เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่25 สัตว์อสูรในพันธะสัญญาของข้าคือแมว?

ตอนที่25 สัตว์อสูรในพันธะสัญญาของข้าคือแมว?

หลังจากที่เสียงระเบิดที่เกิดจากพลังมหาศาลของไป๋หลง สงบลง เจ้าสำนักลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีพร้อมกับผู้อาวุโสในสำนักอีกนับ10 ไม่เพียงแต่เท่านั้น ถังเทียนที่เป็นถึงองค์ชาย กับสะท้านด้วยความตกตะลึงเป็นครั้งแรก ถังอวี้ที่ตอนนี้มองดูแท่นศิลาที่ใช้วัดระดับพลัง บุคลิกที่สงบและเยือกเย็นหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงไว้แต่ความตกตะลึงจนไม่อาจหาคำพูดได้

” นักรบที่แท้จริงขั้นที่4ไม่น่าเชื่อ!!… ” ถังอวี้กล่าวออกมาด้วยความตะลึงใช้สายตาจ้องมองไปยังศิลาวัดพลัง ก็เห็นระดับพลังที่ไป๋หลงแสดงออกมาทำให้นางมั่นใจได้ว่า ไป๋หลงอยู่เหนือกว่าพี่ชายของตนมาก

ผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้กับไป๋หลง เห็นระดับพลังที่ไป๋หลงแสดงออกมาตัวมันนั้นแทบกระอักเลือด กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง

ปะ ไป๋หลง ขั้นระดับพลัง นักรบที่แท้จริงขั้นที่4 !!

ผู้อาวุโสที่เป็นคอยดูแลการสอบวัดระดับพลังกล่าวมาดด้วยน้ำเสียงดังกังวาลทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี้ได้ยินทั้งหมด ผู้อาวุโสสังเกตุมองตรงที่ไป๋หลงปล่อยหมัดออกไป ศิลาแตกร้าว กลายเป็นรูปกำปั้นที่ไป๋หลง ปล่อยหมัดลง ไป ผู้อาวุโสคนนั้นแทบล้มทั้งยืน ก่อนที่จะศิลาจะเริ่มซ่อมแซมตังเองทันที รอยแตกร้าวได้หายไป แต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่

” เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นบุตรของผู้ใดอยู่ในตระกูลไหนเจ้าพอรู้บ้างไหม? ผู้อาวุโสสาม ” เจ้าสำนักหมื่นกระบี่ถามออกมาด้วยความอยากรู้ หลังจาก เกิดเหตุการณ์ที่ มีคนใช้วิชา กระบี่ตัดสวรรค์ เมื่อไม่กี่วันก่อน ยังไม่สามารถ หาตัวคนที่ใช้วิชากระบี่ตัดสวรรค์ได้ นับวันเมืองจรัสแสงยิ่งมีคนมีฝีมือเข้ามาเรื่อยๆ เจ้าสำนักได้แต่คิดในใจ ยิ่งมีรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำให้เจ้าสำนักอยากรู้ไปอีก

” เรียนท่านเจ้าสำสัก ข้าก็ไม่รู้เช่นกันใส่ฮู้ดปิดบังใบหน้าตัวข้านั้นก็จนปัณญา อีกอย่างน่าแปลกข้าไม่สามารถใช้ดวงตาหยั่งรู้มองเห็นได้ เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ขวางกั้นอยู่ ” ผู้อาวุโสสาม ที่มีรูปร่างสมส่วนผมยาวสีขาวแสดงถึงความชราแต่ใบหน้านั้นยังอยู่ในวัยกลางคน ดูเป็นคนที่มีความรู้

” สงสัยข้าต้องไปหาด้วยตนเองซะแล้วหลังจบการทดสอบ ไป๋หลง!! ” เจ้าสำนักหมื่นกระบี่กล่าวออกมาด้วยความตื่นต้น

ตอนนี้ไป๋หลงโดนลงมาจากแท่นศิลาที่วัดพลัง ก็มีคนหลีกทางให้เพราะความสามารถที่ไป๋หลงแสดงเมื่อกี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ทำได้ ก่อนจะมีดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ นั้นก็คือ หมางเทียนนั้นเอง องค์ชายถังเทียนอยู่เหนือกว่าตัวมันพอรับได้ แต่กับคนอย่างไป๋หลงที่มันดูจากการแต่งตัว มันก็ไม่พอใจทัน

” เจ้าโกงแน่ๆ!! ไม่มีทางที่คนอย่างเจ้าจะมีพลังเหนือกว่าข้าไปได้หรอก ” หมางเทียนกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจและพยามใส่ความไป๋หลงเมื่อหมางเทียนกล่าวออกมาคนอื่นก็คล้อยตามทันที

” ใช่ๆ เจ้าอาจะโกงก็ได้ “เสียงคนผู้นึงในผู้สมัครสอบกล่าวขึ้น

” ไม่มีทางมีผู้อาวุโสของสำนักคอยควบคุมดูแลอยู่ไม่มีทางที่เขาจะโกงได้หรอก ” เสียงของผู้เข้าสอบเริ่มเอะ อะ โวยวายผู้อาวุโสจึงตวาดด้วยน้ำเสียงทรงพลังทันที

เงียบบบ!!

” พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกัน ยังไงๆเขาจะได้แสดงฝีมือในวันนี้แน่ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเขามีฝีมือหรือไร้ฝีมือ ไม่มีใครโกงการสอบนี้ได้เพราะข้าเป็นคนคุมสนามสอบแห่งนี้ ” ผู้อาวุโสกล่าวอธิบายพร้อมหันมาหาไป๋หลง ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ก้มให้เป็นเชิงว่า ขอบคุณ

“เอาล่ะ คนต่อไป อู้เฉียงขึ้นมา ” ผู้อาวุโสกล่าวเรียกอู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินผู้อาวุโสเรียกตัวเองนั้นก็ก้าวเดินขึ้นไปแต่หน้าแปลกที่ไม่มีเสียงดูถูกหรือเหยียดหยามเลยแม้แต่น้อย ถ้าอธิบายง่ายๆคือ อู้เฉียงมากับไป๋หลงแถมยังใส่หู้ดปิดบังใบหน้าเหมือนกับไป๋หลงจึง ไม่อยากกล่าวคำดูถูกออกมาเพราะ อาจจะเป็นเหมือนคราวของไป๋หลง

ไป๋หลงได้เดินหลีกไปในที่ๆมีคนไม่มากเพื่อเอาน้ำออกมาจากแหวนมิติเพราะรู้สึกหิวน้ำ

” เอาล่ะ เชิญเจ้าเริ่มการทดสอบได้ ” ผู้อาวุโสกล่าวจบก็ คอยสังเกตุอู้เฉียงทันที อู้เฉียงไม่รอช้า รวบรวมพลังทั้งหมดมาไว้ที่มือขวา มือขวาของอู้เฉียงที่โดนลอยมีดแทง จึงรู้สึกเจ็บ ขึ้นมาแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นเลือดไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผล ผู้อาวุโสที่ยืนคุมสอบอยู่เห็นเลือดไหลออกมาจึงพยามห้ามอู้เฉียงไม่ให้ใช้พลังมากเกินไป

” นี้เจ้าข้าว่า… ” ผู้อาวุโสกล่าวไม่ทันจบอู้เฉียงก็พูดกลับมาทันที

“ข้าไม่เป็นไร ”

อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผู้อาวุโสเห็นดังนั้นจึงไม่ได้ห้ามและชื่นชมในความอดทนของอู้เฉียง อู้เฉียงไม่รอช้าหลังจากรวบพลังจนถึงจุดสูงสุด ก็ปล่อยหมัดใส่ แท่นศิลา วัดพลังทันที ก่อนที่ผู้อาวุโสจะรู้สึกถึงระดับพลังที่แข็งแกร่งถึงแม้จะน้อยกว่าไป๋หลงไปเพียงนิดเดียวก็ตามที

” นี้เจ้า… ” ผู้อาวุโสกล่าวไม่ทันจบ อู้เฉียงปล่อยหมัดออกไปจนศิลาถึงกับสั่นสะเทือนพร้อมกับแรงระเบิดที่ดังสนั่นขึ้น

ตู้มมมมมม!!

เมื่อเสียงระเบิดพลังเงียบลง ไป๋หลงหันไปมองขณะกินน้ำอยู่ถึงกับพ้นน้ำออกมาทันที

พรู้ดด!!

” เจ้าอู้เฉียงระดับพลังทำไมถึง.. ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง

เมื่อกลุ่มฝุ่นควันหายไป ทุกคนก็เห็นระดับของอู้เฉียงทันที ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ถึงกับสถบออกมา วันนี้เป็นวันที่รวมพวกสัตว์ประหลาดเอาไว้รึ จะทำให้คนแก่อย่างข้าหัวใจวายตายหรือยังไง ผู้อาวุโสสถบขึ้นมาในใจก่อนจะประกาศระดับพลังของอู้เฉียง

อู้เฉียง ระดับพลัง นักรบที่แท้จริงขั้นที่3!!

ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังแฝงไปด้วยพลัง เจ้าสำนัก เห็นเช่นนั้นก็ถามผู้อาวุโส สามอีกรอบทันที

” ผู้อาวุโสสาม วันนี้เป็นวันรวมพวกสัตว์ประหลาดเอาไว้เหรอ ฮ่าๆๆ เห็นทีคราวนี้สำนักเราคงจะเชิดหน้าชูตาได้สักที ผู้อาวุโสสาม ท่านรู้หรือไม่ว่า ผู้เยาว์คนนั้นเป็นใคร ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดั

” เอ่อ..เรียนเจ้าสำนักเป็นแบบเดียวกับเด็กที่ชื่อไป๋หลงไม่มีผิดข้าไม่สามารถตรวจดูอะไรได้เลยเหมื่อนมีพลังบางอย่างขวางกั้นอยู่ข้ารู้สึก ละอายใจยิ่งนัก ” ผู้อาวุโสสาม กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสลด

“ไม่เป็นไรๆ ฮ่าๆ ยังไงๆ ข้าก็จะไปพบพวกเขาด้วยตัวเอง ” เจ้าสำนักพูดออกมาด้วยความชอบใจ

ตอนนี้ถังเทียนที่เป็นถึงองค์ชายรู้สึกละอายใจยิ่งนักที่ ตนนั้นคิดว่าคงไม่มีใครมีพลังเยอะไปกว่าตน แต่อย่างว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า

” ถังอวี้เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับพวกเขาทั้งสองคนนั้นสักหน่อย ” ถังเทียนบอกกล่าวแก่ผู้เป็นน้องนั้นก็คือ ถังอวี้

” เอาตามที่ท่านพี่ว่าก็ได้เดี๋ยวข้าไปทดสอบแล้วเดี๋ยวข้าตามท่านไป ” ถังอวี้บอกกล่าวแก่ถังเทียนผู้เป็นน้องสาวของตน ถังเทียนพยักหน้าก่อนจะเดินไปหาพวกไป๋หลงพร้อมกับองค์รักษ์ เกือบ10 คนที่ตามมาด้วย

ไป๋หลงเดินมาหาอู้เฉียงทันทีที่อู้เฉียงเดินลงมาด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อย

” ทำไมพลังของเจ้าถึงใกล้เคียงกับข้าล่ะในเมื่อครั้งก่อนพลังของเจ้ายัง.. ” ไป๋หลงถามออกมาด้วยความสงสัย

” เอ่อ..จะว่าไงดีเดี๋ยวพอเสร็จจากการเข้าสำนักข้าจะบอกเจ้าเองได้หรือไม่ ? ” อู้เฉียงกล่าวตอบแก่ไป๋หลงด้วยน้ำเสียงจริง

” เอาตามที่เจ้าว่าก็ได้ ห้ามปิดบังข้าเด็ดขาด เพราะเราเป็นเพื่อนกันเข้าใจไหม ” ไป๋หลงกล่าวกำชับแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา

” ฮ่าๆ ได้ๆขอรับท่านไป๋หลงผู้ยิ่งใหญ่ ” อู้เฉียงกล่าวหยอกล้อไป๋หลง ไป๋หลงเห็นแบบนั้น ก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความกวน ของอู้เฉียง

หลังจากอู้เฉียงทดสอบเสร็จ ผู้อาวุโสของกล่าวเรียกคนต่อไปทันที

” องค์หญิง ถังอวี้เชิญขึ้นมารับการทดสอบด้วยขอรับ ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อมและเคารพ ถังอวี้ขึ้นไปและก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ

บรรดาเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายต่างชื่นชมความงามของถังอวี้กันไม่ขาดสาย

” องค์หญิง ถังอวี้ท่านชั่งงดงามยิ่งนัก ” เสียงของคนที่เข้ามาทดสอบเอ่ยขึ้น

” งามแท้ๆ ช่างงดงามยิ่งนัก”

” ใช่ๆแค่ได้มองข้าก็สุขใจแล้ว ”

เสียงบรรดาเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายต่างยกยอถังอวี้ ยกเว้นก็แต่ไป๋หลงและอู้เฉียงที่คุยกันไปเรื่อยจนไม่ได้สนใจ สิ่งรอบข้าง

” เชิญองค์หญิงทดสอบ ” ผู้อาวุโสกล่าวจบ ถังอวี้รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาทันทีก่อนจะปล่อยหมัดใส่ ศิลายักษ์ที่ใช้วัดพลังทันทีจนเกิดเสียงระเบิดขึ้น

ตู้มมม!!

ผู้อาวุโสเห็นดังนั้นก็ยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะประกาศระดับพลังออกมา

องค์หญิง ถังอวี้ ระดับพลัง นักรบที่แท้จริงขั้นที่2!!

ผู้อาวุโสประกาศผลออกมาเสียงดังฟังชัด แต่ความตกตะลึงก็มีไม่มากเท่ากับไป๋หลงหรืออู้เฉียง แต่ก็ยังดีที่สามารถทำให้ศิลาเกิดเสียงระเบิดออกมาได้

ตอนนี้ไป๋หลงคุยกับอู้เฉียงเรื่องการทดสอบรอบต่อไป ได้ยินเขาพูดกันว่าเป็นการทดสอบเรียกสัตว์อสูรออกมาเพื่อทำพันธะสัณญา ทำให้ไป๋หลงสนใจมิใช่น้อย ขณะที่ไป๋หลงกำลังคุยอยู่ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น

” นี้เจ้าชื่อ ไป๋หลงใช่ไหม ? ” เสียงที่เรียกออกมานั้นไม่ได้มีความเสแสร้งแม้แต่น้อย ก่อนที่ไป๋หลงจะหันหลังกลับไปหาที่มาของเสียง ก็เจอกับเด็กหนุ่มที่รุ่นเดียวกันผมสีเงินกับดวงตาสีฟ้าครามราวกับเทพเซียนลงมาจุติ ไป๋หลงรู้ได้ทันทีว่านี้คือ องค์ชายถังเทียน ไป๋หลงและอู้เฉียงจึงทำความเคารพทันที เพราะไป๋หลงเห็นว่าองค์ชายองค์นี้ นั้นมีค่าพอให้เคารพดูจากการการพูดคุย

“ใช่แล้ว ข้าชื่อไป๋หลงส่วนนั้นสหายข้าอู้เฉียงไม่ทราบว่สองค์ชายมีอันใดถึงตามหาข้า ” ไป๋หลงกล่าวและก้มหัวให้องค์ชายเล็กน้อยเพื่อนเป็นการเคารพ เมื่อ ถังเทียนเห็นว่าไป๋หลงดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนมีนิสัยหยิ่งยโส จึงได้กล่าวชักชวนไป๋หลงทันที

” ไป๋หลงเจ้ากับสหายเจ้าอู้เฉียงยินดีเข้าร่วมกับราชงศ์ถัง ของท่านพ่อข้าหรือไม่ ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า ” ถังเทียนกล่าวขึ้นโดยใช้น้ำเสียงเชิญชวน ไป๋หลงและอู้เฉียง

ตอนนั้นเองพวกคนที่มาสอบไม่ได้สนใจการสอบตรงหน้าแล้วเพียงแค่ได้ยินว่า องค์ชายถังเทียนเชิญชวนไป๋หลงและอู้เฉียงเข้าร่วมกับราชวงศ์ถัง ขององค์ จักรพรรดิถังหน่านเหิง ที่แข็งที่สุดในทวีปจรัสแสง เป็นสิ่งที่ใครๆก็ต่างใฝ่ฝัน จนเกิดเสียงฮือฉาขึ้นทั่วบริเวณสนามสอบ

” นะ นี้ข้าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม องค์ชายถังเทียน ออกปากเชิญด้วยตัวเอง โดยปกติแล้วจะให้คนในวังมากล่าวเชิญเท่านั้นแต่นี้ องค์ชายถังเทียนถึงกับออกปากเชิญด้วยตัวเอง ” ชายคนที่อยู่ใกล้กับองค์ชายถังเทียนกล่าวออกมาทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้น

” อะไรนะ!! องค์ชายถังเทียนออกปากเชิญพวกมันสองคนในขณะที่ข้า หมางเทียนผู้นี้ไม่ได้รับการเชิญ บัดซบ!! ” หมางเทียนที่ได้ยินดังนั้นก็กล่างออกมาด้วยความไม่พอใจ

ตอนนี้ไป๋หลงไม่ได้สนใจกับพวกที่พูดคุยเรื่องของตนแม้แต่น้อยแต่กำลังคิดว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่ เพราะตอนนี้ ตัวมันเองอยากจะอยู่ที่สำนักนี้และจบการศึกษาถึงปี3 ซะก่อน นั้นคือความคิดแรกของไป๋หลง ไป๋หลงจึงตัดสินใจบอกกับองค์ชายกับไปด้วยความเคารพ

” เรียนองค์ชาย ตัวข้านั้น อยากจะสำเร็จการศึกษาทั้ง3ชั้นปีของสำนักหมื่นกระบี่ซะก่อน ระหว่างที่ข้าอยู่ที่สำนัก นี้ข้าอยากจะขอเวลาตัดสินใจ แต่ถ้าท่านรอไม่ได้ ข้าก็ไม่ว่าอะไร ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเคารพ แต่เมื่อองค์รักษ์ที่ติดตามถังเทียนมาได้ยินก็กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ

” สามหาว!! อวดดียิ่งนัก ปฏิเสธการเชิญชวนจากองค์.. ” องค์รักษ์คนนั้นพูดไม่จบก็ ถังเทียนก็ยกมือห้ามไว้

” อย่าเสียมารยาทต่อคนที่ข้าพูดด้วย!! นี้เป็นการตัดสินใจของเขา ” ถังเทียนกล่าวต่อว่า องค์รักษ์คนนั้นทันทีก่อนจะกล่าวขอโทษไป๋หลง

” ข้าขอโทษ แทนคนของข้าด้วย ” ถังเทียนกล่าวบอกแก่ไป๋หลง

” ไม่เป็นไรหรอกองค์ชาย ” ไป๋หลงกล่าวขึ้น

เมื่อถังเทียนได้ยินคำตอบของไป๋หลงก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวบางอย่างออกมา

” ข้ารอได้ ข้าเคารพการจัดสินใจของเจ้า งั้นข้าไปที่น้องของข้าก่อนล่ะ ” ถังเทียนกล่าวจบก็จากไปในทันทีพร้อมองค์รักษ์ คนที่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นก็ ตกตะลึงและแปลกใจที่ไป๋หลงยังไม่เข้าร่วมกับราชวงศ์ถัง

” ทำไมเจ้าไม่เข้าร่วมล่ะข้าว่าองค์ชายคนนั้นก็ดูเป็นคนดีใช้ได้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาอย่างงุนงง เหตุใด ไป๋หลงจึงปฏิเสธ

” ยังไม่ถึงเวลา ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเรียบๆ

หลังจากผ่านไปสักพักการสอบวันพลังก็จบลง ก่อนที่ ผู้อาวุโสคุมสอบจะกล่าวขึ้น

” ข้าขอแสดงความยินดีด้วยกับคนที่ผ่านมาในรอบแรก รอบต่อไปนี้ จะเป็นการทำพันธสัณญาอสูร ซึ่งแน่นอน สัตว์อสูรที่พวกเจ้าเรียกออกมานั้นมีผลต่อคะแนน สัตว์อสูรยิ่งอยู่ในระดับที่สูง คะแนนจะยิ่งสูงตาม ซึ่งแน่นอนรอบเมื่อกี้ก็มีการเก็บคะแนนเช่นกัน ใครมีคะแนนสูงจะได้ทดสอบเป็นคนแรก ”

ผู้อาวุโสกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ก่อนจะประกาศรายชื่อผู้ทดสอบคนแรก

” ผู้ทดสอบ คน แรก ไป๋หลงขึ้นมาบนแท่นทำพันธะสัณญาอสูร ด้วย ” ผู้อาวุโสกล่าวจบไป๋หลงก็ขึ้นมาบนแท่นทำพันธะสัณญาอสูรทันที ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อยที่ศิลาทดสอบพลังตรงนี้หายไปได้อย่างไร ผู้อาวุโสเห็นไป๋หลงทำท่าทางสงสัยจึงยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวอธิบาย

” เจ้าคงจะสงสัยสินะ ว่าแท่นศิลาที่ใช้วัดระดับพลังหายไปได้ยังไง ” ผู้อาวุโสกล่าวถามแก่ไป๋หลง ไป๋หลงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ก้มหัวและทำความเคารพทันที

” ขอรับท่านผู้อาวุโส ” ไป๋หลงตอบกลับมาแววตาเป็นประกายด้วยความใคร่รู้

” มันอยู่ใต้พื้นดินของสำนักเรานี้แหละ คนในสำนักรู้กันทุกคนนั้นแหละ ถ้าหายสงสัยแล้วก็นำมีดกรีดบนมือแล้วหยดเลือดของเจ้าลงบนตราอักขระ พันธะสัณญาอสูรอสูรได้แล้ว เมื่อเลือดเจ้า โดนตราอักขระ สัตว์อสูรที่เหมาะสมกับเจ้าจะออกมา ซึ่งแน่นอนว่า วิธีแบบนี้นั้นสามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมันคือข้อห้าม แต่ถ้าเจ้าทำพันธะสัณญาอสูร ที่อื่นมันก็อีกเรื่อง คนเรานั้นมีสัตว์อสูรในพันธะสัณญากี่ตัวก็ได้แต่ต้องขึ้นกับระดับพลังของตน สัตว์อสูรยิ่งมาก พลังที่ใช้ในการเรียกออกมาจะต้องมากเช่นกัน เอาล่ะ เริ่มได้แล้ว ” หลังจากผู้อาวุโสบอกกล่าวแก่ไป๋หลงเสร็จ ไป๋หลงก็เริ่มทำตามที่ผู้อาวุโสบอกกล่าวทันที

” ขอรับ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็นำมีดมากรีด มือตัวเองทันที เลือดของไป๋หลงไหลลงไปโดนอักขระ ทำให้อักขระทำงานในทันที แสงสว่างจ้าทำให้ทุกคนต้องเอามือมาปิดตารวมทั้งไปหล๋ง ก่อนจะมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

ครื่นๆๆ !!

เปรี้ยงๆ!!

หลังจากแสงสว่างหายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่แปรปรวนกลับมาเป็นปกติ ก็ปรากฏ สิ่งมีชีวิตรูปร่าง มีขนสีขาว มีหนวด นั้นก็คือ แมว นั้นเอง

ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้โวยวายออกมาคิดว่ามันคงเป็นชะตาฟ้าลิขิต ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะขึ้น ด้วยความเหยียดหยาม

” ฮ่าๆ ข้าก็นึกว่าเป็นสัตว์อสูรอะไร ที่แท้ก็แค่ชั้นต่ำ ฮ่าๆ ” เสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน และดูแคลนเป็นเสียงของหมางเทียนนั้นเองที่ไม่พอใจไป๋หลงในตอนแรกแล้วได้โอกาศจึงทับถมไป๋หลงด้วยคำพูดทันที

” ใช่ๆ เจ้ามันก็มีดีแค่ขั้นพลัง เพียงแค่ขั้นพลังของเจ้ามากกว่าพวกข้าไม่กี่ เท่าอย่ามาอวดดีไปหน่อยเลย ”

” ถึงเจ้าแข็งแกร่งจริง แต่สัตว์อสูรเป็นเพียงขยะ มันจะทำให้เจ้าลำบากเอาน่ะ ฮ่าๆ ”

เสียงกลุ่มคนที่ไม่พอใจไป๋หลงตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ได้จังหวะทับถมไป๋หลงพวกมันจึงทับถมไป๋หลงด้วยคำพูด ผู้อาวุโสที่เห็นได้แต่เห็นใจไป๋หลง

ไป๋หลง หาได้สนใจ อุ้มสัตว์อสูรในพันธะสัณญาของตน ไว้ในอ้อมกอด แต่เหมือนกับว่า สัตว์อสูรในพันธะสัณญาของไป๋หลง จะรู้สึกได้ว่าผู้เป็นนายโดนดูถูกรวมถึงตัวมันเอง มันจึง คำรามออกมา ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง กับสัตว์อสูรในพันธะสัณญาของไป๋หลง

โฮกกกกกกกกก!!

จบ

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท