่น รวมพลังทั้งหมดไปที่หมัดขวาก่อนหมัดขวาของชายชุดดำปะทะเข้ากับค่ายกลอย่างจังจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น

ตู้มมมมมมม!!

หลังจากเสียงระเบิดเงียบลง ก็ปรากฏร่างของชายชุดดำที่ถอยออกมา2-3 ก้าวพร้อมกระอักเลือดออกมา

” อึก ก !! บัดซบ นี้มันค่ายกลบ้าบออะไรกัน ” ชายชุดดำกล่าวออกมาอย่างเดือดดาลเพราะโดนพลังของตัวเองตีกลับ

ทางด้านของไป๋หลง สัมผัสพลังเมื่อกี้ได้จึงลุกขึ้นเพื่อโดนออกจากห้องของอู้หยา เพื่อจัดการกับพวกที่ต้องการหาเรื่องเขา เมื่ออู้หยาเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม

” ท่านจะไปไหนเหรอ? ” อู้หยาหล่าวถามแก่ไป๋หลง อู้เฉียงก็สงสัยเช่นกัน สาเหตุที่อู้หยาและอู้เฉียง ไม่อาจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกได้เพราะ ค่ายกลนี้สามารถปกปิดเสียงจากข้างนอกได้แต่ไม่สามารถปกปิดเสียงจากข้างในได้ ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ หันมาแล้วยิ้มอ่อนๆให้

” เดี๋ยวข้ามา ข้าขอไปทำธุระแปปนึง ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินออกจากห้องของอู้หยาในทันที ทิ้งให้แม่ลูกมองหน้ากันด้วยความงุนงง

ตอนนี้ไป๋หลงเดินออกมาจนถึงหน้าบ้านของอู้เฉียงแล้ว ก็ทำการเดินออกไปตรงๆ เพียงสร้างช่องสำหรับคนเดินออกมาได้ไม่ได้ยกเลิกใช้ค่ายกล เพราะไป๋หลงไม่ใช่คนโง้ ถ้าไป๋หลงนำค่ายกลออกพวกมันจะต้องจับคนในบ้านเป็นตัวประกันอย่างแน่นอน ไป๋หลงเดินออกมาจากค่าย เจอกับชายชุดดำเกือบ10คนที่ได้เห็นไป๋หลงก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นไป๋หลงโผล่ออกมา

” หัวหน้าเจ้านี้แหละ ที่นายน้อยบอกมาลักษณะตรงทุกอย่าง ดวงตาสีแดงผมยาวสลวย ไม่ผิดแน่ๆ ” ชายชึดดำรูปร่างออกจะผอมแห้งกล่าวบอกแก่หัวหน้าของมันที่ยืนจ้องหน้าไป๋หลงอยู่

” หึ เจ้าแน่มากที่ออกมาตรงๆ ไม่ต้องให้ข้าเข้าไปตามตัวถึงข้างใน ” ชายชึดดำกล่าวขึ้นด้วยความหยิ่งยโสมาทางไป๋หลง

” ไม่เข้า หรือ เข้า ไม่ได้กันแน่ ทำเป็นพูด หึ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อชายชุดดำได้ยินเช่นนั้นก็โกรธขึ้นมาทันที ชายชุดดำระเบิดพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น8 ออกมาทันที หวังจะใช้แรงกดดันกับไป๋หลง ไป๋หลงแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนจะยิงใช้วิชา ดัชนีย์ทะลวงใจ ทันที แสงสีม่วงเจาะผ่านทะลุเกราะพลังที่คุ้มกันชายชุดดำที่เป็นหัวหน้า ชายชุดดำกระอักเลือดออกมาทันที เพราะตอนนี้หัวใจของมันโดนลำแสงสีม่วงเจาะทะลุหัวใจของมันแล้ว หน้าของมันขาวซีดก่อนจะล้มลง ตายโดยที่ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย ชายชุดดำทั้งหมดที่ได้เห็นก็อุทานกันออกมาว่า

ปีศาจ!!

เมื่อชายชุดดำเห็นหัวหน้าของพวกมันตายไปแล้ว พวกมันเตรียมจะหนีแต่ไป๋หลงไวกว่า ไป๋หลงนำกระบี่ออกมาก่อนจะไล่สังหารพวกมันทุกคนเป็นรายคน ชายชุดดำเหล่านี้พลังก็ไม่ได้ต่ำต้อย พวกมันทุกคนล้วนอยู่ระดับ นักรบที่แท้จริง แต่ที่พวกชายชุดดำไม่อาจตั้งตัวได้เพราะพวกนั้นสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้จนหมดสิ้นเพราะการสังหารอันป่าเถื่อน ของไป๋หลงทำให้พวกมันคิดแต่จะหนีอย่างเดียวแต่นั้นแหละคือสิ่งที่ไป๋หลงต้องการสังหารคนที่เป็นหัวหน้าจะสร้างความหวดกลัวแก่พวกมันทุกคน ไป๋หลง ไล่สังหารชายชุดดำจนเกือบหมดเหลือไว้แค่เพียงหนึ่งคนก่อนจะถามอะไรบางอย่างแก่ชายชุดดำ

“ใครส่งพวกเจ้ามา ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นะ นายน้อยมู่หลง ส่งพวกเรามาได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย ” ชายชุดดำกล่าวอ้อนวอนแก่ไป๋หลงแต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่

” ถ้าเจ้าคิดที่สังหารใครก็ควรเตรียมใจที่จะโดนสังหารไว้ด้วยเช่นกัน ตายซะ!! ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ใช้กระบี่ สังหารชายชุดดำคนสุดท้ายทัน เมื่อไป๋หลงเห็นชายชุดดำนอนตายอยู่เกลื่อนกลาด จึงใช้เปลวเพลิงทมิฬ ที่ได้มาจากผู้นำตระกูลชิน เปลวเพลิงสีดำนั้นลุกไหม้ชายชุดดำทั้งหมดอย่างเลือกเร็วเหลือไว้แต่เพียงขี้เถ้า ที่ไป๋หลงสามารณใช้ไฟทมิฬได้ โดยไม่ต้องใช้อายุขัยในการแลกเปลี่ยนเพราะไป๋หลงเข้าถึงการรู้แจ้งการใช้พลังของเปลวงเพลิงทมิฬ

ทำให้ไป๋หลงไม่ได้รับผลกระทบเมือนกับผู้นำตระกูลชินที่ใช้อายุขัยในการใช้พลัง

หลังจากไป๋หลงจัดการชายชุดดำจนหมดไป๋หลงก็ยกเลิกการใช้ค่ายกลทันที ไป๋หลงเดินเข้าไปในบ้านของอู้เฉียงอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปยังห้อง ของอู้หยา ไป๋หลงเดินมาถึงก็เห็น อู้เฉียงที่คุยกับแม่ของตนอย่างสนึกสนานทำให้ไป๋หลง พลอยยิ้มไปด้วย เมื่อไป๋หลงเดินเข้ามาอู้เฉียงแบะอู้หยาก็หันมามองไป๋หลงด้วยความแปลกใจทันที

” ไป๋หลงเจ้าไปไหนมา? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยสงสัย ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบแบบปัดๆ ไป

” ก็ไปทำธุระนะ ไม่ต้องสนใจว่าแต่หลังจากนี้ท่านจะเอายังไงต่อ ท่าน อู้หยา ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้หยาด้วยความเคารพ

” ไม่รู้สิ ข้าคงต้องไปหางานทำละนะ ข้าไม่อยากกลับเข้าไปในกองทัพแล้วข้าอยากใช้เวลาอยู่กับอู้เฉียงบุตรของข้าให้มากขึ้น ” อู้หยากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะดึงอู้เฉียงเข้าไปกอด เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นไป๋หลงก็เสนองานให้อู้หยาทันที

” ไม่ทราบว่าท่านอู้หยา ท่านทำอาหารเป็นรึเปล่า ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงคาดหวัง

” ก็พอได้อยู่ มีอะไรรึเปล่า ” อู้หยากล่าวตอบออกมาด้วยความแปลกใจ

” เยี่ยม พอดีที่คฤหาสน์ข้ากำลังขาดคนทำอาหารอยู่พอดีข้าอยากจะรับท่านมาทำงานที่คฤหาสน์ของข้าได้รึเปล่า อีกอย่างข้าสามารถฝึกสอน อู้เฉียงได้ตลอดไม่ต้องลำบาก ในหลายๆเรื่องเช่นการเดินทาง ” ไป๋หลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และคาดดหวัง

” ถ้าท่านไม่รังเกียจเกียจพวกข้า ข้าก็ยินดีที่จะทำงานในคฤหาสน์ของท่าน ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยความเคารพ

” รังเกียจอะไรกัน ข้าไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียว อีกอย่างอย่าเรียกข้าว่าท่านให้เรียกไป๋หลงเฉยๆ” ไป๋หลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

” ส่วนเจ้าอู้เฉียงเดี๋ยวพอเสร็จจากเรื่องนี้ ต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังเข้าใจไหม!! ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆทำให้อู้เฉียงถึงกับกุมขมับ ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้น ก็ กลั้นหัวเราะเอาไว้ อู้เฉียงหันหน้ามามอวไป๋หลงด้วยสายตาวิงวอน ว่า ช่วยข้าด้วยอะไรประมาณนี้ แต่ไป๋หลงทำเป็นไม่เห็นได้แต่กลั้นหัวเราะไว้ อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็จนปัณญาทันที

“ขอรับข้าจะเล่าทุกเรื่อง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสลด

“เอาละแล้ว ทะ ท่าน ไม่สิ ไป๋หลงแล้วเราจะเดินทางไปคฤหาสน์ของเจ้าวันไหนรึ ” อู้หยา กล่าวถามแก่ไป๋หลง ไป๋หลงสังเกตุการพูดเมื่อกี้ก็ได้แต่คิด เหมือนทั้งแม่ทั้งลูก เฮ้ออ

” วันนี้เลยก็ได้ข้าจะช่วยพวกท่านเก็บของแล้วออกจากที่แห่งนี้กัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็มีเสียงนึงดังขึ้น

เดี๋ยวก่อน!!

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท