เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่40 คำใบ้

ตอนที่40 คำใบ้

” โอ๊ย!!.. แข็งชะมัด เมื่อไหร่ข้าจะทำลายหินก้อนนี้ได้สักทีเนี้ย ข้าทั้งปล่อยหมัดเตะและรวบรวมพลังเอาไว้จุดเดียวแล้วทำไมแท่งหินก้อนนี้ถึงยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยละเนี้ยทางด้านไป๋หลงจะเป็นยังไงบ้างน่ะ ” เสียงของอู้เฉียงที่บ่นออกมาด้วยความท้อใจ

เป็นเวลากว่า3 เดือนแล้วที่อู้เฉียงได้รับบททดสอบจากราฟาเอลที่ ต้องทำให้ แท่งหินสีดำ ที่มีลวดลายอักขระโบราณกำกับเอาไว้ซึ่งดูยังไงก็น่าจะเป็น อาคมป้องกันแน่นอนซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

” ทำไมท่านแม่ของไป๋หลงถึงให้สร้างบททดสอบนี้ให้ข้านะ… อีกอย่างรูปลักษณ์และออร่าที่แผ่ออกมาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…เฮ้ออ คิดอะไรไปก็ไม่ได้ประโยชน์ มาดูกันข้ากับเจ้าแท่งหินสีดำนี้ใครจะทนทานกว่ากัน ” อู้เฉียงกล่าวจบก็รวบรวมพลังไว้ที่เท้าขวาอีกรอบ ก่อนจะเตะออกไปสุดแรง

ตู้มมม!!

ย้อนกลับไปเมื่อ1เดือนก่อนตอนที่อู้เฉียงเข้ามาและราฟาเอลได้มอบบททดสอบให้….

” ห้องนี้มันอะไรกันเนี้ย…มีแต่แท่งหินสีดำประหลาดๆทั้งนั้น แล้วข้าควรทำอย่างไรดีละทีนี้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงนึงดังแว่วขึ้นมา ทำให้อู้เฉียงสะดุ้งด้วยความตกใจทันที

” เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงข้ามีบททดสอบให้เจ้าแล้ว เห็นแท่งหินสีดำรอบๆนี้หรือไม่ มันมีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า แท่งหินนิรันดร์ เป็นแท่งหินที่แข็งแกร่งและไม่มีวันเสื่อมสลายตามกาลเวลาตามชื่อนั้นแหละ ”

” ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านผู้อาวุโสอย่าบอกนะว่า… ” อู้เฉียงกล่าวเว้นช่วงไว้ ราฟาเอลเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่นแล้วกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่มันทำให้อู้เฉียงเสียวสันหลังวาบไม่ได้

” เป็นอย่างที่เจ้าคิดจงฝึกฝนตนเองและทำลายแท่งหินนี้ให้หมดแล้วบททดสอบต่อไปจะปรากฏ ข้าจะบอกใบ้ให้สักอย่างนะอู้เฉียงจงฟังให้ดี คนเรานั้นล้วนมีดำและขาวอยู่ภายในจงควบคุมส่วนที่เป็นสีดำนั้นให้ได้และอย่าให้ สีขาวหรือสีดำมากกว่ากัน จงทำให้มันรวมเป็นหนึ่งเดียว!! ”

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็งุนงง กับคำบอกใบ้ของราฟาเอล

” เดี๋ยวก่อนท่านมันหมายความว่ายัง… ” อู้เฉียงกล่าวไม่ทันจบราฟาเอลก็หายจากตรงนั้นซะแล้ว

” มันหมายความว่ายังไงกันนะ..ดำและขาว รวมเป็นหนึ่งโอ้ยย ข้าไม่ได้หัวไวเหมือนไป๋หลงนะ มันหมายความว่ายังไงกัน ”

อู้เฉียงได้แต่พึมพำกับตนเองอยู่อย่างงั้นและฝึกแบบปูๆปลาๆจนมาถึงบัจจุบัน

บัจจุบัน…

ภายในห้องๆหนึ่งที่มีแต่ความมืดมิดได้มีร่างๆหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศโดยที่บนแผ่นหลังนั้น มีปีกคู่หนึ่งซึ่งเป็นสีขาวและสีดำอย่างละข้าง สีขาวให้ความรู้สึกอบอุ่นยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ ส่วนสีดำนั้นให้ความรู้สึก ที่น่าหวาดหวั่นน่าเกรงขาม และอันตรายแฝงเอาไว้ ตอนนี้ สีขาวและสีดำกำลังเข้าห้ำหั่นกัน

อักกก!!

” อย่าเสียสมาธิไป๋หลงควบคุมความโกรธและจิตสังหารให้ได้ เจ้าจงควบคุมปีกให้มีสีแค่สีเดียวในการเรียกใช้แต่ละครั้งจะเป็นประโยชน์แก่เจ้าเอง และจะทำให้ง่ายต่อการใช้วิชาที่เป็นของเผ่าเทพ ถ้าปีกที่เป็นสีดำของเจ้ายังเป็นสีดำอยู่เจ้าก็จะไม่สามารถฝึกฝนวิชาของเผ่าเทพได้…..ตรงกันข้ามถ้าปีกของเจ้าอีกข้างยังเป็นสีขาวอยู่ เจ้าก็จะไม่สามารถฝึกฝนวิชาเผ่ามารได้ เพราะฉะนั้นจงตั้งสมาธิซะลูกแม่ แม่เชื่อนะว่าเจ้าสามารถทำได้ ”

ราฟาเอลพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและให้คำแนะนำแก่ไป๋หลง ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ กลืนเลือดที่กระอักออกมาลงคอไปในอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

” ขอรับท่านแม่ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ”

ภายนอก…..

” ไป๋หยาง..นี้มันก็3เดือนแล้วนะทำไมถึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้เลยละทั้ง อู้เฉียงและไป๋หลงอยู่ในลูกบอลทรงกลมสีขาวนี้ อยู่นานแล้วนะจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ ” เสียงของอู้หยาง กลาวออกมาด้วยความกังวลใจ

” ไป๋หลงและอู้เฉียงยังปลอดภัยดีข้ารู้สึกได้เช่นนั้น…สิ่งที่เราทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ แต่ภานในจิตใจส่วนลึกนั้นกระส่ำกระส่ายไปหมด ถึงแม้จะเป็นเทพอสูร เป็นเผ่าพันธ์ที่เรียกว่าตายด้านกับความรู้สึกแต่ไม่ใช่กับไป๋หยางที่ตอนนี้ แปลกไปจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

” แต่ว่า… ” อู้หยางกล่าวขึ้นด้วยความร้อนรน ก็โดนไป๋หยางยกมือห้ามไว้

” จงเชื่อมั่นในตัวของพวกเขา ที่ทำได้มีเพียงเท่านี้… ” ไป๋หยางกล่าวจบก็จดจ่ออยู่กับวัตถุทรงกลมสีขาวตรงหน้าอีกครั้ง ลูกบอลสีขาวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อู้เฉียงนั้น ก้าวเข้าไป และใช้พลังบางอย่างจนหยุดการประทุพลังของไป๋หลงเหลือทิ้งไว้เพียง ลูกบอลสีขาวนี้เท่านั้น

ภายในมิติที่ไป๋หลงและอู้เฉียงอยู่…

” โอ้ย…เตะจนเท้าข้าจะหักอยู่แล้ว แท่งหินนิรันดร์ นี้ไม่ได้มีดีแค่ชื่อจริงๆ ข้าจะทำยังไงดีนะ ” ขณะที่อู้เฉียงใช้ความคิดอยู่นั้นเองมีเสียงนึงดังขึ้นทำให้อู้เฉียงหลุดออกจากพะวังความคิด

” เจ้าโง่!! ข้าคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่มาอยู่กับเจ้าเนี้ย ถ้าแค่นี้เจ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ บททดสอบที่จะครอบครองข้าโดยสมบูรณ์ ตัดทิ้งไปได้เลย ”

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็สะดุ้งขึ้นทันที

” นี้ท่าน…หายไปนานเลยนะเนี้ย นึกว่าจะตายไปซะแล้ว ” อู้เฉียงกล่าวถามย้อนกลับไปด้วยความเคือง

” เจ้าเด็กปากเสีย!! ได้ทีเอาใหญ่เลยน่ะ ข้าไม่ได้ชื่อท่าน เรียกข้าว่า เฟิงห๋วง ”

” แล้วท่าน เฟิงห๋วงมีอะไรถึงมาพูดกับข้าละ ” อู้เฉียงกล่าวด้วยตวามสงสัย

” ไม่ชัดหรือไง ข้าบอกว่าเจ้ามันโง่เง่า ขนาดท่านผู้นั้นบอกใบ้ถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังแปลความหมายไม่ออก ” เฟิงห๋วงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียง เดือดดาล

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยทันที

” ท่านเข้าใจความหมายที่ท่านแม่ของไป๋หลงพูดเหรอ…ข้าจะไม่ขอคำตอบจากท่ายหรอกนะ แต่ช่วยออกมาพบข้าหน่อย ท่านพูดผ่านจิตแบบนี้ข้าคุยไม่ค่อยถนัด ” อู้เฉียงกล่าวพลางเอามือเกาหัว เพราะตนนั้นไไม่ค่อยถนัดคุยผ่านจิตสักเท่าไหร่คงเป็นความรู้สึกส่วนตัวละมั้ง

เฟิงห๋วงได้ยินเช่นนั้นเพียงส่งเสียง หึ นำลำคอก่อนจะยอมโผล่ออกมา รูปลักษณ์ที่อู้เฉียงได้เห็นนั้นเรียกว่า ตะลึงเลยก็ว่าได้ เส้นผมสีแดงราวกับเปลวเพลิง ดวงตาสีแดง ริมฝีปากสีชมพู ผิวพรรณขาวราวกับหิวชมะ รูปร่างและภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ทั้งสองข้างเข้ากันยิ่งนัก เรียกว่า ถ้าบุรุษใดได้เห็นต้องเกิดศึกชิงนางแน่นอน

” เป็นไงข้าออกมาพบเจ้าตามต้องการแล้ว ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องกันได้แล้ว ” เฟิงห๋วงกล่าวพลางเดินเข้ามาใกล้อู้เฉียง อู้เฉียงในตอนนี้ตะลึงกับความงดงามของเฟิงห๋วงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

” งดงามยิ่งนัก…เอ้ยย!! ข้าหมายถึง ชุดที่ท่านใส่งดงามยิ่งนักแล้ว เรื่องที่ท่าจะพูดคืออะไรเหรอ? ” อู้เฉียงรีบกล่าวเปลี่ยนเรื่องทันทีพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ

” เจ้าเป็นอะไรถึงหน้าแดง..ชั่งเถอะ ข้าจะเป็นคนฝึกเจ้าเองเตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะ ”

” อ่อ..ท่านจะฝึกข้างั้นเหรอได้……. ” อู้เฉียงตอบรับโดยไม่ทันได้คิด และในอนาคตอันใกล้นี้ อู้เฉียง จะมีอีกชื่อเรียกนึงที่รู้จักกันไปทั่วดินแดนนี้ก็คือ อู้เฉียงเปลวเพลิงอมตะ อู้เฉียงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมา เพราะ การฝึกกับ เฟิงห๋วงจะต้องราวกับตกนรกทั้งเป็นแน่นอน

ม่ายยยยยยย!!

ไป๋หลงตอนนี้ กำลังทำสมาธิอยู่ก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้หลังจากได้ฟังคำแนะนำจากราฟาเอล

” หรือว่า…เป็นแบบนี้นี่เองข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ ” ไป๋หลงกล่าวทิ้งช่วงไว้ก่อนจะยกยิ้มขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความยินดีไว้

” ดูเหมือนจะจับทิศทางการฝึกได้แล้วสินะ…การฝึกต่อไปยากกว่านี้หลายเท่าเตรียมใจเอาไว้ให้ดีละลูกแม่…. ”

ราฟาเอลกล่าวด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย ก่อนที่ร่างจะเลือนหายไปทิ้งไว้เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า เหลือเพียงไป๋หลงที่ยังฝึกอยู่เท่านั้น

จบ……

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท