เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่28 ตื่นขึ้นจากการหลับไหล

ตอนที่28 ตื่นขึ้นจากการหลับไหล

ณ.ราชสำนักอาณาจักร จรัสแสง

” นี้ๆข้าได้ยินมาว่ามีผู้อัญเชิญสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ มาเป็นอสูรในพันธะสัณญาด้วยนั้นเป็นความจริงหรือ? ” เสียงทหารองค์รักษ์ที่คอยดูแลรักษาความปลอดถัยภายในราชสำนักกล่าวขึ้น

” ข้าก็ได้ยินเช่นนั้น นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ยิ่งนักที่สามารถทำพันธะสัณญากับสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่… ” เสียงของทหารองค์รักษ์อีกคนกล่าวข้างไว้

” แต่อะไรเล่าบอกข้ามาซิ ข้าอยากรู้ ” ทหารองค์รักษ์อีกคนกล่าวออกมาด้วยความใคร่รู้

” แต่จะควบคุมให้ทำตามคำสั่งนั้นเล่า ข้าเกรงว่าอาจจะมีปัญหาก็เป็นได้ ดูอย่างสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ของท่านจักรพรรดิถังหน่านเหิงสิ ยังไม่ยอมก้มหัวให้กับท่านเลย เพียงแค่บอกให้ทำสั่งนั้นยากยิ่งนักถ้าไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน ” ทหารองค์รักษ์ กล่าวอธิบายออกมา

” อาจจะ เป็นอย่างที่เจ้าว่า หลังจากท่านแม่ทัพกลับมารายงานเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ภายในราชสำนักทันที ตอนนี้ท่านแม่ทัพนำราชโองการจากท่านจักรพรรดิ ไปเรียนเชิญ คนที่เรียกสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ มาแล้วอีกไม่นานคงจะมาถึง ”

ตัดมาทางไป๋หลง

” ท่านแม่ทัพ อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงราชสำนักหรือ? ” ไป๋หลงถามออกมาด้วยความใคร่รู้ เมื่อท่านแม่ทัพเห็นเช่นนั้น ก็กล่าวบอกแก่ไป๋หลงทันที โดยที่อู้เฉียงนั่งฟังอยู่ใกล้ๆกับไป๋หลง

” อีกไม่นานแล้วล่ะ ” ท่านแม่ทัพกล่าวขึ้น

” ท่านแม่ทัพทำไมพวกเราถึงได้รับราชโองการให้ไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความใคร่รู้

” นี้เจ้าไม่รู้เลยเหรอว่าเจ้าเรียกสิ่งใดออกมา สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่ใครๆก็เรียกออกมาได้แต่ต้องมีความสามารถและพรสวรรค์ทางสายเลือด ยกตัวอย่างเช่น องค์จักรพรรดิถังหน่านเหิงที่พวกเจ้ากำลังจะไปเข้าเฝ้านั้น มีสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธะสัณญาก็จริง แต่จะควบคุมให้เชื่อฟังคำสั่งนั้นยากมาก สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นที่ต้องการของทุกทวีป ถ้าข่าวนี้แพร่งพรายออกไปรับลองว่าได้เกิดสงคราแย่งชิงตัวเจ้าแน่!! ” แม่ทัพกล่าวออกมาด้วยความไม่สบายใจ

หลังจากไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตระหนักในเรื่องนี้ทันทีถ้าไม่จวนตัวหรืออยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตจริงๆจะไม่เรียกหลิงหลุนออกมาเด็ดขาด ส่วนอู้เฉียงที่ได้อยู่ก็ รู้สึกว่าปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นแน่ถ้าซี้ซั้วเรียก นกฟีนิกซ์เพลิงอัมตะออกมา

” เอาล่ะใกล้จะถึงแล้ว ” เมื่อท่านแม่ทัพย์กล่าวจบไป๋หลงก็บอกหลิงหลุนทันที

” หลิง หลุนเข้ามาในตัวข้าได้หรือไม่เหมือนที่ ฟีนิกซ์ทำกับอู้เฉียง ” ไป๋หลงกล่าวถามหลิงหลุนที่นอนอยู่บนหัวของตน

” ได้แน่นอน นายท่าน ” หลิงหลุนกล่าวจบก็กลายเป็นแสงสีขาวเข้ามาในตัวไป๋หลงทัน

” เดี๋ยวก่อน!! เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ฟีนิกซ์ ใช่ไหม ”

เสียงนี้เป็นเสียงของท่านแม่ทัพที่ได้ยินไป๋หลงคุยกับหลิงหลุน สาเหตุที่แม่ทัพไม่รู้เรื่องนี้เพราะก่อนแม่ทัพจะมาถึงเหตุการณ์ทั้งหมดก็จบลงเรียบร้อยเพียงสัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาลเท่านั้นจึงคิดว่าเป็นพยักฆ์ขาวของไป๋หลงนี้เป็นสาเหตุที่ แม่ทัพคนนี้ไม่รู้ว่าอู้เฉียงนั้นสามารถเรียกสัตว์เทพอสูรออกมาได้อีกคน

” ใช่แล้วท่านแม่ทัพ สหายข้าสามารถเรียก นกฟีนิกซ์ออกมาได้ ถึงจะยังไม่เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ก็เถอะ ” เมื่อไป๋หลวกล่าวจบก็หันมามองอู้เฉียงด้วยความตกตะลึงจนไม่อาจรักษาความเป็นแม่ทัพไว้ได้อีก เมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นได้

อู้เฉียงเห็นท่านแม่ทัพมองมาก็กล่าวอธิบายทันที

” เป็นอย่างที่ไป๋หลงพูด แต่ข้ายังไม่รู้เลยว่าบททดสอบที่ฟีนิกซ์ให้นั้นเป็นแบบไหน ” อู้เฉียงกล่าวออกมาพลางเกาหัวเล็กน้อย ตอนนี้แม่ทัพได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัว

บ้าน่า!! ผู้เยาว์สองคนนี้เป็นใครกันแน่ภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน อีกอย่างถ้าผู้เยาว์สองคนนี้จะต้องเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของทวีปจรัสแสงเป็นแน่แต่ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงพวกอาณาจักรหรือทวีปใกล้เคียง ทวีปจรัสแสงคงลุกเป็นไฟแน่

“เอาล่ะเรื่องนี้ เจ้าห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเจ้าครอบครองสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์!! มิเช่นพวกเจ้าจะมีอันตราย ” แม่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงเค่งขรึมทำให้ไป๋หลงและอู้เฉียงตอบรับพร้อมกันทันที

” ขอรับ ”

” ขอรับ ”

” ข้าเกือบลืมไป ข้าชื่อ ไคเฉินเป็น แม่ทัพทิศเหนือ ” ไคเฉินกล่าวบอกชื่อของตนออกมา ไป๋หลงและอู้เฉียงต่างบอกชื่อกลับโดยทันทีเพราะมันเป้นมารยาท

” ข้าน้อยชื่อ ไป๋หลง ”

” ข้าน้อยชื่อ อู้เฉียง ”

หลังจากไป่หลงและอู้เฉียงกล่าวแนะนำตัวเสร็จไคเฉินก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย

” เอาล่ะถึงแล้ว ” หลังจากไคเฉินกล่าวจบเหยี่ยวสายฟ้าก็บินลงพื้น พร้อมกับมีทหารยามหลายคนมารอรับ

” ทำความเคารพท่านแม่ทัพ ” เสียงของทหารยามนายหนึ่งดังขึ้นดูท่าจะเป็นหัวหน้าของทหารยาม30กว่าคนไป๋หลงตรวจสอบพลังของทุกคนแล้วส่วนใหญ่อยู่ที่นักรบหลอมขั้น 8ถึง9 ซะส่วนใหญ่ ส่วนคนที่ดูท่าเป็นหัวหน้า อยู่ที่นักรบที่แท้จริงขั้น5 ถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร

” ไม่ต้องมากพิธี ข้าจะพาพวกเขาสองคนเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิโดยด่วน ” ไคเฉินพูดจบก็พาไป๋หลงและอู้เฉียงเข้าพบองค์จักรพรรดิทันที ทหารยามทั้งหมดต่างมองอู้เฉียงและไป๋หลงด้วยแววตาที่ซับซ้อน แต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของไป๋หลงและอู้เฉียงได้

” นั้นคือ คนในข่าวลือรึ ที่ว่าทำพันธะสัณญาอสูรกับสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์น่ะ ” เสียงของทหารยามรูปร่างผอมบางกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย

“ถ้ามากับท่านแม่ทัพก็น่าจะใช่ ”

” น่าแปลกข้าไม่สามารถ ตรวจสอบพลังของพวกเขาได้อีกอย่างข้าไม่สามารถมองเห็นใบหน้าพวกเขาได้ ”

ตอนนี้ทหารยามต่างพูดคุยของพวกทหารยามต่างๆนาๆ

” ในพระราชสำนักชั่งงดงามจริงรูปลักษณ์ที่สลักลงบนกำแพงลวดลายต่างพร้อมกับทางเดินที่มีขนาดใหญ่ ” ไป๋หลงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

” ใช้ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าอยากรู้จังใครเป็นคนลงรูปลักษณ์บนกำแพงถึงทำออกมาได้สวยงามเช่นนี้ ” อู้เฉียงกล่าวเสริมออกมา

ไคเฉินได้ยินไป๋หลงและอู้เฉียงพูดก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความภูมิใจเพราะลายลักษณ์บนกำแพงนั้นเป็นฝีมือของไคเฉินนั้นเอง ผ่านไปสักก็มาถึงหน้าประตูบานใหญ่ที่มีทหารองค์รักษณ์ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ เมื่อองค์รักษ์ที่เห็นไคเฉินเดินมาก็ต่างทำความเคารพไคเฉินทันที

” คาราวะท่านแม่ทัพ ” ทหารองค์รักษ์กล่าวทำความเคารพไคเฉินพร้อมเพรียงกัน ไคเฉินพยักหน้าให้ก่อนที่องค์รักษ์จะเปิดประตูให้ไคเฉินทันที ทหารองค์รักษ์ ต่างมองไป๋หลงและอู้เฉียงด้วยความสงสัยทันทีก่อนที่ ทหารองค์รักษ์ นายหนึ่งจะกล่าวขึ้น

” เดี๋ยว ก่อนพวกท่านช่วยเอาฮู้ดออกได้หรือไม่ เพื่อความสบายใจของพวกเรา ” องค์รักษ์คนนั้นกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อมไม่มีความเย้ยหยันหรือดูถูกในน้ำเสียงทำให้ไป๋หลงตอบกลับไปในทันที พร้อมกับไคเฉินที่ไม่ได้กล่าวห้ามอะไร

” ถ้าเพื่อความสบายใจของพวกท่าน อู้เฉียงเจ้าเอาฮู้ดลงให้พวกเขาหายสงสัยเถอะ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เอาฮู้ดออกในทันที ทหารองค์รักษ์เหล่านั้นเมื่อเห็นไป๋หลงก็ทำหน้าเหวอในทันที ไคเฉินก็เช่นกันไม่นึกว่า พวกไป๋หลงจะมีอายุเพียงเท่านี้ ตาสีแดงสดราวกับอัญมณี ผมสีดำที่เงางามผิวขาวดุจหิมะ ถ้าสตรีนางใดได้เห็นคงอิจฉาตาร้อนและยอมพลีกายให้ไป๋หลงทันทีส่วนอู้เฉียงนั้นนับว่าหล่อเหลาในระดับนึงเมื่อไป๋หลง เอาฮู้ดออกก็กล่าวออกมาทัน

” พวกท่านสบายใจแล้วใช่หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่ามแก่องค์รักษ์ที่ยืนอยู่ไป๋หลงพลางตรวจสอบพลังก็ตกตะลึงเล็กน้อยเพราะส่วนใหญ่อยู้นักรบที่แท้จริงขั้น8 ถือว่าแข็งแกร่งในระดับนึง

” ชะ เชิญ พวกเจ้าเข้าไปได้ ” ทหารองค์รักษ์ คนนั้นกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง ก่อนที่ไป๋หลงและอู้เฉียงจะเดินเข้าไปในประตูทันที

“นี้พวกเจ้า เห็นเหมือนข้าใช่ไหม เป็นเพียงแค่ผู้เยาว์แต่สามารถ.. ”

” เจ้าควรเงียบเอาไว้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว ” ทหารองค์รักษ์ อักคนกล่าวขัดขึ้น

” อัจฉริยะโดยแท้ สงสัยคราวนี้ทวีปจรัสแสงคงรุ่งเรื่องเป็นแน่ ” ทหารองค์รักษ์ อีกคนกล่าวเสริม

ทหารองค์รักษ์ต่างพูดกันต่างๆนาๆเกี่ยวกับการมาของไป๋หลงและอู้เฉียง

” ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ข้าพาพวกเขามาแล้ว ” ไคเฉินกล่าวออกมาด้วยความเคารพ เมื่อไป๋หลงและอู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็คราวทำความเคารพทันที

” ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ” ไป๋หลงและอู้เฉียงกล่าวออกมาพร้อมกันพลางมองดูองค์จักรพรรดิ เป็นชายวัยกลางคนผมสีขาว รูปร่างสมส่วนใบหน้าคมคาย

” ฮ่าๆ ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด ” องค์จักรพรรดิกล่าวจบ ไป๋หลงและอู้เฉียงรวมทั้งไคเฉินลุกขึ้นทันที

” พวกเจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ ? ” องค์จักรพรรดิกล่าวถามออกมา เมื่อไป๋หลงแบะอู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ บอกกล่าวชื่อของตัวเองทันที

” ข้าน้อยมีชื่อว่า ไป๋หลง ”

” ข้าน้อยมีชื่อว่ส อู้เฉียง ”

ไป๋หลงและอู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

“พวกเจ้าเจอลูกของข้าหรือยัง พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง? ” องค์จักรพรรดิถามออกมาด้วยความใคร่รู้

” ข้าได้เจอกับพวกเขาแล้วแต่ยังไม่ได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ ” ไป๋หลงกล่าวอธิบาย

” ข้าเข้าใจแล้วเอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเถอะ ” องค์จักรพรรดิ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

” พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ถึงสามารถทำพันธะสัณญาอสูรกับสัตว์เทพอสูรได้? ”

เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบออกมาทันที

” เกรงว่าข้าไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ” ไป๋หลงตอบออกมาด้วยความเคารพ

” ไม่เป็นไร งั้นเจ้ามาเข้าร่วมกับราชวงศ์ของข้าหรือไม่? ” เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบออกมาด้วยความเคารพอีกครั้ง

“เรื่องนี้ข้าได้พูดกับองค์ชายถังเทียนไปแล้ว ข้าขอเวลาตัดสินใจ ”

” เป็นเช่นนั้นนี้เองว่าแต่ข้าขอดู สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้หรือไม่ “องค์จักรพรรดิถามออกมาด้วยความอยากรู้นิสัยส่วนตัวขององค์จักรพรรดินั้นชอบเกี่ยวกับเรื่องสัตว์อสูร เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาทันที

” ได้ ขอรับ หลิงหลุนออกมา ” ไป๋หลงกล่าวจบก็มีพยักฆ์สีขาวสลับดำขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที องค์จักรพรรดิเบิกตากว้างในทันทีเพราะไม่คิดว่าไป๋หลงจะบอกพยักฆ์ตัวนี้ออกมาได้ ขนาดสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ของตนนั้นยังไม่สามารถเรียกออกมาตามใจชอบได้เลย

” เอ่อ.องค์จักรพรรดิข้าเกรงว่าข้าไม่สามารถเรียกออกมาได้เหมือนไป๋หลงขอรับ แฮะๆ ” อู้เฉียงกบ่าวออกมาพลางยิ้มแล้วเกาหัวด้วยความเขิลอายเล็กน้อยแต่เมื่อองค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจทันทีก่อนจะกล่าวถามไคเฉินที่ยืนอยู่

” ไคเฉินนี้มันยังไงกันแน่” องค์จักรพรรดิ ถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อไคเฉินได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวอธิบายทันที

“เรียนองค์จักรพรรดิ ถามเจ้าตัวดูท่าจะเหมาะสมกว่า ” ไคเฉินกล่าวจบก็ผายมือมาทางอู้เฉียงในทันที

” เรียนท่านองค์จักรพรรดิ สัตว์อสูรในพันธะสัณญาของข้าคือ นกฟีนิกซ์เพลิงอมตะ!!! ” อู้เฉียงกล่าวจบองค์จักรพรรดิ ก็ทำสีหน้าตกตะลึงในทันที

” นะ นี้เจ้าบอกว่าเจ้ามี ฟีนิกซ์เป็นสัตว์อสูรในพันธะเช่นนั้นรึ!! ”

” เป็นเช่น แต่ข้ายัง ไม่ได้ทำการทดสอบที่ ฟีนิกซ์ตั้งไว้ จะเรียกว่า ยังเป็นเจ้าของโดยไม่สมบูรณ์ก็ได้ขอรับ แฮะๆ ” อู้เฉียงกล่าวจบ

องค์จักรพรรดิก็ทำหน้าเหนื่อยใจในทันที

” เฮ้อ…พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ” องค์จักรพรรดิบ่นขึ้นมาทันใดนั้นเองสัตว์เทพอสูรของ

องค์จักรพรรดิก็ตื่นขึ้นจากการหลับไหลอันยาวนานเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นและน่าเคารพราวกับเป็นพลังของเทพและมาร

ทันใดก็เกิดแสงสว่างไปทั่วห้องก่อนจะปรากฏอะไรบางอย่างตรงหน้าไป๋หลง

นี้มัน!!!

จบ.

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท