เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่24 การทดสอบที่ตกตะลึง

ตอนที่24 การทดสอบที่ตกตะลึง

หลังจากไป๋หลงจัดการกับพวกที่มาหาเรื่องเขาและอู้เฉียงเสร็จก็ต่อแถวตามเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคนที่อยู่ใกล้ๆไป๋หลงได้แต่อยู่ห่างๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้ ทุกคนไม่อยากมีปัญหากับคนแบบนี้เด็ดขาด หลังจากเหตุการณ์สงบลง และ นายน้อยตระกูลอู้ ก็ ไปต่อแถวหลังสุดพร้อมกับความอับอายและโกรธแค้นต่อไป๋หลงและอู้เฉียงเป็นอย่างมาก

” ท่านพี่….ท่านว่าจิตสังหารระดับนั้นสุดยอดไปเลยนะ ขนาดในวังหลวงเองยังหาได้ยากทำไมเราไม่ดึงตัวเขาเข้าร่วมกับราชวงศ์ของเราล่ะ? ” หญิงสาวที่อยู่ในรถม้าที่ประดับไปด้วยทองและความหรูหรา กล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” อวี้…นี้เป็นครั้งแรกเลยน่ะที่เจ้าออกปากแบบนี้ด้วยตนเอง ข้าว่าเราดูไปอีกสีกพักยังไงๆ เราก็ได้เห็นฝีมือเขาแน่ๆในการประลอง ” ชายหนุ่มที่ดูแล้วหล่อเหลา ผมสีเงินดวงตาสีฟ้าครามดูแล้วช่วยเพิ่มบารมีให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ราวกับเทพเซียนลงมาจุติ

“ตามใจท่านพี่แล้วกัน ” หลังจากสิ้นเสียงของอวี้ผู้เป็นน้องสาวของตัวเอง ถังเทียนก็มองออกไปนอกรถม้าราวกับคิดอะไรบางอย่าง

ตอนนี้ไป๋หลงลงทะเบียนแล้วได้รับป้ายหมายเลขที่ใช้ระบุตัวในการประลอง หมายเลขของไป๋หลงคือ 1999 ส่วนอู้เฉียงนั้น หมายเลข 2000 ไป๋หลงและอู้เฉียงได้เดินดูรอบๆสนามทดสอบพร้อมกับอู้เฉียง สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่ไป๋หลงและอู้เฉียงด้วยสายตาที่เหยียดหยามแบะดูหมิ่นไว้ชัดเจนแต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่มีเพียง อู้เฉียงเท่านนั้นที่ทำทีไม่พอใจ จนไป๋หลงได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความที่อู้เฉียงเป็นคนที่มีความอดทนต่อเรื่องแบบนี้ต่ำ

” อู้เฉียงเจ้าอย่าไปสนใจ สงบเยือกเย็นเข้าไว้ยิ่งเจ้าแสดงอาการพวกนั้นยิ่งชอบใจเข้าใจไหม? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียง

” แต่ข้า… ” ไป๋หลงยกมือห้ามไว้ แล้วเอ่ยบางอย่างแก่อู้เฉียงทำให้อู้เฉียงตาลุกวาวในทันที

” หึๆ!! เจ้าเก็บความแค้นนี้ไว้แล้วค่อยจัดการสั่งสอนคนพวกนี้ในการประลองว่าอย่าดูคนแต่เพียงภายนอก ” ไป๋หลงกล่าวพลางหัวเราะอย่างชั่งร้ายในลำคำ อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็เชื่อไป๋หลงทันที

” เอาแบบที่เจ้าว่าก็ได้ไป๋หลง ” อู้เฉียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ไป๋หลงเห็นว่าอู้เฉียงสงบลงแล้ว ไป๋หลงก็เดินชมรอบๆ จนในที่สุดก็มีการประกาศจากเจ้าสำนักหมื่นกระบี่

” เอาล่ะ วันนี้ข้า….เจ้าสำนักหมื่นกระบี่มีความยินดีอย่างยิ่งที่มีคนมาสมัครเยอะมากมายถึงเพียงนี้ แต่ ยังไงๆ ข้าก็มิอาจรับพวกเจ้าได้หมดทุกคน เพราะปีนี้มีคนมาสมัคร2000กว่าคน แต่สำนักเรารับเพียงแค่ 300 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงแสดงศักยาภาพ และพลังที่พวกเจ้ามีออกมาทั้งหมด ข้ามีเรื่องที่จะบอกเพียงเท่านี้ ” เสียงที่ทรงพลังและฟังแล้วรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างชัดเจน หลังจากเจ้าสำนักพูดจบก็ ทุกคนในที่นี้ก็ต่างทำสีหน้าเคร่งเครียดส่วนบางคนก็ยิ้มแย้มเพราะมั่นใจในพลังของตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่แสดงความวิตกกังวลใดๆออกมา ไป๋หลงที่ได้ฟังแล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเช่นกัน ผิดกับอู้เฉียงที่สั่นเป็นเจ้าเข้า

” ปะ ไป๋หลง เขาบอกรับแค่300 ข้าจะไหวเหรอ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ

” เฮ้อ…เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้อย่าทำให้ท่านไท่ซู่ผิดหวัง ” ไป๋หลงกล่าวให้กำลังใจแก่อู้เฉียง

” ก็เจ้าเก่งกว่าข้า…เจ้าก็พูดได้สิ ” อู้เฉียงกล่างออกมาด้วยความเคืองเล็กน้อย

” เจ้าแข็งแกร่งไม่ต่างกับข้าหรอก จงตั้งใจและพยามให้ถึงที่สุด ว่าแต่ที่มือขวาหายรึยัง? ” ไป๋หลงบอกกล่วแก่อู้เฉียงและถามบาดแผลด้วยความเป็นห่วง

” ดีขึ้นแล้วล่ะ ” อู้เฉียงบอกกล่าวแก่ไป๋หลง

ผ่านไปสักพักผู้อาวุโสที่เป็นผู้คุมสอบครั้งนี้ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวาล แฝงไปด้วยความกดดัน

” การทดสอบบทแรกนั้นคือ นี้… ” ผู้อาวุโสคนที่เป็นผู้คุมสอบกล่าวจบก็มีหินศิลาสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นของสนาม เป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่ สูงประมาณ10 เมตร สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เข้าสอบเป็นอย่างมาก

” นี้คือศิลาทดสอบพลังเพียงเจ้าปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มพลังทั้งหมดของเจ้าเข้าไป มันก็จะบอกถึงระดับพลังของพวกเจ้าทันที!! ขอบอกไว้ก่อนว่าระดับพลังอย่างต่ำ ในการเข้าการทดสอบคือ นักรบจิตวิณญาณขั้น1ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนพวกที่ระดับยังไม่ถึงข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจด้วย” หลังจากผู้อาวุโสกล่าวจบก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น

” บัดซบ!!ข้าอีกแค่ขั้นเดียวก็จะเข้าขั้นนักรบจิตวิณญาณได้แล้วแท้ๆ ” เสียงคนที่มาสมัครผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความผิดหวัง

” ข้าก็เช่นกัน มันจบแล้วโถ่ว สวรรค์ใยท่านถึงไม่มีเมตตาต่อข้าบ้าง ”

เสียงของผู้คนที่ระดับไม่ถึงกล่าวขึ้นด้วยความผิดหวังตอนนี้ในสนามจาก2000 กว่าคน เหลือเพียงแค่1000 กว่าคยเท่านั้น ทำให้สนามสอบดูโล่งๆ ภึงจะมีจำนวนผู้เข้าเป็นพัน แต่สนามสอบนี้มีความกว้างขวางเป็นอย่างมาก เมื่อผู้อาวุโสเห็นผู้คนที่สมัครเข้ามาต่างกลับไปก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยการทดสอบขึ้น

” เอาล่ะพวกเจ้าที่เหลือ ขึ้นมา วัดระดับพลังเป็นรายคนซะ ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม ก่อนที่จะมีผู้อาวุโสมายืนคุมการวัดระดับพลัง เพื่อป้องกันการทุจจริตหรือโกง

” คนแรก หมิงหวาง ขึ้นมา ” ผู้อาวุโสที่มีหน้าที่คุมการสอบกล่าวขึ้น หมิงหวางขึ้นมาแล้รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วปล่อยหมัดใส่ศิลาตรงหน้าทันทีแต่กลับไม่มีเสียงกระทบต่อศิลาเกิดขึ้นทำให้คนที่ยืนดูอยู่ถึงกับงง และสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ผู้อาวุโสจะกล่าวอธิบาย

” พวกเจ้าคงสงสัยสิน่ะ ว่าทำไมมันถึงไม่เกิดเสียงขึ้นหลังจากปล่อยหมัดที่อัดแน่ไปด้วยพลังออกมาใส่ศิลาตรงหน้าเพราะพลังของพวกเจ้ายังอ่อนด้อยเกินไปซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ออย่างใด แต่ถ้าหากเกิดเสียงดังขึ้นก็แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องมีพลังเก่งกล้า และแข็งแกร่งอย่างแน่นอน หลังจากผู้อาวุโสกล่าวอธิบายจบก็ประกาศชื่อของหมิงหวางทันที

หมิงหวาง ระดับ นักรบจิตวิณญาณขั้น5 ผ่าน

หลังจากที่หมิงหวางทดสอบจบก็เดินลงมาทันที ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเรียกคนต่อๆไปจนมาถึง

” หมางเทียน ขึ้นมา ” หลังจากผู้อาวุโสประกาศชื่อ ก็มีเสียงฮือฮาขึ้น

” นั้นมันนายน้อยตระกูลใหญ่ ท่านหมางเทียนชั่งดูมีสง่าราศีนัก ” เสียงของคนที่มีสมัครสอบเอ่ยขึ้นด้วยความเทิดทูน และนับถือ

” ฮร้ายย!! ข้าอยากเป็นชายาของท่าน ” เสียงของเหล่าหญิงสาวกล่าวขึ้น ด้วยความหลงไหล

หลายคนต่างจ้องมิงด้วยความเทิดทูนและหลงไหลเพรา หมางเทียนดูนั้นมีผิวนวลขาวเส้นผมสีน้ำตาลใบหน้าคมคาย ทำให้ดูหล่อเหลาเอาการ

หมางเทียน ขึ้นไปบนแท่นก่อนจะรวบรวมปล่อยพล้งไว้ที่มือขวา ก่อนที่จะซัดพลังทั้งหมดไปจนเกิดเสียงขึ้นถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม

ตึง!!

ผู้อาวุโสที่เห็นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวลาแฝงไปด้วยพลังเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ที่นี้ได้ยิน

หมางเทียน ระดับพลัง นักรบหลอมรวมขั้นที่8!! ผ่าน

เสียงของกลุ่มคนที่ได้ยินก็อุทานออกมาว่า อัจฉริยะ บ้างก็เทิดทูน

” อัจฉริยะ โดยแท้ นับถือๆ ” เสียงของกลุ่มคนกล่าวขึ้น

” สมแล้ว ที่เป็นลูกของตระกูลใหญ่ ” เสียงอีกคนกล่าวเสริม ด้วยน้ำเสียงเทิดทูน

หมางเทียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อหมางเทียนลงเดินลงมา ผู้อาวุโสก็เรียกขานคนต่อไปทันที

คนต่อไป

” องค์ชาย ถังเทียน เชิญขึ้นมาวัดระดับพลังด้วยขอรับ ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมและเต็มไปด้วยความเคารพ องค์ชายถังเทียนเดินมา ก่อนจะก้มหัวให้ผู้อาวุโสเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ ก่อนจะเริ่มการทดสอบ ถังเทียนได้รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วปล่อยหมัดออกไป ใส่ศิลา ทันทีทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น

ตู้มม!!

เมื่อผู้อาวุโสตรวจระดับพลังก็ต้องตกตะลึงเพราะระดับพลังของ ถังเทียนคือ…

“อะ องค์ชาย ถังเทียน ระดับพลัง นักรบที่แท้จริงขั้น2 !!” ผ่าน

เสียงของผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึงเพราะในหมู่ผู้เยาว์ นั้นยากมากที่จะเจอคนที่มีระดับพลังเช่นนี้ สิ้นเสียง ประกาศของผู้อาวุโสก็เกิดการวิพากย์จิจารณ์ทันที

” สมแล้วที่ เป็น ถึงองค์ชายชั่งเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงโดยแท้ ” เสียงของคนที่กล่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคารพและยกย่อง

” อร้ายย!! องค์ชายเพค่ะ รับข้าไปเป็นชายาเถอะ ” เสียงของเหล่าหญิงสาวที่กรี้ดดังกว่าหมางเทียน ทำให้บางเทียนขุ่นเคืองใจเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

“องค์ชาย ถังเทียนแข็งแกร่งใช่เล่น โตขึ้นไปจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน ” ไป๋หลงที่เงียบมานาน ก็กล่าวออกมาด้วยความชื่นชมเช่นกัน อู้เฉียงก็คิดเหมือนไป๋หลงเช่นกัน หลังจากองค์ชายถังเทียนเดินลงมาผู้อาวุโสก็เรียกชื่อคนต่อไปทันที

คนต่อไป

” เอาล่ะ ไป๋หลงขึ้นมา ” ผู้อาวุโสกล่าวจบไป๋หลงก็เดินขึ้นมาทันที พร้อมกับใส่หู้ดที่ดูเก่าๆ ทำให้สายตาที่มองมายังไป๋หลงเต็มไปด้วยความดูถูก ยกเว้นถังเทียน และ ถังอวี้ ที่มองไป๋หลงด้วยความสับซ้อน ถังเทียนสามารถรับรู้ถึงบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากรอบตัวไป๋หลงได้

” ชายคนนี้แข็งแกร่ง!! ” ถังเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความแปลกใจจนบอกไม่ถูก ถังอวี้ที่เห็นท่านพี่ของตนกล่าวออกมาก็เริ่ม จะ สังเกตุไป๋หลงให้มากขึ้น

เสียงของคนที่ยืนดูอยู่ก็มีทั้งดูถูกและเหยียดหยาม อู้เฉียงตอนนี้กำหมัดไว้แน่นพยามสงบความโกรธเกรี้ยวเอาไว้

” เจ้าดูมันสิ คงจะเป็นขยะแน่ๆ ถ้าให้เดาพลังคงน่าจะต่ำสุดแล้วละมั้ง ฮ่าๆๆๆ ” เสียงกลุ่มคนที่ ดูถูกไป๋หลงด้วยความชอบใจ

” เจ้ารีบๆทดสอบให้จบแล้วไปวิ่งไปซบ อกของพ่อเจ้า ให้พ่อของเจ้าปลอบเถอะ ถ้าลูกเป็นขยะทั้งตระกูลคงเป็นขยะเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ ” เสียงของชายร่างสูงใหญ่กล่าวเสริมขึ้นมาด้วยความชอบใจ

ผู้อาวุโสที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพยามจะหยุดการกระทำแต่ต้องตกตะลึงเมื่อแววตาและกลิ่นอายพลังของไป๋หลงกำลังประทุออกมา

หุบปากไปซะ!! ถ้าเจ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่

ไป๋หลงกล่าวขึ้นน้ำเสียงเย็นชาดวงตาไร้ชีวิตชีวา กำลังหันหลังมามองคนที่พูดด่าว่าบิดาของตน เมื่อมันไป๋หลงมองกลับมาก็หลบตาทันที แต่มีหรือไป๋หลงจะไม่รู้ อู้เฉียงที่กำลังจะกล่าวห้าม แต่ไป๋หลงยกมือห้ามไว้

” ท่านผู้อาวุโสข้าต้องขอประทานโทษด้วยที่ทำกริยาเช่นนั้นออกไป ขอผู้อาวุโสโปรดอภัย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม ผิดกับคนละคนเมื่กี้โดยสิ้นเชิง ผู้อาวุโสที่เห็นการขอคมาก็ยิ้มให้

” เอาล่ะเชิญเจ้าทดสอบได้ เจ้าไม้ต้องกังวลหรอก คนเรายังฝึกฝนกันต่อได้ ” คำพูดที่พูดออกมาคล้ายเป็นการดูถูก แต่ไม่มีความดูถูกอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย ไป๋หลงก็ยิ้มให้เพราะรู้ถึงความหวังดีของและความหมายที่ผู้อาวุโสกล่าวออกมา ถ้าเป็นคนอื่นคงโวยวายแต่ไป๋หลงเพียงยิ้มให้

” งั้นข้าขอเริ่มการทดสอบเลยแล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็รวบรวมพลังทั้งหมดและความโกรธที่ข่มไว้เมื่อกี้ออกมา บรรยากาศเริ่มบิดเบี้ยว ผู้อาวุโส สามารถสัมผัสถึงพลังที่ไป๋หลงปล่อยออกมา สร้างความตกตะลึงให้กับผู้อาวุโสอย่างยิ่ง ไป๋หลงง้างหมัดขวาก่อนที่ปล่อยให้ใส่แท่นศิลา ผู้อาวุโสที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว กำลังจะกล่าวห้าม เพราะพลังที่ไป๋หลงรวบรวมไว้ที่มือขวานั้นมีมากเกินไป

” อย่า….” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหวไปทั่ว สำนัก หมื่นกระบี่

ตู้มมมมมมมมมม!!

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท