เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่34 ทรยศ

ตอนที่34 ทรยศ

ไป๋หลงนั้น ไม่ได้รู้ถึงความสำคัญของเหรียญตราที่ตนถืออยู่แม้แต่น้อยว่ามันมีความสำคัญและอำนาจของมันเพราะก่อนออกมาจากราชสำนัก องค์จักรพรรดิถังหน่านเหิงนั้นไม่ได้กล่าวบอกไป๋หลงแม้แต่น้อย เกี่ยวกับ เหรียญตรา ทองคำรูปมังกรสลักเอาไว้อย่างสวยงามเด่นสะดุดตา ไป๋หลงนั้นตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋หลงนั้นหาใช่คนโง่เขลา เมื่อ รับรู่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เก็บ เหรียญตราสีทองนี้เข้าแหวนมิติในทันที

เมื่อไป๋หลงเก็บเหรียญตราแห่งราชันเข้าแหวนมิติ ทุกคนที่อยู่และเห็นเหตุการณ์อยู่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืนหรือแม้แต่เงยหน้ามามองไป๋หลงก็ไม่มีใครกล้าสบตา ยิ่งเป็นพวกที่เคยดูถูกไป๋หลงไว้สั่นเทา ด้วยความหวาดกลัว

” ผู้เยาว์คนนี้เป็นใครเหตุใดถึงมีเหรียญตราแห่งราชันได้ ” ผู้อาวุโสที่มองดูสังเกตุการณ์อยู่ ในที่ห่างไกลกับโรงประมูลพอสมควร ซึ่ง ผู้อาวุโสท่านนี้นั้นใส่ชุดสีขาวล้วน ผมยาวสีขาวและหนวดเคราที่ดูยาวเฟื้อย แต่ดูแล้วเต็มไปด้วยผู้มีความรู้ความสามารถ ใบหน้าที่ ผ่องใส ซึ่งแน่นอน ไป๋หลงนั้นไม่สามารถรับรู้ได้แม้แต่น้อยด้วยความต่างของระดับพลังและฝีมือถึงแม้ไป๋หลงจะแข็งแกร่ง แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า

หลังจากผู้อาวุโสท่านนั้นกล่าวออกมาด้วยความสงสัยก่อนจะกลายเป็นแสงหายไปทันที หลิงหลุนสามารถรับรู้ได้ถึงการจับตามองแต่ไม่ได้บอกกล่าวไป๋หลง เพราะ ผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายแก่ไป๋หลง หลิงหลุนจึงปล่อยผ่านไป ไป๋หลงเมื่อเห็นว่าไม่มีคนเงยหน้าขึ้นมาหรือแม้แต่ยืนยังไม่มีไป๋หลงจึงกล่าวออกมาทันที

” เหตุใดพวกท่านจึงต้องคุกเข่าและก้มหน้าด้วย พอมีใครจะอธิบายข้าได้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย ผ่านมาสักระยะ ก็มีเสียงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียง ที่หวาดกลัวต่อไป๋หลง

” ระ เรียน ท่านผู้ยิ่งใหญ่!! เหรียญตราที่ท่านมีอยู่นั้น การที่จะมีได้จะต้องทำความชอบใหญ่หลวงแก่ทวีปจรัสแสง หรือไม่ก็เป็นบุคคลสำคัญขององค์จักรพรรดิ อีกอย่างก็คือ มีสิทธิที่จะออกคำสั่งแก่กองทัพครึ่งนึงของเมืองแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เหรียญตราชิ้นนี้นั้น เท่าที่ข้า ได้ทราบมา เหตุผลที่เหรียญตราที่ท่านครอบครองอยู่นั้น มีชื่อว่า เหรียญตราแห่งราชัน ” คนที่กล่าวบอกแก่ไป๋หลงนั้นก็คือ เหมยซาน นั้นเอง ที่ตอนแรกมีทีท่าไม่พอใจไป๋หลงแต่เมื่อไป๋หลงนำเหรียญตราแห่งราชันออกมา ก็แทบจะล้มทั้งยืนเพราะเหตุผลบางอย่าง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

” ทำไมเหรียญตราที่ข้ามี ถึงมีชื่อว่าเหรียญตราแห่งราชันโปรดบอกกล่าวแก่ข้าด้วย ”

เมื่อแม่ทัพเหมยซานได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายทันที

” เพราะว่า เหรียญตราแห่งราชันนั้นว่ากันว่ามีพลังบางอย่างแฝงอยู่ที่สามารถ บังคับหรือสั่งการสิ่งใดก็ได้แล้วแต่ใจปราถหนา แต่ต้องเป็นผู้ที่ เคยลงสัณญาเลือดไว้กับ เหรียญชิ้นนั้น ถ้าคิดทรยศแก่ผู้ที่ถือครองเหรียญตราที่ตนทำพันธะสัณญาด้วยร่างกายก็จะระเบิดออกในทันที นั้นเป็นเพียงแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งเท่าที่ข้าได้รู้มา อีกอย่าง ข้าก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำพันธะสัณญา เลือดกับเหรียญตราที่ท่านถือครองอยู่ นั้นจึง เป็นที่มาของชื่อเหรียญตราแห่งราชัน นี้เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่นี้ ”

เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ทำไม องค์จักรพรรดิ ถึงมอบของสำคัญแบบนี้ให้ เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็บอกกล่าวแก่เหมยซานทันที

” ขอบใจท่านมาก ข้าเข้าใจแล้ว ” ไป๋หลงกล่าวแก่เหมยซานด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเหมยซานได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบรับด้วยความเกรงกลัว ไป๋หลงเดินไปหาทหารที่เคยถามหาหลักฐานจากไป๋หลง เมื่อมันรู้ว่าไป๋หลงเดินมาหามันตัวมันก็สั่นและหวาดกลัวไป๋หลงจับขั้วหัวใจ ในที่สุดไป๋หลงก็เดินมาถึงตัวมันที่นั่งก้มหน้าแนบติดกับพื้น

” หลักฐาน เจ้าคงจะเห็นแล้วสินะ..ว่าไง จะถามหาอย่างอื่นอีกรึเปล่าล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความเย็นชา เมื่อมันได้ยินไป๋หลงก็ตอบกลับออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างแท้จริงข

” ขะ ข้า ขอภอัยเป็นอย่างสูงข้ามีตาหามีแววไม่ !! โปรดท่านให้อภัยข้าด้วย ”

เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรเพียงแค่กล่าวบางอย่างออกมาเท่านั้น

” ข้าจะไม่ถือโทษ เจ้าหรอกนะ แต่จงจำไว้ อย่าให้พรรคพวกของเจ้ามามอง คนของข้าด้วยสายตาแบบนั้นอีก มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่่อนจะเดินตรงไปที่เอลฟ์สาวแล้วพยุงตัวขึ้น

” เจ้าไม่ต้องทำแบบนี้ข้าไม่ชอบ อีกอย่างพวกท่านทุกคนจะคุกเข่าไปจนถึงเมื่อไหร่ เงยหน้าแล้วลุกขึ้นได้แล้ว ” ไป๋หลงบอกกล่าว แก่ทุกคนในที่นี้ ตอนนี้ผู้ติดตามของซานอี้นั้น รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็แทบจะมุดหน้าลงดิน ไม่อยากที่จะมองหน้าไป๋หลงด้วยซำ ไม่ต่างจากซานอี้ที่ตอนนี้รู้สึกสงสัยในตัวไป๋หลงเป็นอย่างมากในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด

” เจ้าเป็นใครกันแน่ ”

” มาจากที่ใดกัน ”

ซานอี้ได้แต่เก็บความสงสัยต่างๆเอาไว้ในใจ หวังว่าสักวันคงมีโอกาศได้ถามเหล่านี้กับไป๋หลง

” แย่แล้วจะค่ำแล้วข้าไปงานเลี้ยงก่อนละ อ้อ อีกอย่าง พี่สาวพิธีกร ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะดูแลนางเองไว้ใจข้าได้เลย ” ไป๋หลงกล่าวจบก็จับมือเอลฟ์สาวและทะยานร่างไปบน นภาในที่สุด ทิ้งไว้ให้พิธีกรสาวอึ้งเล็กน้อย

” เขารู้ได้ไง ชั่งเป็นเด็กที่แสบซะจิงๆหึ…เจ้าเด็กแก่แดด ข้าขอฝากปิงปิงเพื่อนข้าด้วยล่ะ ” พิธีกรสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจ ก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ปกติของตัวเองในทันที

” เอาล่ะ เจ้าค่ะ ใครที่ได้ประมูลสินค้าเอาไว้ โปรดมาจ่ายเงินแล้วรับของที่ท่านประมูลไว้ด้วยก่อนที่ท่าจะโดนตัดสิทธิ ” พิธีกรสาวกล่าวราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่คนที่ได้ประมูลสินค้าไว้จะมารับสินค้าของตน สิ่งที่ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ได้ยินและได้เห็นในวันนี้ จะต้องจดจำขึ้นใจ ว่า อย่ามีเรื่องกับ คนที่ชื่อ ไป๋หลงเป็นอันขาด

แม่ทัพเหมยซานก็สั่งถอยทัพในทันทีพร้อมกับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับองค์จักรพรรดิได้ทราบนวันรุ่งขึ้น

” เฮ้อ..นึกว่าจะไม่ทันสะแล้ว เสียเวลาอธิบายตั้งเยอะกว่าจะพาเจ้าเข้ามาได้ เจ้าอยู่ในห้องของข้าก่อนก็แล้วกันคืนนี้และก็นี้เสื้อผ้าของเจ้าเปลี่ยนสะด้วย อย่าออกไปไหนล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวกำชับแก่เอลฟ์สาว เมื่อเอลฟ์สาวได้ยินเช่นนั้นหน้าแดงเล็กน้อย ก็พยักหน้าให้ไป๋หลงในทันที ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าออกไป๋หลงเมื่อเห็นเช่นนั้นกำลังจะกล่าวห้ามทันใดนั้น

ก็อกๆๆๆ!!

เสียงเคาะประตูหน้าห้องไป๋หลงก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงอันคุ้นเคย

” ไป๋หลงข้าเข้าไปน่ะ ” เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบกลับออกมาทันที

” เดี๋ยวอย่าพึ่งเข้า…. ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบ อู้เฉียงก็เข้ามาในห้องไป๋หลง เมื่ออู้เฉียงเห็นเอลฟ์สาวกำลังถอดเสื้อ กับไป๋หลงที่นั่งบนเตียงก็หน้าแดงทันที

” ขะ ข้า ขอตัวเข้าไปในงานก่อนล่ะ เจ้าก็รีบๆด้วยละข้าไปล่ะ ” อู้เฉียงกล่าวจบก็ปิดประตู ออกจากห้องของไป๋หลงในทันที

” เดี๋ยวก่อนเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้วอู้เฉียงข้าไม่ใช่คนแบบนั้น ” ไป๋หลงกล่าวออกมา แต่อู้เฉียงนั้น ออกจากห้องไปแล้ว ไป๋หลงได้แต่หันมามองหน้า เอลฟ์สาวก่อนจะกล่าวบางอย่างออกมา

” ที่บ้านเจ้า…เขาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่ไหนก็ได้รึไง..เฮ้อ ” ไป๋หลงถามแก่เอลฟ์สาวด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ

” ใช่แล้วล่ะ…หรือว่าเจ้า ” เอลฟ์สาวกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย

” หรือว่าอะร? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่เอลฟ์สาว

” เจ้ายังบริสุทธิ์อยู๋ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะสอนเจ้าเอง ” เอลฟ์สาวกล่าวพลางเดินเข้ามาหาไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้น และ เอลฟ์สาวที่กำลังเดินเข้ามา แต่หน้าแปลก ที่ไป๋หลงนั้นไม่สามารถ ขยับร่างกายได้

” ทำไมข้าขยับร่างกายไม่ได้ หรือ เป็นฝีมือของเจ้า ” ไป๋หลงพยามใช้ทุกวิถีทางแต่ไม่อาจขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย

” ใช่รึเปล่าน่ะ…ตอนที่เจ้าสู้กับข้าแล้วจัดการกับทหารพวกนั้น มันชั่งแตกต่างกันยิ่งนัก ตอนนั้น เจ้าทั้งสุขุมและเยือกเย็น แต่ตอนนี้เล่า เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไร้ทางสู้ ไม่ต้องกลัวหรอก ข้าสัณญาว่ามันจะไม่เจ็บ ”

ไป๋หลงทำอะไรได้เลยในตอนนี้ ในที่สุดไป๋หลงก็ ขอความช่วยเหลือจากหลิงหลุน

” หลิงหลุนช่วยข้าด้วย!! ” ไป๋หลงกล่าวขอความช่วยเหลือแต่คำตอบที่ได้นั้นราวกับมีฟ้าผ่ามาใส่ตัวโดยตรง

” นายท่าน….เกรงว่าเรื่องนี้ข้าจะช่วยไม่ได้ นี้จะทำให้นายท่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ” หลิงหลุน กล่าวออกมา เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที

” บัดซบ..หลิงหลุนเจ้าทรยศ ข้าจะจำเรื่องครั้งนี้ไว้ มันจะไม่จบลงด้วยดีแน่นอน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะนึกถึงอีกคนนึงซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของตน

” ท่านอาจารย์ ช่วยข้าด้วย ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นในจิตใจ แต่คำตอบที่ได้ทำให้ใบหน้าไป๋หลงนั้นบิดเบี้ยวเป็นอย่างยิ่ง

” เรื่องของเจ้า ไม่ใช่เรื่องของข้าสักหน่อย บอกแล้วว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าเรียกข้า…ข้าไปล่ะ อย่าเรียกอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ”

หลังจากไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ

” โอ๋ๆ..ไม่ร้องนะเดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะปลอบเจ้าเอง ” เอลฟ์สาวกล่าวจบก็เข้ามากอดไป๋หลงในทันที

” เจ้านี้กลิ่นหอมกว่าที่คิดนะไป๋หลง ” เอลฟ์สาวกล่าวจบก็กัดที่คอของไป๋หลงในทันที

ม่ายยยยยยยยยยยย!!!!!

ไป๋หลงส่งเสียงร้องออกมาแต่นั้นกลับสร้างความตื่นเต้นให้กับเอลฟ์สาวอย่างแปลกประหลาด

ทางด้านโรงประมูล

“อ้ะ..แย่ละสิลืมเตือนไป๋หลงไปเลยว่าพอตกค่ำนิสัยของปิงปิงจะเปลี่ยนไปเป็นอารมณ์ที่มุ่งในตัณหาราคะกับพละกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ไป๋หลงคงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ก็เจ้าเด็กนั้นมีฝีมือซะขนาดนั้นคงจะไม่พลาดท่าง่ายๆ … ทำงานต่อดีกว่า ” เสียงของสาวงามที่อายุราวๆ18-19ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรสาวในงานประมูลบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเคลียเอกสารที่อยู่บนโต๊ะต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนกำลังเดือดร้อน เพราะตัวเอง

จบ.

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท