เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่31 ข้าเหรอ?

ตอนที่31 ข้าเหรอ?

หลังจากคนในงานประมูลได้ยินเอลฟ์ ตนนี้พูดขึ้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลายๆคน

” ปากดีไปเถอะ ยังไงเจ้าต้องเป็นของข้าผู้นี้ ข้าจะดัดนิสัยของเจ้าเอง ฮ่าๆ ” เสียงของชายวัยกลางคนที่มาเข้าร่วมงานประมูลกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ขณะนั้นเอง พิธีกรสาวก็กล่าวบางอย่างขึ้น

” ต้องขอประทานโทษแขกทุกท่านด้วยน่ะค่ะ…ทางเราลืมแจ้งไปว่าสินค้าสุดท้ายนั้นนอกจากการใช้เงินนั้นจะใช้การประลองในการตัดสิน การประลองนั้นไม่ใช่การประลองกันเองแต่เป็นการประลองกับเอลฟ์ ตนนี้เท่านั้น จะใช้เงินในการซื้อ หรือ จะใช้การประลองในการตัดสิน ทุกท่านในที่นี้ต้องร่วมลงความคิดเห็นด้วยการยกมือขึ้น ถ้า ฝ่ายไหนมีจำนวนการโหวตมากกว่าทางเราจะใช้ เกณฑ์ นั้นในการตัดสิน เอาล่ะ ค่ะ เชิญทุกท่านยกมือขึ้นสำหรับ การที่จะใช้เงินในการประมูล ”

หลังจากพิธีกรสาวกล่าวจบถึงบางคนจะงุนงง แต่ก็ทำความเข้าใจกับสถาณการณ์อย่างรวดเร็วก่อนจะมีคนยกมือขึ้นซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยเป็นอย่างมาก เพราะ มีหรือ คนที่อยากจะเสียเงินเป็นจำนวนมาก

” เอาล่ะค่ะ จากที่ข้านั้นได้สำรวจดูแล้วนั้น ผลสรุปเป็นใช้การประลองในการตัดสินนะเจ้าค่ะ โปรดรอสักครู่ทางเรากำลังจัดเตรียมสถานที่ประลองอยู่ อีกอย่าง เรื่องที่ข้าจะบอกต่อจากนี้สำคัญมาก ใครก็ตามที่เข้ามาประลองแล้วทางเราจะไม่รับประกันชีวิตของคนๆนั้น!! ”

พิธีกรสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างกับคนละคนเมื่อกี้ลิบลับ เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วย ความ เย็นชา และน่าหวาดหวั่นทำให้คนที่ได้ยินและเห็น นั้นต้องตกตะลึง ทางด้าน ไป๋หลงนั้นสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ผ่านไปสักพักสนามประลองก็ถูกจัดเตรียม ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มันจะแลกตรงที่เป็นกรงขัง คล้ายกับกรงนก ทำให้ผู้ ที่เข้ามาประมูลนั้น แปลกใจไม่น้อย

” ทุกท่านคงจะสงสัยสิน่ะค่ะ การที่เราทำสนามประลองแบบนี้ เพราะ ทางเราไม่อยากให็เอลฟ์ตนนี้ ออกไปได้ เพราะถ้านางออกไปได้คงจะเป็นเรื่องแน่ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะทำการประลองนั้น จะต้องเข้า ไปทางประตูนี้เท่านั้น ” พิธีกรสาวกลับมาใช้น้ำเสียงปกติอีกครั้งทำให้คนที่ฟังอยู่รู้สึกสับสน อยู่บ้าง

” การประลองนั้นง่ายมากไม่มีกฎตายตัว ทำให้คู่ต่อสู้หมดสภาพ หรือ ให้อีกฝ่ายกล่าวยอมแพ้หรือทำให้อีกฝ่ายยอมรับ กฎก็มีเพียงเท่านี้ อีกอย่างนางจะเป็นคนเลือกคู่ต่อสู้เองเท่านั้น ” หลังจากพิธีกรสาวกล่าวจบ ก็ เกิดเสียงที่พึงพอใจรอบด้านแต่หารู้ไหมว่า คนที่ถูกเลือกนั้นชั่งนาสงสารยิ่งนัก เมื่อพิธีกรสาวเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าว ผ่านโทรจิต กับเอลฟ์ตนนั้น

” เอาล่ะ ถึงทีของเจ้าแล้ว จงเลือกผู้เหมาะสมคนที่มาเป็นนายของเจ้าซะ และก็อีกอย่างเจ้าสามารถสังหารพวกมันได้ทันที ที่พวกมันเข้ามาในสนามประลอง ”

” ขอบใจเจ้ามาก “์ ทันทีที่เอลฟ์ตนนั้นได้ยินก็กล่าวตอบออกไปด้วยความปิติ

หลังจากที่พิธีกรสาวมองสำรวจรอบๆแล้วก็กล่าวออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงปกติเช่นเดิม

” เอาล่ะ เจ้าจะเลือกใครให้ขึ้นมาประลองกับใช้เป็นคนแรก ” พิธีกรสาวกล่าวถามแก่เอลฟ์ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ

ตอนนี้ทั้งสนามประลองต่างหวังให้เป็นตนเองทั้งนั้นขณะนั้นเองเอลฟ์ตนนั้นนางได้ชี้นิ้วมาที่ชายวัยกลางคนที่เคยกล่าวไว้ว่าจะเป็นคนสั่งสอนนาง..ส่วนชายวัยกลางคนที่เห็นเอลฟ์ตนนั้นชี้มาทางตนก็เกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

” ฮ่าๆๆ!! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรนหาที่เช่นนี้แต่เอาเถอะ ข้าจะไม่ทำให้ใบหน้าสวยๆของเจ้าต้องเป็นรอย แค่เพียงจะเล่นกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฮ่าๆ ” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างขบขัน ราวกับว่ามันนั้นเป็นผู้ชนะแล้วก็ไม่ปาน แต่หารู้ไหมว่า การหัวเราะนั้นจะเป็นการหัวเราะครั้งสุดท้ายของมัน

ตอนนี้ทางด้านไป๋หลงได้แต่สงสัยว่า พิธีกรสาวกับเอลฟ์ตนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เพราะตนนั้นได้แอบสังเกตุพฤษติกรรม ของพิธีกรสาวในช่วงเวลาหนึ่ง จนอดแปลกใจไม่ได้ จึงกล่าวถามหลิงหลุนทันที

” หลิงหลุน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างเกี่ยวกับท่าทางของเอลฟ์ตนนั้นและพิธีกรสาวสวยคนนั้น ข้าว่าทั้งสองคงต้องมีความเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อยเป็นแน่ ” ไป๋หลงกล่าวอธิบายแก่ หลิงหลุนผ่านโทรจิต เมื่อหลิงหลุนได้ยินผู้เป็นนายกล่าวถาม ก็ ตอบออกมาดวยความเคารพทันที

” เรียนนายท่าน ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่การ กระทำของพวกนางนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ ” หลุงหลนกล่าวตอบแก่ไป๋หลง

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เลิกสนใจและหันมามองดูการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น

” เอาล่ะ ท่านต้องการนำอาวุธขึ้นไปหรือไม่? ” พิธีกรสาวกล่าวถามชายวัยกลางคนที่กำลังจะขึ้นประลอง เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นได้แต่ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโส

” หึ!! ไม่จำเป็นกะอีแค่เอลฟ์ ที่สภาพไม่เต็มร้อย อาวุธไม่จำเป็น แค่กระบวนท่าเดียว เอลฟ์ ตนนั้นจะตกเป็นของข้า ”

หลังจากชายวัยกลางคนกล่าวจบก็ขึ้นไปบนลานประลอง พิธีกรสาวได้แต่แสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ตอนนี้คนในงานประมูลทั้งหมด ต่างจับจ้องอยู่ที่ลานประลองเป็นสายตาเดียว

” ข้าว่าเจ้านั้นต้องชนะแน่ๆ ชั่งโชคดียิ่งนักข้าล่ะ เสียดาย เฮ้อ… ” เสียงของคนที่นั่งดูอยู่กล่าวขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่าย

” มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะพี่ชาย ” เสียงนี้ดึงดูดสายตาคนที่นั่งอยู่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เพราะคนที่กล่าวออกมา ใส่ฮู้ดเก่าๆ ที่ประมูลไข่มังกรไปในราคาสูงลิ่ว นั้นก็คือไป๋หลงนั้นเอง ที่กล่าวออกมาด้วยท่าทีเรียบๆ ราวกับไม่ได้สนใจการประลองตรงหน้า

” เจ้าแน่ใจได้อย่างไร?ไม่มีอะไรมารับประกันสักหน่อยว่าเอลฟ์นางนั้นจะชนะ ” เสียงนี้ก็คือเสียง คุณหนูตระกูลซาน ที่เผลอกล่าวออกมาด้วยความสงสัย เพราะอยากรู้ว่าทำไมไป๋หลงถึงคิดเช่นนั้น

เมื่อไป๋หลงได้ยินคุณหนูตระกูลซานที่นั่งใกล้ๆกล่าวถามก็กล่าวตอบออกมาทันที

” ข้า ขอทราบชื่อเจ้าได้หรือไม่ ข้าชื่อไป๋หลง ไม่ทราบว่าเจ้าชื่อ ” ไป๋หลงแนะนำตัวก่อนจะกล่าวถามคุณหนูตระกูลซานที่นั่งใกล้ๆกัน

” ข้าชื่อ ซานอี้ ” ซานอี้กล่าวบอกชื่อแก่ไป๋หลง ซานอี้หลังจากได้ยินชื่อไป๋หลงก็รู้สึกเหมือน เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

” ข้าถามอีกครั้งทำไมเจ้าคิดว่าเอลฟ์ตนนั้นจะชนะ ” ซานอี้ถามซ้ำอีกครั้ง

” คนที่ประมาทคู่ต่อสู้ก็เท่ากับตายไปแล้ว คนที่หลงในพลังของตัวเอง คิดว่าตนเองแข็งแกร่งอยู่เสมอ นั้นก็คือคนที่ตายไปแล้วในการต่อสู้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบและแฝงไปด้วยความเย็นชาในคำพูด หลังจากซานอี้ได้ยินดังนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที

” แนวคิดของเจ้าน่าสนใจ ข้าจะรอดู ” ซานอี้กล่าวออกมาจบ ก็หันไปหน้าไปมองที่ลานประลองแล้วสังเกตุว่า สิ่งที่ไป๋หลงพูดออกมานั้นจริงแท้แค่ไหน

กลับมาที่ลานประลอง

ตอนนี้ชายวัยกลางคนนั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าของเอลฟ์ตนนั้นเรียบร้อย พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

” ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้ซะ ข้าไม่อยากทำให้ใบหน้าสวยๆของเจ้าต้องเป็นรอย ฮ่าๆๆ” หลังจากชายวัยกลางคนกล่าวจบ เอลฟ์ ตนนั้นก็นิ่งเงียบไม่กล่าวอไรออกมา เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้น ก็กล่าวเริ่มการประลองทันที

การประลองเริ่มได้!!

หลังจากพิธีกรสาวกล่าวเริ่มการประลอง เอลฟ์ตนนั้นก็ลุกขึ้นทันที พร้อมกับแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติ ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับขนลุก

” เจ้าคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ..ชั่งเถอะ ยังไงข้าก็สนใจแค่… ” ชายวัยกลางคนกล่าวไม่ทันจบก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาบีบคอของตนด้วยพละกำลังที่มหาศาล

” พูดมากซะจริงน่ะเจ้าทำให้ข้าสนุกกว่านี้หน่อยสิ ฮิฮิฮิ!!! ” เอลฟ์สาวตนนั้นกล่าวออกมาพลางหัวเราะทำให้คนที่เห็นตกตะลึงไปตามๆกัน

” อึก..นะ นี้เจ้าบัดซบ!! ” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาลพลางกำลังพยามดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากสถาณการณ์ตอนนี้

” เห๋..เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้น่ะ อาวุธก็ไม่ยอมนำขึ้นมา รับหมัดของข้าไปหน่อยก็แล้วกัน ” เอลฟ์ สาวตนนั้นง้างหมัดใส่พลังของตนเข้าไปแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าของชายวัยกลางคน จนเกิดเสียงดังคล้ายกับเสียงระเบิดดังขึ้น

ตู้มม!!!

หลังจากกลุ่มควันหายไปก็ปรากฎชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่แต่สภาพไร้หัวทำให้คนที่มองดูอยู่ถึงกับแข็งค้างด้วยความตกตะลึง ใครจะคิดละว่า ชายวัยกลางคนคนนั้นจะโดนสังหารเพียงแค่หมัดอย่างเดียว

” อ้ะ..แย่ละสิสงสัยข้าใส่แรงเยอะไปหน่อยไม่คิดเลยว่ามนุษย์ จะบอบบางเช่นนี้ เฮ้ออ..”

เสียงของเอลฟ์ตนนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

” นะ นี้มันถึงกับสังหารคนตายเลยรึปีศาจชัดๆ!! มันจะไม่มากไปหน่อยรึไง ” เสียงของคนที่เข้าร่วมประมูลด้วยกล่าวขึ้นด้วยความกล้าๆกลัว

เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความเย็นชาทันที

” ก็ทางเราบอกไปชัดแล้วนี้ว่า ทางเราจะไม่รับประกันชีวิตของพวกท่าน ใครที่ไม่อยากก็เชิญออกไปได้เลย เพราะนี้คือ กฏ ”

หลังจากพิธีกรสาวอธิบายจบ ทั้งโรงประมูลก็ต่างเงียบสงัด ก่อนจะมีผู้คนทะยอยออกไปเรื่อยๆ เพราะ ใครเล่าอยากจะโดนเลือกโดยสัตว์ประหลาดหน้าสวยแบบนี้

” ข้าไม่ขออยู่ด้วยหรอก ใครอยากจะสู้กับปีศาจเช่นนี้กัน ”

” ใช่ๆ พวกเจ้าทุกคนมันบ้ามากที่ทำแบบนี้ ”

เสียงของที่ทะยอยกลับกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอ

” ข้าบอกเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่ซานอี้

” ก็ตามที่เจ้าว่านั้นแหละ ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่ออกไปกับพวกนั้นด้วยรึ? ” ซานอี้กล่าวถามแก่ไป๋หลง

” ว่าแต่ข้าแล้วเจ้าล่ะซานอี้ทำไมไม่ออกไปกับคนพวกนั้นหละ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ซานอี้ ผู้ที่ติดตามซานอี้มาด้วยถึงจะไม่พอใจไป๋หลง แต่เมื่อนึกถึงตอนโดนจิตสังหารระดับนั้นทำให้มันไม่อยากหาเรื่องไป๋หลง

ขณะนั้นเอง ที่ทุกคนกำลังทะยอยกลับเสียงเอลฟ์ตนนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ไป๋หลงที่กำลังพูดคุยกับซานอี้อยู่

ข้าเลือกเจ้า!!

เมื่อเอลฟ์ตนนั้นกล่าวจบ ทุกสายตาก็หันมามองไป๋หลง ไป๋หลงอดแปลกใจไม่ได้ทำไมเอลฟ์ตนนี้ต้องเลือกตน ก่อนไป๋หลงจะเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง

ข้าเหรอ?

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท